เปิดความสำเร็จ “Taste of Thai Tales” โดยการบินไทย-เชฟโบ ลิ้มรสดินแดนสุวรรณภูมิผ่าน “อาหาร” ที่ท่องฟ้าทั่วโลก

“เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ” ผู้ร่วมก่อตั้งร้านอาหารโบ.ลาน เจ้าของรางวัลเชฟหญิงที่ดีที่สุดของเอเชีย ประจำปี 2556 Taste of Thai Tales การบินไทย
“เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ” ผู้ร่วมก่อตั้งร้านอาหารโบ.ลาน เจ้าของรางวัลเชฟหญิงที่ดีที่สุดของเอเชีย ประจำปี 2556

“สุวรรณภูมิ” คือดินแดนอันรุ่งเรืองในอุษาคเนย์ ครอบคลุมพื้นที่ที่ปัจจุบันคือประเทศไทย ดินแดนแห่งนี้หลอมรวมผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ เป็นบ่อเกิดวัฒนธรรมมากมาย หนึ่งในนั้นคือวัฒนธรรมด้านอาหาร ที่ “การบินไทย” สายการบินแห่งชาติ มอบประสบการณ์สุดพิเศษแก่ผู้โดยสารทั่วโลกในโครงการ “Taste of Thai Tales” ที่มอบประสบการณ์การรับประทานอาหารไทยร่วมสมัยจากวัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อสนับสนุนชุมชน

โครงการนี้ ได้ชักชวน “เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ” ผู้หลงรักวัตถุดิบอาหารไทย มาร่วมถ่ายทอดรากเหง้าความเป็นไทยในดินแดนสุวรรณภูมิ ผ่านวัตถุดิบชั้นเยี่ยมมากมายในแต่ละท้องถิ่น นำมารังสรรค์เป็นเมนูอาหารไทยร่วมสมัยอันหลากหลาย เพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มรสบนน่านฟ้าทั่วโลกอย่างอิ่มเอมใจ

Advertisement

จากจุดเริ่มต้นเมื่อปลายปี 2566 ถึงวันนี้ “Taste of Thai Tales” ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ไม่เพียงมอบความสุขผ่านอาหารทุกคำ แต่ยังช่วยให้นักเดินทางทั่วโลกรู้จักเมืองไทยมากขึ้น

“ศิลปวัฒนธรรม” จึงสนทนากับเชฟโบ ชวนย้อนที่มาของโครงการ พร้อมสนทนาถึงหัวใจความสำเร็จของ “Taste of Thai Tales” ที่ล่าสุดโครงการนี้ได้รับรางวัล Guest Experience of the Year ในงาน Travel Daily Media-Travel Trade Excellence Awards 2024

“สุวรรณภูมิ” เบ้าหลอม “อาหารไทย”

“อาหารไทยคืออะไร” คือคำถามแรกที่เราเริ่มบทสนทนากับ “เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ” ผู้ร่วมก่อตั้งร้านอาหารโบ.ลาน เจ้าของรางวัลเชฟหญิงที่ดีที่สุดของเอเชีย ประจำปี 2556 (Asia’s Best Female Chef 2013) ก่อนได้คำตอบกลับมาว่า “ขีดเส้นด้วยรัฐศาสตร์-ภูมิศาสตร์ ตามเส้นแผนที่เลย อะไรเกิดขึ้นในนี้ และหาที่อื่นไม่ได้ เท่ากับไทย”

เชฟโบยกตัวอย่างว่า “ถามว่าเย็นตาโฟไทยไหม? ไม่ไทย จีนชัด ๆ เส้นก็มาจากจีน ภูมิปัญญาก็มาจากจีน แต่เย็นตาโฟหาได้ในประเทศไทย แล้วพอไปถึงเซี่ยงไฮ้ ไต้หวัน ไม่มีเย็นตาโฟให้กิน เพราะฉะนั้นมันไทย

ถ้าพูดถึงอาหารไทยร่วมสมัย ยุคปัจจุบันนะ โบใช้เส้นขีด อะไรเกิดขึ้นในประเทศไทยแล้วไม่มีที่อื่น แม้ว่ารากจะได้รับอิทธิพลและวัฒนธรรมร่วมจากที่อื่น แต่ถ้าหาจากที่อื่นไม่ได้ คือไทย

