ผู้เขียน | เสมียนนารี |
---|---|
เผยแพร่ |
คลองประเวศฯ หรือ คลองประเวศบุรีรมย์ เป็นคลองขุดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ ขุดต่อจากคลองพระโขนงไปเชื่อมกับแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ครั้งหนึ่งคลองประเวศบุรีรมย์แห่งนี้เคยเป็นชนวนเหตุให้นายทหารหนุ่มกับผู้บัญชาการเกือบวางมวยกัน เรื่องราวมีดังนี้
เจ้าหมื่นไวยวรนารถ ภายหลังมีบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) ผู้บังคับการกรมทหารหน้า กราบถวายบังคมทูลลาหยุด พักฟื้นรักษาตัวจากอาการป่วยอยู่ที่นา คลองประเวศฯ ตําบลศีรษะจรเข้ จังหวัดพระประแดง (จังหวัดสมุทรปราการในปัจจุบัน) แม้จะป่วย แต่เจ้าหมื่นไวยวรนารถก็ยังออกตรวจดู คลองประเวศฯ พบว่าขณะนั้นตื้นมาก เรือแพจะเดินขึ้นล่องค้าขายไม่ค่อยสะดวก
เช่นนี้แล้ว เจ้าหมื่นไวยวรนารถจึงได้จัดการชักชวนกํานันผู้ใหญ่บ้านและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ว่า ถ้าใครมีควายและยินดีจะช่วย ก็ให้ระดมมาช่วยกันซ่อมคลองตามระยะที่ตื้นเขิน โดยใช้วิธีเอาควายลุยโคลนไม่ให้ออกแม่น้ำ ส่วนอาหารการกินนั้นเจ้าหมื่นไวยวรนารถจะจัดหาเลี้ยงดูเอง
พวกกํานันผู้ใหญ่บ้านและประชาชน ก็พร้อมกันมีความยินดีมาช่วยกันลอกคลอง เจ้าหมื่นไวยวรนารถก็สั่งให้ทําอาหารลงเรือปิกนิกใหญ่ 2 ลํา ไปเลี้ยงดูผู้ที่ทํางาน ในเวลา 3 วัน คลองที่ตื้นอยู่นั้น ก็สําเร็จลึกลงไปอีกได้หลายศอกด้วย
เมื่อการขุดคลองสําเร็จลงแล้ว เจ้าหมื่นไวยวรนารถจึงทํารายงานถวายพระราชกุศลส่งเข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีลายพระราชหัตถเลขาตอบ มีความพอพระราชหฤทัยในการสาธารณประโยชน์ที่ได้เกิดกระทําขึ้นนั้นด้วย
ฝ่าย หลวงทวยหาญ ต่อมาคือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (กิ่ม) บิดาพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) ซึ่งดูแลราชการทหารแทนตัวเจ้าหมื่นไวยวรนารถขณะที่ป่วยอยู่นั้น ได้ไปฟังราชการของกรมทหารหน้าที่จวนเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง ผู้กํากับการทหารหน้า
ขณะนั้นเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธํารงได้พูดจาติเตียนทหารหน้าขึ้นว่า “อ้ายพวกทหารหน้าและมันเก่งมันโกงทั้งนั้น เปรียบเหมือนกันทํานบใหญ่เอาไว้ก็ยังมีช่องอยู่ น้ำมันยังไหลรั่วอยู่เสมอๆ”
เมื่อหลวงทวยหาญได้ยินคําที่เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรงพูดดูถูกทหารหน้าต่อหน้าตนเช่นนั้น ก็บันดาลโทสะขึ้นมา รีบพูดขัดออกไปว่า “ใต้เท้าเป็นผู้ใหญ่พูดอะไรเช่นนั้น ทหารหน้าทุกๆ คนเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ไม่เคยคดโกงใครเลยสักคนเดียว อ้ายคนที่มันโกงนั่นแหละ คืออ้ายพวกสัสดี”
ครั้นเจ้าพระยามหินทรศักดิธํารงได้ยินคําที่หลวงทวยหาญกล่าวปรามาสขึ้นเช่นนั้น ก็มีความโกรธเคืองยิ่งนัก ลุกขึ้นกําหมัดแทบจะต่อย และร้องว่า “มึงจองหองมาดูถูกกูจนถึงบ้านที่เดียวหรือ มึงเป็นอ้ายบ้า กูก็เป็นอ้ายแบ้เหมือนกันล่ะวะ”
หลวงทวยหาญรักษาก็ผุดลุกขึ้นเตรียมตัวจะสู้ เมื่อเจ้าพระยามหินทรศักดิธํารงเห็นท่าทางหลวงหาญรักษาจะต่อสู้เอาจริงเอาจัง ก็ระงับโทสะลงแล้วพูดขึ้นว่า “กูเป็นผู้ใหญ่ กูไม่สู้กับมึงให้เสียเกียรติยศละ มึงกลับไปก่อนเถิด”
แต่เมื่อหลวงทวยหาญกลับไป เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธํารงก็ทําหนังสือว่า หลวงทวยหาญหมิ่นประมาทล้างอํานาจจนถึงจวนของท่าน แล้วนําขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เรือเร็วนำลายพระราชหัตถเลขาออกไปหาตัวเจ้าหมื่นไวยวรนาถ ซึ่งขณะนั้นออกไปพักรักษาตัวอยู่ที่นาคลองประเวศบุรีรมย์ ตําบลศีรษะจรเข้ ให้เข้ามาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในลายพระราชหัตถเลขานั้นมีว่า
“ให้พระนายไวยมาชําระอ้ายกิ่มของเจ้า อ้ายกิ่มมันไปทําบ้าทะเลาะกับเจ้าพระยามหินทรเข้าแล้ว ให้เจ้าเข้ามาเป็นธุระจัดการระงับการวิวาทนี้ให้สงบลง”
ครั้นเจ้าหมื่นไวยวรนารถได้รับลายพระราชหัตถ์แล้วก็กลับเข้ามายังกรุงเทพฯ เมื่อเรียกตัวหลวงทวยหาญมาไล่เรียง หลวงทวยหาญก็เล่าความที่เจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรงพูดจากดูหมิ่นทหารหน้าให้เจ้าหมื่นไวยวรนาถฟัง
เจ้าหมื่นไวยวรนาถได้จัดการห้ามหลวงทวยหาญมิให้เอะอะก่อการวิวาทต่อไป ความที่วิวาทกันนั้นก็สงบระงับสมดังพระราชประสงค์ เจ้าหมื่นไวยวรนารถก็กลับคงรับราชการเป็นผู้บังคับการกรมทหารหน้าตามหน้าที่สืบไป
อ่านเพิ่มเติม :
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
ข้อมูลจาก :
ประวัติของจอมพลและมหาอำมาตย์เอก เจ้าพระยาสุรศักดิ์มาตรี (เจิม แสง-ชูโต), โรงพิมพ์ศรีหงส์ 28 มีนาคม 2504
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 ตุลาคม 2562