“ตกฟาก” ไฉนเป็นคำเรียกเวลาเด็กออกมาลืมตาดูโลก?

อยู่ไฟ คลอด ลูก ตกฟาก คำว่า ตกฟาก
อยู่ไฟหลังออกลูกของผู้หญิงภาคเหนือ จิตรกรรมประเพณีชีวิตจากวัดห้วยริน ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

คำว่า ตกฟาก หมายถึง การเกิดหรือเวลาที่แม่ คลอด เด็กออกมาลืมตาดูโลก ทำไมถึงใช้ในความหมายนี้?

หมอตำแย
แม่จ่าง – หมอตำแยของคนไทยภาคเหนือ กำลังทำคลอดให้กับหญิงท้องแก่ จิตรกรรมประเพณีชีวิตจากวัดห้วยริน ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่

ใน พจนานุกรม ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให้ความหมายของคำว่า ตกฟาก เอาไว้ว่า

(1) ก. เกิด, เรียกเวลาที่เด็กออกพ้นครรภ์มารดาว่า เวลาตกฟาก (พื้นเรือนโบราณโดยมากเป็นฟาก)

(2) ก. โดยปริยายใช้ในลักษณะที่พูดคำเถียงคำไม่หยุดปาก ว่า เถียงคำไม่ตกฟาก.

ต้องบอกว่าเดิมที คนสมัยก่อนเมื่อจะปลูกบ้านเรือน มักใช้ “ฟาก” หรือ “สับฟาก” คือ ไม้ไผ่สีสุก นำมาสับแล้วแผ่ออกเป็นแผ่นคล้ายกระดาน มาเป็นพื้นเรือนเพื่อปูนอน เนื่องจากเย็นสบาย รับกับทรงบ้านในสมัยนั้นที่เป็นไม้ยกพื้นสูง ซึ่งลมเย็น ๆ ตรงใต้ถุนก็จะพัดผ่านร่องไม้ไผ่ช่วยคลายร้อนให้คนในบ้าน 

ทำคลอดของไทยโบราณ จิตรกรรมจากผนังอุโบสถ วัดมหาสมณาราม จังหวัดเพชรบุรี

เมื่อหญิงสาวจะคลอดลูก จึงได้นำพื้นเรือนดังกล่าวมาปรับใช้ โดยพวกเขาจะทำเตียงชั่วคราวหรือฟาก เตรียมไว้อยู่ไฟ เนื่องจากซี่ร่องดังกล่าวจะช่วยปัดเป่าความร้อน เพิ่มความเย็นสบาย ทั้งยังสามารถพัดพาเลือดและน้ำสกปรกต่าง ๆ ลงไป ทำให้เช็ดล้างได้สะดวก 

เด็กที่คลอดออกมาในยุคโบราณจึงเรียกว่า “ตกฟาก” เนื่องจากตอนเด็กออกมาจะตกลงมายังฟากที่เตรียมไว้อยู่ไฟ และเวลาที่ทารกออกมาลืมตาดูโลกก็เรียกว่า “เวลาตกฟาก” ซึ่งผู้ใหญ่จะนำช่วงเวลาดังกล่าวไปดูดวงโหราศาสตร์ เพื่อทำนายชะตาของเด็กคนนั้นต่อไป

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

https://www.matichonweekly.com/column/article_556401


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2566