ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
การจัดเครื่องบูชาพระ หรือโต๊ะหมู่บูชาพระ เป็นที่นิยมอย่างมากช่วงต้นรัตนโกสินทร์ สืบเนื่องมาถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีการจัดเครื่องบูชาพระหลายแบบ โดยแบบที่เจ้านายและขุนนางนิยมกันมากคือ “โต๊ะกิมตึ๋ง” หรือเครื่องบูชาอย่างจีนแกมไทย ที่ฮิตถึงขั้นจัดประกวดประขันกันในสมัยรัชกาลที่ 5
เครื่องบูชาพระ 3 ประเภท ในสยาม
บทความ “‘อธิบายเครื่องบูชา’ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ” เรียบเรียงโดย ดุษฎี ชัยเพชร เล่าว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์หนังสือเรื่อง “อธิบายเครื่องบูชา” กล่าวถึงประเภทเครื่องบูชาในสยามว่า มีด้วยกัน 3 ประเภท คือ เครื่องบูชาอย่างไทย เครื่องบูชาอย่างไทยแกมจีน หรือ “ม้าหมู่” และเครื่องบูชาอย่างจีนแกมไทย หรือ “โต๊ะจีน”
ประเภทแรก เครื่องบูชาอย่างไทย แบ่งได้เป็น 3 อย่าง ดังนี้
เครื่องนมัสการของหลวง เรียกว่าเครื่องทองทิศ ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ทรงบูชาพระรัตนตรัยในงานพระราชพิธี มีเตียงทองตั้งเชิงเทียนแถวหนึ่ง 5 เชิง เชิงธูปแถวหนึ่ง 5 เชิง พานข้าวตอกแถวหนึ่ง 5 พาน พานดอกไม้แถวหนึ่ง 5 พาน
เครื่องห้า สำหรับพระมหากษัตริย์ทรงบูชาเวลาทรงสดับพระธรรมเทศนา มีเชิงเทียน 2 กระถางปักธูป 1 กรวยปักดอกไม้ 5 กรวย ตั้งในพานทองลงยาราชาวดี
เครื่องทองน้อย สำหรับพระมหากษัตริย์บูชาเฉพาะอย่าง เช่น พระบรมอัฐิ มีเชิงเทียน 1 เชิงธูป 1 กรวยปักดอกไม้ 3 กรวย ตั้งในพานทองลงยาราชาวดี
ประเภทที่ 2 คือ เครื่องบูชาอย่างไทยแกมจีน หรือ “ม้าหมู่”
เหตุที่เรียกว่าเครื่องบูชาอย่างม้าหมู่ เพราะความคิดที่จัดเป็นเครื่องบูชาเป็นความคิดอย่างไทย แต่กระบวนการที่จัดเอาอย่างมาจากจีน โดยประยุกต์เอาเครื่องเรือนอย่างจีน หรือที่เรียกว่า “ลายฮ่อ” และลายแจกัน เครื่องถ้วยชามอย่างจีน เรียกว่า “ลายปักโก๊” ที่สวยงามมาใช้
กรมดำรงทรงระบุว่า ตามตำนานกล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงสร้างสวนขวาในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งช่วงนั้นราชทูตไทยเดินทางไปเมืองปักกิ่ง และได้เครื่องแต่งเรือนอย่างจีนกลับมาจัดและตกแต่งพระตำหนักในสวนขวา เกิดความนิยมกันมากขึ้น
กระทั่ง พ.ศ. 2391 รัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการฉลองวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พระองค์มีพระราชดำริให้จัดสร้างม้าหมู่ขึ้น โดยดัดแปลงตามเครื่องฮ่อ ใช้สำหรับตั้งเครื่องบูชาหน้าพระประธานในพระอุโบสถ เป็นม้าหมู่ขนาดใหญ่ และสำหรับตั้งเครื่องบูชาที่ตั้งประจำวิหารทิศ เป็นม้าหมู่ขนาดน้อย