แกงเขียวหวานเนื้อซูวี เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิ คอหมูผัดซอสหวาน ไข่ต้มยางมะตูม และใบเหลียงผัดไข่ หนึ่งในเมนูของ “Taste of Thai Tales”
แกงเขียวหวานเนื้อซูวี เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิ คอหมูผัดซอสหวาน ไข่ต้มยางมะตูม และใบเหลียงผัดไข่ หนึ่งในเมนูของ “Taste of Thai Tales”

เชฟโบชี้ว่า วัฒนธรรมอาหารไม่ใช่เรื่องของความโดดเดี่ยว แปลกแยก แต่เป็นพหุวัฒนธรรม วิทยานิพนธ์ด้านอาหารที่ตนเองทำก็นิยามอาหารไทยไว้ว่า เป็นผลพวงจากการผสมผสานอาหารหลากหลายวัฒนธรรมผ่านกาลเวลาที่ยาวนาน จนเข้าใจวัฒนธรรม เข้าใจวัตถุดิบจากต้นทาง อาหารไทยจึงเป็นผลลัพธ์ที่คน (ใน) ไทยรับเข้ามาปรับเปลี่ยนบ้างอย่างเข้าใจ แล้วทำสืบต่อกันระยะเวลาหนึ่งจนเป็นที่ยอมรับในสังคม

ดินแดนสุวรรณภูมิอันเป็นที่ตั้งของประเทศไทย มีหลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวข้องกับอาหารมาอย่างยาวนาน ย้อนกลับไปเมื่อ 3,000 ปีก่อน ที่บ้านโคกพนมดี จังหวัดชลบุรี พบร่องรอยเมล็ดข้าว เกล็ด และก้างปลาบริเวณช่องท้องของโครงกระดูกมนุษย์

หรืออย่างบันทึกจดหมายเหตุของ ลา ลูแบร์ ทูตชาวฝรั่งเศสที่มาเจริญสัมพันธไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เล่าถึงการจับปลามาหมักทำปลาร้าของชาวอยุธยา นับเป็นอีกหนึ่งร่องรอยวัฒนธรรม “เน่าแล้วอร่อย” ของคนภาคกลาง และเป็นเครื่องยืนยันว่า “ข้าว” กับ “ปลา” เป็นอาหารหลักของคนไทยมาแต่โบราณ

ทว่าวัฒนธรรมอาหารไม่เคยหยุดนิ่ง นักวิชาการด้านอาหารหลายท่านเห็นพ้องต้องกันว่า ไทยเราเป็นนักดัดแปลง ผสานประโยชน์ได้อย่างยอดเยี่ยม วัฒนธรรมอาหารไทยจึงเป็น “melting pot” เป็นหม้อรวมทางวัฒนธรรม ที่หล่อหลอมวัฒนธรรมอาหารจากนานาชาติ ซึ่งติดต่อกับเราในมิติต่าง ๆ

นอกจากอารยธรรมจีนกับอินเดียที่มีอิทธิพลสูงมากต่อวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ ของไทย (รวมถึงอาหาร) การเข้ามาติดต่อการค้าของชาติตะวันตกตั้งแต่สมัยอยุธยาก็มีส่วนสำคัญต่อการประกอบร่างวัฒนธรรมด้านอาหารของเราอยู่ไม่น้อย และหลอมรวมเป็นวัฒนธรรมอาหารไทยอย่างที่เรารู้จักกันทุกวันนี้

“ความสามารถพิเศษของคนไทยคือการยอมรับ เข้าใจ และนำมาใช้ ประกอบกับชาติเราค่อนข้างสงบ ไม่ต้องเผชิญสงครามตลอดเวลา เราเลยมีความต่อเนื่องในภูมิปัญญาด้านอาหาร มีความหลากหลายทางอาหารมากกว่าชาติอื่น ทุกอย่างก็ผสมผสานให้กลายเป็นไทยวันนี้” เชฟโบกล่าว

ความหลากหลายของอาหารไทย โดยเฉพาะจากวัตถุดิบท้องถิ่น คือสิ่งที่ “การบินไทย” เห็นคุณค่าและให้ความสำคัญมาโดยตลอด และตอกย้ำอีกครั้งในโครงการล่าสุดอย่าง “Taste of Thai Tales” ด้วยรสมือของเชฟโบ

