“นวราตรี” งานแห่วัดแขก ร่องรอย “ศาสนาผี” ในฮินดู พื้นที่ของสตรีและ LGBTQ+

พระแม่ พระแม่อุมาเทวี วัดแขก สีลม นวราตรี งานนวราตรี
(ภาพจาก มติชนออนไลน์, 19 ตุลาคม 2561)

งานนวราตรี งานแห่วัดแขก ร่องรอยศาสนาผีในฮินดู พื้นที่ของสตรีและ LGBTQ+

งานนวราตรีวัดพระศรีมหาอุมาเทวี หรือ “วัดแขกสีลม” เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ถือเป็นเทศกาลแห่งการฉลองบูชาพระแม่อุมาเทวีที่ยิ่งใหญ่ มี “คนทรง” ซุ้มสักการะ เครื่องเซ่น และขบวนแห่เต็มไปด้วยสีสัน

เทศกาลนวราตรี แปลตรงตัวคือ งานบูชาพระแม่ “เก้าคืน” (‘นว’ แปลว่า เก้า) มีรากฐานมาจากการบูชาพระแม่ ช่วงฤดูเก็บเกี่ยวของชาวฮินดูในอินเดีย ซึ่งกระทำกันปีละครั้ง แต่ในอินเดียเหนือจะมีเทศกาลนี้สองครั้งต่อปี เพราะภาคเหนือของอินเดียปลูกทั้งข้าวสาลี และข้าวเจ้า โดยข้าวสาลีเก็บเกี่ยวกันตอนต้นปี จึงมีนวราตรีในเดือนเมษายน ก่อนจะจัดอีกครั้งในเดือนตุลาคม ช่วงการเก็บเกี่ยวข้าวเจ้า

Advertisement

หลักปฏิบัติของเทศกาลนี้คือการถือพรต งดทานอาหาร กินเพียงพืชผักผลไม้ แต่ไม่กินข้าวกับถั่ว มีการสวดภาวนา บูชาพระเทวีปางต่าง ๆ การบูชายัญ และงานแห่ โดยอินเดียเหนือ นิยมบูชาพระเทวี “นวทุรคา” หรือทุรคาเก้าปาง ส่วนภาคใต้ บูชาพระเทวีทุรคา และเทวีท้องถิ่นองค์อื่น ๆ เช่น มีนากษี มาริอัมมา

วันสุดท้ายของ “นวราตรี” เรียกว่า วิชัยทศมี (‘ทศมี’ แปลว่า ลำดับสิบ) ตำนานเล่าว่า จะมีการบูชายัญพระแม่ด้วยควาย หรือแพะ ก่อนเริ่มพิธีแห่ ผศ. คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญาอินเดีย-ฮินดู ให้ความเห็นว่า “ตำนานเจ้าแม่ฆ่าอสูรควาย (มหิษาสูร) ในปุราณะ สร้างขึ้นเพื่อเป็นคำอธิบายพิธีบูชายัญควายต่อเจ้าแม่”

ในคติฮินดู ควายเป็นตัวแทนของอสูร การบูชายัญควายจึงเป็นคำอธิบายทางเทวตำนาน แต่ปัจจุบัน พราหมณ์ (ส่วนมาก) เลิกฆ่าสัตว์บูชายัญกันแล้ว แต่จะใช้ฟักเขียวแทนควาย-แพะ และผง “กุมกุม” สีแดงที่ใช้เจิมทาตรงรอยฟันของฟักเขียวเพื่อสมมุติว่าเป็นเลือด

นอกจากนี้ “คนทรง” ภายในงานแห่เจ้าแม่วันวิชัยทศมีสามารถพบได้ในอินเดียใต้ รวมถึงที่วัดแขกสีลม โดยเป็นคนทรง เจ้าแม่กาลี พระขันธกุมาร และพระมาริอัมมัน ที่แสดงสารพัดการทรมานตน ทั้งการแทงปากด้วยของแหลม ทูนหม้อกลัศอันหนักอึ้ง และถือหม้อดินบรรจุไฟ ฯลฯ เพื่อเชื่อมตนเองกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ ยก “จิต” ให้เหนือ “กาย” ไม่รับความเจ็บปวดทรมาน รวมถึงแสดงกิริยาอาการที่เวลาปกติไม่กระทำกัน

ด้วยวิธีเหล่านี้ อำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเผยออกมา หรือเข้า “แทรกกลาง” คนทรงผู้นั้นได้

ที่จริงแล้ว “การทรงเจ้าเข้าผี” ไม่ถูกยอมรับในพิธีกรรมพราหมณ์-ฮินดู แต่เป็นร่องรอยของ “ศาสนาผี” ที่แฝงอยู่ในนิกายบูชาพระแม่ โดยอาจารย์คมกฤช อธิบายว่า

“…‘นิกายเจ้าแม่’ ซึ่งวัดแขกสีลมสังกัด เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ ‘ศาสนาผี’ ในอินเดียก่อนที่ฮินดูจะเข้ามา (Pre-Hinduism) พิธีกรรมของนิกายเจ้าแม่จึงมีอะไรที่เป็น ‘พื้นเมือง’ มาก ๆ เช่น การเข้าทรง การทรมานตน

