ผู้เขียน | ธนกฤต ก้องเวหา |
---|---|
เผยแพร่ |
จาตุมหาราชิกา คือภูมิของเทพยดาชาวฟ้า มีท้าวมหาราชทั้ง 4 เป็นผู้ปกครอง เป็นสวรรค์ชั้นที่ 1 จากทั้งหมด 6 ชั้น ตามความเชื่อทางพุทธศาสนา ซึ่งเรียกรวมกันว่า “ฉกามาพจร”
หนังสือ สมุดข่อย : สมุดภาพไตรภูมิฉบับหลวง สมัยธนบุรี โดยโครงการสืบสานมรดกวัฒนธรรมไทย ระบุว่า สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาอยู่สูงจากแผ่นดินขึ้นไป 46,000 โยชน์ ตั้งอยู่บนยอดเขายุคันธรทางทิศใต้ของเขาสิเนรุราช มีเมืองสวรรค์สำหรับเทวดาอยู่ 4 เมือง กว้างยาวเท่ากัน 400,000 วา มีกำแพงทองล้อมรอบ ประดับประดาด้วยแก้ว 7 ประการ เทพยดาที่นี่มีอายุ 500 ปีทิพย์ เทียบกับมนุษย์คือ 9 ล้านปี
สำหรับข้อมูลแบบเจาะลึกเกี่ยวกับสวรรค์ชั้นนี้ มีรายละเอียดอยู่ในหนังสือ โลกทีปนี ของ ท่านเจ้าคุณพระเทพมุนี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ. 9) เจ้าอาวาสวัดดอน และเจ้าคณะเขตยานนาวา กรุงเทพฯ ซึ่งท่านรจนาขึ้นตั้งแต่ดำรงสมณศักดิ์ พระศรีวิสุทธิโสภณ จึงขอยกมาสรุปความเพื่ออ่านประดับความรู้ ดังนี้
เทพนครทั้ง 4 แห่ง บนสวรรค์ชั้นนี้ มีปราสาทแก้วเป็นวิมานของชาวฟ้า ส่วนผืนแผ่นดินเป็นแผ่นทองคำอร่าม ราบดังหน้ากลอง แต่อ่อนนุ่มดังฟูก เมื่อเหยียบก็อ่อนยุบก่อนจะคืนสภาพเรียบดังเก่า มีสระโบกขรณีที่น้ำใสยิ่งกว่าแก้ว เต็มไปด้วยปทุม (บัว) นานาชนิด ส่งกลิ่นเหมือนน้ำอบน้ำหอมตลบอมอวลไปทั่ว ทั้งต้นไม้ ดอกไม้ นานาพรรณ มีดอกผลเป็นทิพย์ให้ทวยเทพได้ชื่นชมตลอด ไม่มีวันร่วงโรย

ท้าวจาตุมหาราช
เทพนครทั้ง 4 ในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา มีท้าวเทวราชผู้ยิ่งใหญ่ปกครองอยู่ 4 องค์ เรียกท้าวมหาราชทั้ง 4 หรือ ท้าวจาตุมหาราช (จตุโลกบาล) ได้แก่
1. ธตรฐมหาราช จอมเทพผู้ปกครองเบื้องบูรพา หรือทิศตะวันออก เป็นอธิบดีของ คนธรรพ์ ชาวสวรรค์จำพวกหนึ่งซึ่งมีความถนัดด้านดนตรี ศิลปศาสตร์ระบำรำฟ้อน และการขับเพลง มีชื่อเสียงในหมู่เทวดา งานชุมนุมรื่นเริงต่าง ๆ ของเทวดา จึงมีคนธรรพ์ร่วมสร้างความสำราญเสมอ
2. วิรุฬหกมหาราช จอมเทพผู้ปกครองเบื้องทักษิณ หรือทิศใต้ เป็นอธิบดีของ ภุมภัณฑ์ ยักษ์จำพวกหนึ่ง ท่าทีดุร้าย และร่างกายค่อนข้างพิกลคือ ท้องใหญ่ ตัวมหึมา และมีอัณฑะเหมือนหม้อ (เป็นที่มาของชื่อ กุมภัณฑ์) แม้จะก้าวร้าว แต่เคารพเชื่อฟังท้าววิรุฬหกผู้เป็นนายอย่างยิ่ง
3. วิรูปักษ์มหาราช จอมเทพผู้ปกครองเบื้องประจิม หรือทิศตะวันตก เป็นอธิบดีของ นาค ซึ่งล้วนมีฤทธิ์มาก พิษรุนแรง คร่าชีวิตคนได้ในพริบตา มีญาณรู้มิตรรู้ศัตรู เมื่อไปตามที่ต่าง ๆ จะเนรมิตตนเป็นงู เป็นกระแต บ้างเป็นเทวดา เที่ยวเตร่ตามพงไพรอย่างสุขสำราญ
4. เวสสุวัณมหาราช หรือท้าวกุเวร จอมเทพผู้ปกครองเบื้องอุดร หรือทิศเหนือ เป็นอธิบดีของ ยักษ์ อสูรชั้นสูงซึ่งต่างจากภุมภัณฑ์และรากษส (ยักษ์ในรามเกียรติ์) เพราะมักมีร่างกายงามสง่า ผิวพรรณผุดผ่อง

อุบัติเทพ
การจะเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา สัตว์ทั้งหลายต้องสร้างบุญสร้างกุศลไว้มากพอ เมื่อมาอุบัติในสวรรค์แล้ว จะไม่ต้องอยู่ในครรภ์มารดาหรือฟองไข่อย่างมนุษย์หรือสัตว์เดียรัจฉาน แต่จะเกิดเป็นร่างทิพย์เป็นวัยหนุ่มสาวเลย
เมื่อเกิดในเทวโลกแล้ว เทวดาผู้นั้นจะตั้งอยู่ในฐานะใดก็ตามแต่สถานที่อุบัติ กล่าวคือ หากสร้างบุญกุศลไว้มากพอ จะอุบัติในวิมานของตนทันที