เรื่องเล่าจาก “โบ.ลาน”

เชฟโบเกิดและโตที่กรุงเทพฯ ก่อนไปจบการศึกษาด้านโภชนศาสตร์จากออสเตรเลีย ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารที่อยู่ในความสนใจใคร่รู้ของเชฟโบ แต่ยังรวมถึงประวัติศาสตร์ การเมือง เกษตรกรรม วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเชฟโบสามารถผนวกความสนใจทั้งหมดนี้มาประยุกต์ใช้กับอาหารในร้านโบ.ลาน อย่างลงตัว จนได้รับเกียรติให้เป็นเชฟหญิงที่ดีที่สุดของเอเชีย เมื่อปี 2556 หลังเปิดร้านโบ.ลาน ได้เพียง 4 ปีเท่านั้น

การจะรู้จักเชฟโบจึงต้องเข้าไปทำความรู้จักโบ.ลานด้วย

ร้าน โบ.ลาน
ร้าน โบ.ลาน

โบ.ลานเป็นร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่ง ระดับพรีเมียม ดีกรี 1 ดาวมิชลิน ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 53 กรุงเทพฯ ที่นี่เองที่เชฟโบพาลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทำความรู้จักโภชนศาสตร์และโภชนศิลป์ของไทย ด้วยบริการอาหารแบบเป็นชุดสำรับ แทนที่จะเป็นคอร์สเหมือนร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งอื่น ๆ ด้วยปรัชญาว่า อาหารไทยที่รับประทานเป็นสำรับจะให้อรรถรสในการ “เสพ” อย่างแท้จริง

แรงบันดาลใจสำคัญของเชฟโบคือการได้ทำงานกับ เดวิด ทอมป์สัน (David Thompson) เชฟอาหารไทยระดับโลกชาวออสเตรเลีย

การได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ 2 ปีครึ่ง ในครัวของเดวิด ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้เชฟโบได้รู้จักวัตถุดิบอาหารไทยมากมายที่ไม่เคยเห็น แม้จะเกิดและเติบโตในไทยก็ตาม เมื่อเรียนรู้กับระดับปรมาจารย์จนรู้สึกว่าพร้อมแล้ว จึงตัดสินใจกลับมาเปิดร้านโบ.ลานที่เมืองไทย

“เดวิด ทอมป์สัน ก็ศึกษาจากตำราอาหารโบราณของไทยอย่างแม่ครัวหัวป่าก์ ตำรับสายเยาวภา หม่อมส้มจีน เอามาตีความในความเข้าใจของเขาแล้วก็ทำ

พอกลับมาเมืองไทย เราไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ทุกอย่างตื่นตาตื่นใจไปหมด ไม่ใช่แค่เล่มชั้นครู ยังมีหนังสืองานศพของท่านผู้หญิงในรั้วในวัง หรือหนังสือของอาจารย์อีกหลายท่าน ก็เริ่มอ่านและลงมือ เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง อาศัยถามอาจารย์หลาย ๆ ท่าน กับเดินทางรอบประเทศ ไปตามตลาดพื้นบ้าน เพื่อตามหาวัตถุดิบว่ามีอะไรอีก กับไปศึกษาว่าเขาใช้ยังไง

ก้าวสำคัญที่เติมเต็มประสบการณ์ของเชฟโบคือการถูกทาบทามไปทำรายการ กินอยู่คือ ของ Thai PBS หลังเปิดร้านได้ 1 ปี เพราะมีทั้งทีมงานช่วยหาแหล่งข้อมูล และเครือข่ายร้านสินค้า-แหล่งวัตถุดิบ

“ปรัชญา 3 ข้อ ของโบ.ลาน คือ 1. เราทำทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบมากเท่าที่จะทำได้ ให้เป็นออร์แกนิกที่สุด 2. สนับสนุนความหลากหลายของพืชและสัตว์ที่นำมาใช้ 3. รักษา สืบสาน และส่งต่อภูมิปัญญาอาหารไทยให้คนรุ่นต่อไป” เชฟอาหารไทยมืออันดับต้นๆ เล่า

