“หลวงพ่อพระใส” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์จากล้านช้าง สู่พระคู่เมืองหนองคาย 1 ปีสรงน้ำได้ 1 หน

หลวงพ่อพระใส จ. หนองคาย วัดโพธิ์ชัย
หลวงพ่อพระใส จ. หนองคาย วัดโพธิ์ชัย พิธีอัญเชิญหลวงพ่อพระใส

“หลวงพ่อพระใส” เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานที่วัดโพธิ์ชัย จ. หนองคาย และอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาเป็นระยะเวลาหลายชั่วอายุคน ใครที่ผิดหวัง เสียใจ หรือหาที่พึ่งทางใจ ล้วนแวะเวียนไปกราบท่าน เพื่อให้ท่านช่วยเหลือเกื้อกูล เพราะเล่าสืบกันมาว่าท่านมากด้วยอภินิหาร ดังจะเล่าให้ฟัง

จากตำนานเล่าขานมาเนิ่นนาน เชื่อกันว่าพระธิดาสามพี่น้องแห่งกษัตริย์ล้านช้าง (คาดว่าเป็นธิดาของพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งหลวงพระบาง) เป็นผู้ร่วมสร้าง “หลวงพ่อพระใส” พร้อมด้วย พระสุกและพระเสริม ขึ้นเป็นพระพุทธรูปประจำตัว เนื่องจากต้องการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงไว้

พระสุกคือพระประจำพี่ใหญ่ พระเสริมประจำคนกลาง และพระใสประจำองค์เล็ก…

ขณะสร้างพระพุทธรูป 3 องค์ เล่ากันว่ามีอภินิหารน่าอัศจรรย์ใจเกิดขึ้น ชาวบ้านกับวัดต่างช่วยกันสร้างและสูบเตาหลอมทองกันกว่า 7 วัน แต่ไม่เป็นผล ทองไม่ยอมละลาย จนวันที่ 8 อยู่ ๆ ก็มีชีปะขาวจากที่ใดไม่ทราบโผล่มา พร้อมอาสามาช่วยเหลือ 

ชาวบ้านและพระเณรเห็นดังนั้นจึงปล่อยให้หลอมทองไป ส่วนพวกตนก็กลับไปทำหน้าที่อื่น ๆ เวลาผ่านไป ชาวบ้านเห็นกลุ่มชีปะขาวมากมายกำลังแข็งขันกันหลอมทอง แต่พระกลับเห็นชีปะขาวแค่คนเดียว

อย่างไรก็ตาม เมื่อทุกคนกลับมาอีกครั้งก็ไม่เห็นผู้ใด หลงเหลือแค่เพียงทองทั้งหมดถูกเทลงไปในเบ้าหลอมทั้ง 3 เบ้าเรียบร้อยแล้ว

หลังจากเสร็จสิ้นสมบูรณ์ พระสุก พระเสริม พระใส ก็ถูกนำไปประดิษฐานที่เมืองหลวงอาณาจักรล้านช้าง พระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ ถือเป็นพระพุทธรูปที่ชาวเมืองรักและหวงแหนมาก เพราะเมื่อใดที่เกิดสงคราม ก็จะถูกย้ายไปไว้ที่ภูเขาควายเพื่อความปลอดภัย และเมื่อสถานการณ์ปกติจึงจะนำกลับมาไว้ที่เดิม

ต่อมาพระสุก พระเสริม พระใส ก็ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานที่เวียงจันทน์ แต่ไม่ทราบว่าเมื่อใด

กระทั่งสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ที่เมืองเวียงจันทน์ขึ้น รัชกาลที่ 3 ทรงส่งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่ทัพไปปราบ และเมื่อสงครามสงบลงก็ได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม พระใส มาที่ วัดโพธิ์ชัย จ. หนองคาย

แต่บางตำนานก็เล่าว่าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 พระองค์ไม่ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ แต่เป็นที่ภูเขาควาย โดยนำพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ใส่แพไม้ไผ่ล่องมาตามน้ำและเกิดเหตุอัศจรรย์ใจ เพราะพระสุกได้แหกแพลงมา บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า “เวินแท่น”

อย่างไรก็ตาม ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็นอัญเชิญพระเสริมไปที่กรุงเทพฯ และจะประดิษฐานที่วัดปทุมวนาราม แต่ขุนวรธานีต้องการอัญเชิญพระใสกลับไปด้วย

แต่ด้วยเหตุใดไม่ทราบ เมื่อชักลากพระใสที่ประดิษฐานบนเกวียนผ่านตรงหน้าวัดโพธิ์ชัย เกวียนก็หักโค่นลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ชาวบ้านจึงคาดว่าเป็นเพราะอำนาจอิทธิฤทธิ์ของเหล่าเทวดา พญานาค ที่ยื้อยุดฉุดหลวงพ่อพระใสไว้ เนื่องจากเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของบรรดาผู้มีบุญ 

ปัจจุบัน หลวงพ่อพระใสยังคงประดิษฐานที่ วัดโพธิ์ชัย จ. หนองคาย และมีงานประเพณีสมโภชหลวงพ่อพระใสเป็นประจำทุกปีในวันสงกรานต์ โดยจะอัญเชิญหลวงพ่อพระใสขึ้นราชรถ แห่ตามเมืองเพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชาสรงน้ำ ในแต่ละปีก็จะเกิดปาฏิหาริย์เหตุการณ์ฝนฟ้าครึ้ม มีฝนตกโปรยปรายลงมาเพื่อให้บ้านเมืองชุ่มฉ่ำตลอดวัน 

คาดว่าเป็นเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงพ่อพระใส” นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

พระมหาสมนึก โสภณปญฺโญ (เจริญชัย). ความเชื่อและพิธีกรรมแก้บนหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย. วิทยานิพนธ์ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. 2560.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 4 เมษายน 2567