แต่ถ้ามีบุญน้อย ไม่มีวิมานของตน หากอุบัติที่ตักของเทวดาองค์ใด จะเป็นบุตรธิดาของเทวดาองค์นั้น หากเป็นสตรีแล้วบังเกิดเหนือแท่นบรรทมของเทพองค์ใด ก็จะเป็นบาทบริจาริกาของเทพองค์นั้น
หากบุญน้อยกว่านั้นอีก เพียงบังเกิดใกล้ ๆ ที่บรรทม จะได้เป็นพนักงานตกแต่งประดับประดาอาภรณ์และเครื่องต้นเครื่องทรงของเทพองค์นั้น หรือหากเกิดในบริเวณปราสาทวิมาน ก็จะเป็นเทวดารับใช้ เว้นเสียแต่จะอุบัติที่ว่างระหว่างวิมาน ท้าวมหาราชเทพจะเป็นผู้ตัดสินด้วยวิจารณญาณว่าจะให้เป็นบริวารใคร หรือรับมาเป็นบริวารของพระองค์เอง
ชีวิตความเป็นอยู่
เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกามีสรีระเป็นกายทิพย์ รูปงาม สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากมลทิน ไร้กลิ่นเหม็นร้ายใด ๆ สามารถเนรมิตกายให้ใหญ่โตหรือเล็กได้ดังใจปรารถนา เทวดาจำนวน 20-80 องค์ อาจเนรมิตตนให้อยู่ในสถานที่เล็กน้อยเท่าปลายเส้นผมยังได้
เทวดาเหล่านี้บริโภคอาหารทิพย์ กินไปแล้วแห้งเหือดหายไปในร่างกายเลย ไม่มีการขับถ่ายออกมาเป็นของเสีย และไร้อุปัทวอันตรายโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ เสวยสุขสำราญอยู่ตลอด
สำหรับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็เป็นทิพย์ มีรัศมีส่องสว่าง เป็นผ้าทิพย์ผืนเล็กเท่าดอกปีบ แต่สามารถคลี่ออกเพื่อนุ่งห่มเป็นผ้าผืนใหญ่ยาวพอเหมาะแก่ร่างของเทวดาที่เป็นเจ้าของ
ไม่ใช่แค่อาภรณ์ที่มีรัศมีเรืองรอง แต่วิมานที่สถิตและตัวเทวดาเองก็มี ทำให้เทวโลกไม่มีราตรีอันมืดมัวเหมือนโลกมนุษย์ ดังเป็นกลางวันอยู่ตลอดเวลา ยังไม่นับรัศมีส่องสว่างจากแก้วแหวนเงินทองอันเป็นทิพย์ที่มีอยู่ทั่วไปในสวรรค์ชั้นนี้
เทพชายขอบ
ที่กล่าวมาเป็นทวยเทพที่สถิตอยู่ในสรวงสวรรค์จาตุมหาราชิกาที่เป็นภูมิชั้นสูงเท่านั้น ยังมีเทพยดาชั้นล่างที่นับเนื่องในสวรรค์ชั้นนี้ด้วย พวกท่านอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น วิมานบนยอดเขา ตามอากาศ ต้นไม้ หรือที่เราคุ้นชื่อกันอย่าง “รุกขเทวดา” ที่จะอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ เทวดาจำพวกนี้จะอยู่ใกล้ชิดมนุษย์และสัตว์โลกทั้งหลายอย่างมาก แต่เราจะไม่สามารถมองเห็นวิมานของท่านได้ เห็นแต่ต้นไม้ใหญ่พุ่มใบดกหนาเท่านั้น
ทั้งหมดนี้เป็นรายละเอียด (ส่วนหนึ่ง) เกี่ยวกับชาวสวรรค์ชั้นที่ 1 ในฉกามาพจร ท่านที่สนใจสามารถค้นคว้าเพิ่มได้ในหนังสือ โลกทีปนี ของ ท่านเจ้าคุณพระเทพมุนี (วิลาศ ญาณวโร ป.ธ. 9) หรือหากมองเห็นอาหารสมองที่ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบขวนขวาย โอกาสต่อไปเห็นจะได้นำเสนอเรื่องราวชาวสวรรค์ชั้นอื่น ๆ ให้ได้ติดตามกัน
อ่านเพิ่มเติม :
- สวรรค์แบบพุทธที่เทวดาตกชั้นได้ จาก “ฉกามาพจร” ในไตรภูมิพระร่วง
- “สุขาวดี” คืออะไร? ทำอย่างไรจึงจะได้เข้าสู่แดนสวรรค์อันบริสุทธิ์ของชาวพุทธ
- “ดาวดึงส์” สวรรค์ชื่อคุ้นหู จากพุทธประวัติเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปเทศน์โปรดพระมารดา
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
พระเทพมุนี, ท่านเจ้าคุณ. (2529). โลกทีปนี. กรุงเทพฯ : กราฟิคอาร์ต. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พลตำรวจเอก ประเสริฐ รุจิวงศ์.
บุญเตือน ศรีวรพจน์ และประสิทธ์ แสงทับ (เรียบเรียง). (2542). สมุดข่อย : สมุดภาพไตรภูมิ ฉบับหลวง สมัยธนบุรี. โครงการสืบสานมรดกวัฒนธรรมไทย. สมุทรปราการ : สตาร์ปริ๊นท์.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 มีนาคม 2568