ทางเข้าร้าน โบ.ลาน
ทางเข้าร้าน โบ.ลาน

เชฟโบยังให้เหตุผลของการใช้ธรรมเนียมการรับประทานอาหารไทยแบบเป็นสำรับของร้านโบ.ลานว่า เสน่ห์อาหารไทยคือความสมดุลในรสชาติและการรับรู้ คือ เปรี้ยว เค็ม หวาน ขม ปร่า เผ็ด ครบในหนึ่งเมนู แต่ละเมนูจะมีรสนำ เช่น ยำ ถึงจะมีทั้งเผ็ด เค็ม หวาน แต่คุณลักษณะหลักของยำคือเปรี้ยวนำ ซึ่งสิ่งนี้นำเสนอเป็นไฟน์ไดนิ่งได้

สำหรับเชฟโบแล้ว ไฟน์ไดนิ่งคือการรับประทานอาหารด้วยบรรยากาศ สภาพแวดล้อม เครื่องมือเครื่องใช้ดี อาหารรสชาติดี ทุกอย่างดีพร้อม ละเอียด และปราณีต

“อย่างทูตประเทศอื่นมาถวายวัตถุดิบใหม่ ๆ เช่น หมูแฮม สาลี่จากจีน แล้วแม่ครัวไทย-แม่ครัวจีนทำอาหารด้วยกัน ไม่ใช่แค่รู้จักวัตถุดิบเท่านั้น แต่รู้ว่าต้องปรุงยังไง จัดสำรับอย่างไร นี่คือไฟน์ไดนิ่งสำหรับโบ

คนยังยึดติดว่าไฟน์ไดนิ่งต้องกินเป็นคอร์ส ทั้งที่เจ้านายในอดีตกินเป็นสำรับ เป็นไฟน์ไดนิ่งวิถีไทยโบราณขนานแท้ ไม่จำเป็นทำตามอารยะฝรั่ง เชฟโบเล่า

ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัล Guest Experience of the Year จากโครงการ “Taste of Thai Tales” ในงาน Travel Daily Media-Travel Trade Excellence Awards 2024 โดยมีผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย อาทิ กรกฏ ชาตะสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ กิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าและการตลาด และเชฟโบ-ดวงพร ร่วมแสดงความยินดี
ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัล Guest Experience of the Year จากโครงการ “Taste of Thai Tales” ในงาน Travel Daily Media-Travel Trade Excellence Awards 2024 โดยมีผู้บริหารระดับสูงของการบินไทย อาทิ กรกฏ ชาตะสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ กิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าและการตลาด และเชฟโบ-ดวงพร ร่วมแสดงความยินดี

“Taste of Thai Tales” วัฒนธรรมอาหารไทยมิติใหม่

การผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่างเชฟโบกับการบินไทย ในโครงการ “Taste of Thai Tales” นั้น เชฟโบเล่าที่มาว่า คุณหนึ่ง-กิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าและการตลาด บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) คือผู้ยื่นข้อเสนอ และเป็นเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจตอบรับและคว้าโอกาสอันท้าทายครั้งนี้ไว้แทบจะทันที เนื่องจากไอเดียคุณหนึ่งน่าสนใจมาก เพราะเป็นการเล่าประวัติศาสตร์ผ่านอาหารไทย ข้อมูลแน่น อ้างถึงหนังสือหลายเล่ม สนุกดี ทั้งยังรู้จักและเคยร่วมงานกันมาอย่างยาวนาน

“พอเป็นพี่หนึ่ง เรารู้ว่าจะมีคนซัพพอร์ต คอยสื่อสารกับหน่วยงานต่าง ๆ ในองค์กรของการบินไทยได้อย่างเข้าใจว่า ทำไมเราเลือกทำแบบนี้ ๆ พอเป็นระยะที่การบินไทยเข้าสู่แผนฟื้นฟู พี่หนึ่งบอกว่า ‘โบ มันต้องมีอะไรเจ๋ง’ เลยเกิดเป็น Taste of Thai Tales ซึ่งพี่หนึ่งนี่แหละวางขอบเขตว่าอยากได้ประมาณไหน

พี่หนึ่งอ่านหนังสือเยอะมาก เขาอยากใช้ประวัติศาสตร์ของดินแดนอุษาคเนย์หรือสุวรรณภูมิเป็นแรงบันดาลใจในการเล่าเรื่องผ่านอาหาร