…เทพที่เข้าทรงในเทวสถานของอินเดียนั้น โดยมากหรือเกือบทั้งหมดเป็นเทพพื้นเมือง เช่น เจ้าแม่ต่าง ๆ ที่อยู่ตามหมู่บ้าน ‘ขันทกุมาร’ ซึ่งเป็นเทพพื้นเมืองอินเดียใต้ พระศิวะก็ต้องเป็นโหมดพื้นเมืองอย่าง ‘ไภรวะ’ แต่พระวิษณุ พระสุริยเทพ หรือเทพในพระเวทกลับไม่มีเลย เพราะเทพเหล่านี้ โดยมากเป็นของพวกอารยันนะครับ ซึ่งมีระบบศาสนาอีกแบบหนึ่ง”

เทศกาล วันนวราตรี ผู้คน ร่วมงาน สักการะ บูชา พระแม่ อุมาเทวี วัดแขก สีลม
งานนวราตรี (ภาพจาก มติชนออนไลน์, 19 ตุลาคม 2561)

อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ เหตุใดงานแห่วัดแขกจึงเต็มไปด้วยเจ้าของซุ้มสักการะ และผู้ร่วมงาน LGBTQ+ หรือมีสัดส่วนค่อนข้างโดดเด่น ความนิยมดังกล่าวก่อตัวขึ้นอย่างไร? ส่วนหนึ่งบอกว่า เป็นเพราะพิธีกรรมฮินดูเต็มไปด้วยสีสัน และเครื่องบูชามากมาย จึงมีส่วนดึงดูดความสนใจของคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษ แต่อาจารย์คมกฤช กล่าวว่า เหตุผลข้างต้นอาจมีส่วน แต่ไม่น่าใช่สาเหตุหลัก เพราะเพศไหนก็ชอบพิธีกรรม และสีสันได้

“ผมว่าสาเหตุใหญ่น่าจะมาจากการที่ศาสนาในไทยไม่ค่อยมี ‘พื้นที่’ ของเพศหญิง มิไยต้องกล่าวถึงเพศที่สาม

ผู้ชายกลายเป็นศูนย์กลางของระบบศาสนา ไม่ว่าจะเป็นองค์แห่งการบูชา นักบวช ผู้นำ แม้แต่พิธีกรรมของพราหมณ์ตามประเพณีไทย มีที่เกี่ยวกับผู้หญิงน้อยมาก แต่งานวัดแขก ซึ่งเปิดพื้นที่ให้คนทั่วไปเข้าไปสร้าง ‘พื้นที่’ ของตัวเองในด้านพิธีกรรม จะทำพิธี จะจัดตกแต่งซุ้มของตนอย่างไรก็ได้ และยังไม่รังเกียจอัตลักษณ์ทางเพศ เพศที่สามจึงแสดงออกและมีบทบาทได้มากกว่า”

กล่าวคือ การเปิดพื้นที่ให้เพศอื่น ๆ นอกจากผู้ชาย ในเทศกาล “นวราตรี” มีส่วนทำให้ผู้หญิง และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สามารถเข้าถึงสภาวะความ “ศักดิ์สิทธิ์” ทางศาสนาได้ ที่สำคัญคือ ไม่ต้องซ่อนเร้นอัตลักษณ์ทางเพศของตนเอง ซึ่งศาสนาอื่น ๆ ในสังคม (อาจ) ให้พื้นที่ตรงนี้น้อยมาก

อาจารย์คมกฤช ยังกล่าวด้วยว่า อย่าลืมว่า “งานนวราตรี องค์แห่งการบูชานั้นเป็น ‘เพศหญิง’ นะครับ ผู้ชายแท้ ๆ จึงเป็นได้แค่ผู้รับใช้ชั้นสุดท้าย หากลองเข้าไปในวัดแขกสีลม จะเห็นว่า บรรดาบริวารของเจ้าแม่ทั้งหมด ซึ่งปั้นอยู่ตามเสา และหลังคา ล้วนแต่เทวีและยักษิณี ไม่มีเทวะและยักษะปรากฏเลย ในแง่นี้ เพศที่สามจะเข้าใกล้ ‘เจ้าแม่’ มากกว่าผู้ชายแท้ ๆ ส่วนผู้หญิงนั้น ย่อมศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพราะเป็นภาวะเดียวกับเจ้าแม่เอง”

ภายใน วัดแขกสีลม วัดพระศรีมหาอุมาเทวี นวราตรี วิชัยทศมี เครื่องบูชา สักการะ
การบูชาพิธีอภิเษกสมรสของพระแม่อุมาเทวีและพระศิวะ ณ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี, 21 ตุลาคม 2566 (ภาพจาก เฟซบุ๊ก กรมพระศาสนา)

อย่างไรก็ตาม แม้วัดแขกสีลมจะเป็นเทวสถานของเจ้าแม่ แต่มีความเป็นทางการแบบฮินดู ที่ยังเต็มไปด้วยระเบียบแบบแผน ไม่ต่างจากเทวสถาน “หลวง” คือ ไม่ใช่ศาสนสถานระดับชาวบ้าน พื้นที่ภายในจึงยังเป็นที่ของผู้ชาย และมีพราหมณ์เป็นผู้นำด้านพิธีกรรมอยู่

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

คมกรช อุ่ยเต็กเค่ง. (2560). ภารตะ-สยาม? ผี พราหมณ์ พุทธ?. กรุงเทพฯ : มติชน.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 24 ตุลาคม 2566