ยลโฉมความงาม “เครื่องถ้วยล้านนา” ศิลปะล้ำค่าที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

เครื่องถ้วยล้านนา
เครื่องปั้นดินเผาจากแหล่งเตาบ่อสวก (ภาพ : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน)

“เครื่องถ้วยล้านนา” ถือเป็นหนึ่งใน ศิลปะ อันล้ำค่าที่มีประวัติยาวนาน ทั้งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนสมัยนั้น มีการสันนิษฐานว่าเครื่องถ้วยชนิดนี้กำเนิดขึ้นหลังได้รับอิทธิพลจากสุโขทัย ผ่านการเผยแพร่ของพญายุธิษฐิระ หรือเจ้าเมืองสองแคว จนกระจายไปอยู่ในทั่วทุกพื้นที่ของเมืองเหนือ

ปัจจุบันมีการขุดค้นพบ “เครื่องถ้วยล้านนา” ในหลายพื้นที่ ได้แก่ เตาสันกำแพง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่, เตาเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า และเตาโป่งแดง (พาน) จังหวัดเชียงราย, เตาวังเหนือ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง, เตาบ้านบ่อสวก อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน และเตาเผาเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา

แม้จะได้รับอิทธิพลมาจากแหล่งเดียวกัน แต่ด้วยวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของแต่ละเมือง จึงทำให้เครื่องถ้วยมีความแตกต่างและพิเศษเฉพาะตัว ว่าแต่เครื่องปั้นดินเผาเคลือบแต่ละชิ้นเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?

1. เครื่องถ้วยเตาสันกำแพง

เครื่องถ้วยล้านนา เครื่องถ้วยสันกำแพง
เครื่องถ้วยสันกำแพง (ภาพ : มติชน)

เครื่องถ้วยเตาสันกำแพง เป็นแหล่งเตาเผาสำคัญ ผลิตเครื่องถ้วยขนาดใหญ่ที่สุดในล้านนา ทั้งยังส่งออกภายในพื้นที่เมืองเหนือและดินแดนอื่น ๆ หลายคนคาดว่าเครื่องปั้นดินเผาเคลือบของสันกำแพง เกิดขึ้นมาราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 หรือต้นพุทธศตวรรษที่ 20 และได้รับความนิยมอย่างมากช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 ก่อนจะเสื่อมความนิยมในช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 โดยอ้างอิงจากหลักฐานโบราณคดีอื่น ๆ ที่ขุดพบขึ้นมาพร้อมกัน เช่น เครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์หมิง จารึกที่ปรากฏบนภาชนะบางชิ้น เป็นต้น 

เครื่องถ้วยเคลือบเตาสันกำแพงมักปรากฏลักษณะ 2 รูปแบบ ได้แก่ แบบไม่มีลาย มีสีเขียวไข่กาเคลือบด้าน และแบบมีลายสีดำใต้เคลือบเป็นลายพืช ลายปลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือลายปลาคู่ที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดเรื่องหยิน-หยางของจีน 

แม้เครื่องถ้วยของเชียงใหม่จะมีลวดลายประจักษ์ สวยงาม ทั้งยังโด่งดังไปทั่วทุกดินแดน แต่ก็ยังมีจุดด้อยอยู่ นั่นคือ เนื้อภาชนะและน้ำเคลือบไม่ค่อยได้คุณภาพ อาจเพราะเตาเผาของที่นี่มีขนาดเล็ก จึงไม่สามารถควบคุมความร้อนได้เท่าที่ควร 

2. เครื่องถ้วยเวียงกาหลง

ถ้วยล้านนา
ผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาเวียงกาหลง จ.เชียงราย (ภาพ : ทัน ธิจิตตัง)

เครื่องถ้วยเวียงกาหลง เป็นเครื่องถ้วยเคลือบที่ปรากฏ 2 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่ เครื่องเคลือบสีขาวนวลถึงเขียว ไม่เขียนลาย และอีกประเภทหนึ่ง คือ เครื่องเคลือบสีขาวเขียนลายสีดำใต้เคลือบ เนื้อภาชนะเป็นสีขาว ทำมาจากดินเกาลิน

ลักษณะพิเศษของเครื่องเคลือบจากเชียงราย คือ มีน้ำเคลือบที่สวยงามมาก โดยเฉพาะประเภทที่มีลาย เนื่องจากมีการเผาแบบพิเศษที่เรียกว่า “จ๊อ” รวมถึงคนในแถบนั้นยังมีความรู้ ความสามารถการเขียนลายพรรณพฤกษาให้พลิ้วไหวจากพู่กันที่มีลักษณะเฉพาะตัว จนเกิดลวดลายใหม่ขึ้นมาอย่าง “กาหลง” ซึ่งคล้ายกับนกกากำลังโบยบิน ให้ความรู้สึกอิสระ 