โจทย์ใหญ่ที่เชฟโบได้รับเป็นการนำเสนอ “Locality and Seasonality” คือ อาหารท้องถิ่นกับอาหารตามฤดูกาล และ “Thai Therapy” คือ การนำเสนอว่ากินแล้วสุขภาพดีอย่างไร และต้องบรรจบกับการที่รับประทานแล้วต้องได้ประสบการณ์ตามหลัก “อายตนะ 6” คือการสัมผัสได้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ

เป็นที่มาของเมนูชูอัตลักษณ์ความเป็นไทยหลากหลายเมนูด้วยกัน ยกตัวอย่าง เมนูหลักสำรับใหญ่อย่าง ข้าว-ต้มโคล้ง ปลารมควันซึ่งเชฟโบเล่าว่า

“การบินไทยเคยทำสำรับ ‘ข้าวต้มกุ๊ย’ เป็นข้าวต้มแห้งพร้อมเครื่อง โบเลยเสนอโอชาซึเกะ (ข้าวแช่สไตล์ญี่ปุ่น) แต่ใช้น้ำแกงเป็นรสต้มโคล้ง เหมือนเรากินต้มโคล้งกับข้าว แต่เวลาเสิร์ฟบนเครื่องจะกลับกัน เรามีข้าวแล้วเราค่อยเทน้ำต้มโคล้งลงไป จะได้กลิ่นหอมปลากรอบ มีหอม กระเทียม พริก ให้ความรู้สึก ‘smokiness’ และความเปรี้ยวจากมะขาม”

ข้าว-ต้มโคล้ง ปลารมควัน
ข้าว-ต้มโคล้ง ปลารมควัน

สิ่งยืนยันว่าเมนูนี้ผ่านการคิดสร้างสรรค์อย่างถี่ถ้วนคือ ณ ระดับความสูงของเครื่องบิน ประสาทรับรสรับกลิ่นของมนุษย์จะลดประสิทธิภาพลง แต่การรับรู้ความอูมามิยังเท่าเดิม ต้มโคล้งที่ใช้น้ำมะขามจึงสะดวกกว่าเมนูที่ใช้น้ำมะนาว เพราะน้ำมะขามแช่เย็นแล้วนำมาอุ่นใหม่รสชาติยังดีเหมือนเดิม ส่วนน้ำมะนาวแช่เย็นแล้วรสชาติจะเปลี่ยน แต่ถ้ายังอยากเติมเปรี้ยวก็สามารถฝานมะนาวบีบเติมบนเครื่องได้

สำรับใหญ่อีกชุดคือรายการ 1 แกง 1 ผัด และของแนม ซึ่งย่อส่วนจากสำรับใหญ่อย่างไทยโบราณ แต่ละรายการจะมีเมนูที่เน้นรสเผ็ดตามแบบฉบับของร้านโบ.ลาน แต่จะมาคู่กับเมนูช่วยตัดความเผ็ดร้อน เช่น หมูหวานในพะโล้เต้าหู้คลองแงะ พะโล้เต้าหู้ราชบุรี ซึ่งล้วนเป็นอาหารประจำถิ่น หาได้เฉพาะท้องที่

แกงคั่วกุ้ง สับปะรด เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิ ไข่เจียวไชโป๊ และมะเขือม่วงผัดโหระพา
แกงคั่วกุ้ง สับปะรด เสิร์ฟพร้อมข้าวหอมมะลิ ไข่เจียวไชโป๊ และมะเขือม่วงผัดโหระพา

หรือเมนูอาหารเช้าอย่าง “สาคูวิลาศ” หรือ ต้มจืดสาคูวิลาศมะพร้าวอ่อนโหระพา จากตำราอาหารแม่ครัวหัวป่าก์ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ เป็นสาคูใส่น้ำแกงจืด มะพร้าวอ่อน ใบโหระพา มีไก่ฉีก กุ้ง กระเทียมเจียว และไข่ออนเซ็น ถือได้ว่าเป็นอีกเมนูที่ผ่านการ “ดีไซน์” ตามโจทย์ของการบินไทยมาอย่างลงตัวเช่นกัน

ไม่กล่าวถึงไม่ได้เลย คือ เมนูจากโจทย์ที่ “คุณหนึ่ง-กิตติพงษ์” ต้องการสร้างความทรงจำใหม่ ๆ ของอาหารการบินไทย แบบที่เกิดขึ้นกับ “ข้าวผัดรถไฟ” เมนูในตำนานของการรถไฟแห่งประเทศไทย นั่นคือเมนู “เส้นหมี่น้ำพริก” ที่เชฟโบเล่าว่า สามารถตอบโจทย์ปรัชญา “อายตนะ 6” ที่การบินไทยส่งเสริมได้อย่างชัดเจนที่สุด