ต่อมาจึงนิยมเอาแบบอย่าง จัดโต๊ะเครื่องบูชาอย่างม้าหมู่สำหรับใช้ประดิษฐานพระพุทธรูป และมีโต๊ะประกอบที่ตั้งเครื่องบูชาในการทำบุญโอกาสต่าง ๆ ของพระบรมวงศานุวงศ์และเจ้านายในสมัยนั้น
เครื่องบูชาอย่างม้าหมู่ที่ใช้สำหรับเป็นที่ตั้งพระพุทธรูปประกอบเครื่องบูชา หรือใช้เป็นเครื่องประดับ จะต้องถือว่าที่ตั้งพระเป็นสำคัญ เหลือพื้นที่เท่าไหร่จึงจัดเครื่องบูชาเข้าตั้งประกอบ เช่น เชิงเทียนเครื่องปักดอกไม้ เป็นต้น
“โต๊ะกิมตึ๋ง” เครื่องบูชาอย่างจีนแกมไทย
ประเภทที่ 3 คือ เครื่องบูชาอย่างจีนแกมไทย หรือเรียกว่า “เครื่องบูชาอย่างโต๊ะจีน” เพราะเป็นแบบเครื่องบูชาของจีนและไทยเอามาคิดประกอบกัน ดัดแปลงใช้ตั้งเป็นอย่างเครื่องบูชาไทย ไม่เหมือนกับที่จีนตั้ง
กรมดำรงทรงอธิบายว่า เครื่องบูชาอย่างโต๊ะจีน ใช้ตั้งบนโต๊ะสูง แบ่งเป็น 2 โต๊ะต่างกัน คือ โต๊ะเครื่องบูชา 1 โต๊ะ โต๊ะเครื่องเซ่น 1 โต๊ะ ตั้งด้วยกันบ้าง ตั้งแยกกันบ้าง
โต๊ะเครื่องบูชาอย่างจีน ซึ่งมาจัดเป็นอย่างไทย เริ่มมีขึ้นเมื่อครั้งฉลองวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม พ.ศ. 2391 ในคราวเดียวกับที่มีเครื่องบูชาอย่างม้าหมู่
ภายหลังเมื่อเกิดความนิยมอย่างมาก พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (พุก ต้นสกุล “โชติพุกกณะ”) จึงทูลขอให้กรมขุนราชสีหวิกรมทรงทำแบบอย่าง แล้วสั่งเครื่องโต๊ะเข้ามาขายเป็นชุดๆ เรียกว่า “โต๊ะกิมตึ๋ง” ตั้งแต่นั้นมาการตั้งโต๊ะเครื่องบูชาอย่างจีนแกมไทย ก็ได้กลายเป็นแบบแผนและใช้เครื่องถ้วยมาโดยตลอด
ถึงรัชกาลที่ 5 พระองค์โปรดเครื่องอย่างโต๊ะจีน เมื่อมีงานหลวงก็ทรงให้จัดตั้งโต๊ะเครื่องบูชาประกวดอยู่บ่อยครั้ง และมีพระราชดำริตั้งแบบแผนเพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่าง
เกณฑ์การพิจารณาในการประกวด ได้แก่ เครื่องบูชาที่ตั้งเป็นของเก่าของงามประกอบกัน ถือว่าดีกว่าของใหม่หรือของเก่าแต่ไม่งาม ควรตั้งเครื่องบูชาประเภทเดียวกันหรือลายเดียวกันทั้งโต๊ะ ถ้าตั้งลายต่างกัน เรียกว่า “จับฉ่าย” ก็ได้ แต่ก็ต้องต่างกันหมดทั้งโต๊ะ ให้ซ้ำกันได้เพียงลายละ 2 ชิ้น
ส่วนเครื่องบูชาต้องไม่ขาดธูปเทียน และต้องไม่ขาด “ชิ้นหลักโต๊ะ” กับทั้งต้องเลี่ยม ต้องมีกี๋หย่องรอง ตามพระราชนิยมในรัชกาลที่ 5 มีช่องไฟให้เห็นเครื่องบูชาชัดไม่บังกัน และจัดให้สวยงามเหมาะสม
ปัจจุบัน การจัดเครื่องบูชาพระทั้ง 3 ประเภท ถือว่าหาชมได้ยากยิ่ง
อ่านเพิ่มเติม :
- รู้จัก “หอพระสุราลัยพิมาน” ในพระบรมมหาราชวัง ประดิษฐานปูชนียวัตถุ-พระพุทธรูปสำคัญ
- รัชกาลที่ 3 ทรงพระประชวรเมื่อเจดีย์ที่วัดโพธิ์ เกิดเอียง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ดุษฎี ชัยเพชร, ผู้เรียงเรียง. “‘อธิบายเครื่องบูชา’ พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ”. เว็บไซต์สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 5 กันยายน 2567