3. เครื่องเตาวังเหนือ 

เครื่องเตาวังเหนือ หรือเครื่องเตาประจำจังหวัดลำปาง มีลักษณะเฉพาะ คือ ชามขนาดใหญ่เคลือบด้วยสีเขียวไข่กาพร้อมประดับลายดอกบัวใต้เคลือบ คล้ายกับแหล่งเตาเผาศรีสัชนาลัยและเตาหลงฉวนของจีน มีขอบปากของชามรูปร่างหยัก แต่ยังด้อยเรื่องคุณภาพ คล้ายเครื่องเผาสันกำแพง

4. เครื่องถ้วยเตาพาน (โป่งแดง)

นักวิชาการคาดว่าเครื่องถ้วยชนิดนี้น่าจะได้รับอิทธิพลจากเมืองศรีสัชนาลัย ในช่วงที่พญายุธิษฐิระอพยพชาวเมืองเชลียง (ศรีสัชนาลัย) มาขึ้นต่อพระเจ้าติโลกราชแห่งล้านนา และครองเมืองพะเยา ซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับเมืองพาน 

ลักษณะสำคัญและจุดเด่นของเครื่องถ้วยแถบนี้ คือ เครื่องเคลือบมีสีเขียวไข่กาไม่ต่างจากเตาวังเหนือ ทว่ามีคุณภาพดีกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นส่วนของน้ำเคลือบที่มีสีเขียวอมเหลือง รูปร่างภาชนะ รวมไปถึงเครื่องเคลือบ 

นอกจากนี้เทคนิคในการลงลายยังปราณีต สวยงาม มักปรากฏลายกลีบดอกบัวซึ่งใกล้เคียงกับศรีสัชนาลัย

5. เครื่องถ้วยเมืองพะเยา

เครื่องถ้วยเมืองพะเยามีความคล้ายคลึงกับเครื่องถ้วยเมืองสันกำแพง จะเห็นว่าข้าวของเครื่องใช้เมืองพะเยาจะมีน้ำเคลือบสีเขียว ส่วนด้านในมีสีเขียวเข้ม น้ำเคลือบภาชนะหนา มีลวดลายปลาคู่ตกแต่ง แต่ก็แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย ตรงที่น้ำเคลือบของเมืองพะเยาจะมีสีเขียวเข้มมากกว่า บางใบอาจเคลือบด้วยสีน้ำตาล รวมถึงเนื้อภาชนะจะมีสีดำกว่า 

6. เครื่องถ้วยเมืองน่าน 

เครื่องถ้วยเมืองน่าน ถือเป็นแหล่งเตาเผาที่ผลิตเครื่องถ้วยนานาชนิดไว้เยอะมากอีกหนึ่งที่ คาดว่าเกิดขึ้นมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 รุ่งเรืองอย่างมากในปลายพุทธศตวรรษที่ 21 

ลักษณะเครื่องถ้วยเมืองน่านคล้ายคลึงกับเครื่องถ้วยจากเตาเผาสันกำแพงและเมืองพะเยา โดยคุณภาพของเครื่องเคลือบจะไม่ค่อยได้คุณภาพเท่าที่ควร มักพบเครื่องเคลือบเป็น 2 สีใหญ่ ๆ ได้แก่ เครื่องที่ด้านนอกเคลือบสีเขียวเข้ม มีสัมผัสด้านและทึบ ส่วนด้านในเคลือบสีใสและผิวสัมผัสเรียบ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจะเขียนลายสีดำใต้เคลือบด้วยลายพรรณพฤษา 

ทว่าภายใต้ความคล้ายคลึง ก็ยังมีลักษณะเฉพาะของตนเอง นั่นคือ ขอบปากจะมีรอยปาดน้ำเคลือบออก หรือตรงกลางก้นชามด้านใน บริเวณไม่เคลือบจะเว้นที่ไว้เป็นรูปวงแหวน ทั้งยังมีเทคนิคการจ๊อ และการวางซ้อนกันขณะเข้าเตาเผา จนด้านนอกไม่มีการเคลือบ

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะล้านนา รวมแนวคิดทุกแง่มุม ด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ. กรุงเทพฯ: มติชน, 2556.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 กันยายน 2566