“อายตนะ 6” ในเส้นหมี่น้ำพริก

เส้นหมี่น้ำพริก
เส้นหมี่น้ำพริก

เส้นหมี่น้ำพริกถูกจัดไว้ในรายการของว่างหรือของกินระหว่างมื้อ ซึ่งเชฟโบอธิบายหลักอายตนะ 6 ในรายการอาหารนี้ไว้ว่า

ตา จากส่วนประกอบต่าง ๆ ได้แก่ เส้นหมี่ขาว กระเทียมเจียวโรย มีผักกินคู่กันเรียก “ผักเหมือด” ได้แก่ แตงกวาซอย มะม่วงซอย และผักบุ้งลวก กระเจี๊ยบทอดกรอบ พริกแดง ไข่ต้มยางมะตูม จัดแต่งบนจานจะได้สีตัดกันสวยงาม

หู ได้จากของกรอบ คือกระเจี๊ยบทอดกรอบ เพราะเวลาเคี้ยวจะมีเสียง

จมูก มีการขูดผิวมะกรูดใส่ตามธรรมเนียมการกินขนมจีนน้ำพริก การขูดสด ๆ บนเครื่องจะได้ความหอมแตะจมูก

รส (ลิ้น) คือรสชาติอร่อยถูกปาก

กาย คือพนักงานเสิร์ฟจะคอยบริการอย่างใกล้ชิด มีการเทเครื่องและน้ำพริกให้ ขูดผิวมะกรูดให้

ใจ คือความอิ่มอกอิ่มใจ ทั้งจากรสชาติอาหารและการบริการ เพราะกินแล้วอร่อย บริการดี

ขนมปังบันไส้ผัดกะเพราหมูหมักน้ำผึ้งย่าง พร้อมไข่ต้มยางมะตูมและพริกทอด หนึ่งในเมนูของ “Taste of Thai Tales” จากไอเดียของเชฟโบ
ขนมปังบันไส้ผัดกะเพราหมูหมักน้ำผึ้งย่าง พร้อมไข่ต้มยางมะตูมและพริกทอด หนึ่งในเมนูของ “Taste of Thai Tales” จากไอเดียของเชฟโบ
พายแกงฮังเลหมู พร้อมกระเทียมและขิงดองเสียบไม้ หนึ่งในเมนูของ “Taste of Thai Tales” จากไอเดียของเชฟโบ
พายแกงฮังเลหมู พร้อมกระเทียมและขิงดองเสียบไม้ หนึ่งในเมนูของ “Taste of Thai Tales” จากไอเดียของเชฟโบ

เหล่านี้คือหัวใจความสำเร็จของโครงการ “Taste of Thai Tales” ของการบินไทยร่วมกับเชฟโบ ซึ่งเชฟโบก็ย้ำว่า โครงการนี้สำเร็จได้ด้วยแรงสนับสนุนจากหลายภาคส่วน และยังมีเชฟรุ่นพี่อย่างเชฟแม้ว เชฟชำนาญ รวมถึงทีมงานที่เกี่ยวข้องอีกมากมายของการบินไทยที่คอยให้คำแนะนำและทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่

เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ
เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ

“ทั้งฝ่ายออกแบบและพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า ฝ่ายครัวการบิน ฝ่ายจัดซื้อ จนถึงลูกเรือ และเชฟของการบินไทยเองด้วย เพราะฉะนั้น ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ด้วยโบและพี่หนึ่ง พี่หนึ่งจุดประกาย โบตามมา แต่ที่เหลือคือทุกคนช่วยกันทำ” เชฟโบบอก

เพราะอาหารคือสิ่งสะท้อนวัฒนธรรมอันรุ่มรวยของเมืองไทย ในฐานะดินแดนสุวรรณภูมิ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาถึงปัจจุบัน ซึ่ง “Taste of Thai Tales” สามารถนำเสนอแนวคิดนี้ได้อย่างสร้างสรรค์ พร้อมสร้างความประทับใจให้ทุกคนที่ได้ลิ้มรส

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 31 ตุลาคม 2567