15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512 ชาวอเมริกันกว่าครึ่งล้านชุมนุมประท้วงการส่งทหารไปรบในสงครามเวียดนาม

ชาวอเมริกัน ชุมนุม ประท้วง ต่อต้าน การส่งทหารอมเริกัน ไปรบ สงครามเวียดนาม
ภาพประกอบเนื้อหา - ผู้ชุมนุมเรือนแสนมารวมตัวกันที่ วอซิงตัน ดี.ซี ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อประท้วงการส่งทหารร่วมสงครามเวียดนามในเดือนตุลาคม พ.ศ.2510 และหลังจากนั้นในเดือนพฤศจิกายน 2512 ก็เกิดการชุมนุมใหญ่อีกครั้งโดยประชาชนกว่าครึ่งล้าน (ภาพจาก AFP)

สงครามเวียดนาม (พ.ศ. 2498-2518/ ค.ศ. 1955-1975) เกิดขึ้นในช่วงการแข่งขันอำนาจระหว่างสองแนวคิดต่างขั้ว สหรัฐอเมริกาพยายามสกัดกั้น “คอมมิวนิสต์” ทุกวิถีทาง โดย เวียดนามเหนือ มีจีน สหภาพโซเวียต และพันธมิตรคอมมิวนิสต์สนับสนุน ส่วน เวียดนามใต้ มีสหรัฐอเมริกา และประเทศประชาธิปไตยสนับสนุน

สหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในเวียดนามตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตามนโยบายสกัดกั้นการขยายตัวของ “คอมมิวนิสต์” ในเอเชีย เพราะเห็นว่าถ้าไม่รบในเวียดนาม เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมดจะตกอยู่ใต้อิทธิพลของประเทศฝ่ายคอมมิวนิสต์

สำหรับไทย รัฐบาลไทยที่เชื่อด้วยว่า เวียดนามเหนือ ต้องการขยายอิทธิพลคอมมิวนิสต์เข้ามาไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากจีน ด้วยรุกเข้าไปในดินแดนลาวของกองกำลังคอมมิวนิสต์เวียดนาม และการเผยแพร่อิทธิพลคอมมิวนิสต์ในหมู่ชาวเวียดนามในภาคอีสานของไทย ขณะเดียวกันก็คาดหวังความช่วยเหลือด้านการทหารและอื่นๆ จากสหรัฐ

การรบระหว่างเวียดนามเหนือ-ใต้ ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญหลังเหตุการณ์อ่าวตังเกี๋ยในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2507/ค.ศ. 1964 สหรัฐกล่าวหาว่า เรือตอร์ปิโดของเวียดนามเหนือยิงเรือรบอเมริกัน สหรัฐตอบโต้ด้วยการทิ้งระเบิดเวียดนามเหนือ พร้อมกับส่งทหารสหรัฐมาทำลายกองกำลังฝ่ายคอมมิวนิสต์ โดยในเดือนมกราคม พ.ศ. 2512/ ค.ศ. 1969 ประเมินว่ามีทหารอเมริกันกว่า 500,000 นายในสมรภูมิ

แล้วสหรัฐก็เห็นคุณค่าทางยุทธศาสตร์ของไทย

ประโยชน์ของไทยที่ตั้งอยู่ใกล้สมรภูมิ สงครามเวียดนาม สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการทหาร ทำให้ได้รับบทบาทการเป็นผู้ให้บริการสหรัฐใน 3 ด้าน คือ การให้ที่ตั้งฐานทัพ, ที่ตั้งอุปกรณ์สืบราชการลับ และศูนย์พักผ่อนและพักฟื้นของทหารอเมริกัน สหรัฐได้สิทธิใช้ฐานทัพในไทย 7 แห่ง คือ ดอนเมือง โคราช นครพนม ตาคลี อุบลราชธานี และอุดรธานี ทั้งคาดว่าการทิ้งระเบิดของสหรัฐในเวียดนามประมาณ 80% มาจากฐานทัพในไทย, มีทหารอเมริกันหลายหมื่นนายอยู่ในไทย

แต่ประชาชนอเมริกันเริ่มไม่พอใจกับความเสียหายที่เขาได้รับในสงครามเวียดนาม

เดือนตุลาคม พ.ศ. 2510/ค.ศ. 1967 มีผู้คนกว่า 100,000 คนได้ร่วมชุมนุมประท้วงที่วอชิงตัน ดี.ซี. คัดค้านการร่วมสงครามเวียดนามของสหรัฐ แต่รัฐบาลยังคงเพิกเฉยต่อการเรียกร้อง หากเสียงคัดค้านสงครามเวียดนามของคนอเมริกันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อจำนวนทหารอเมริกันที่ได้รับบาดเจ็บ, สูญเสียอวัยวะ และเสียชีวิต มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงงบประมาณจำนวนมากจากภาษีของพวกเขาที่ใช้ในสงคราม

วันเสาร์ที่15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512/ค.ศ. 1969 ผู้คนกว่า 500,000 คน ได้มาชุมนุมประท้วงอย่างสันติที่วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อคัดค้านการส่งทหารอเมริกันไปร่วมสงครามเวียดนาม

ประชาชนได้ออกมารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเย็นวันพฤหัสบดี (13 พฤศจิกายน) จำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทั้งคืนและวันถัดไป ผู้คนกว่า 40,000 คนมารวมตัวกันเพื่อเดินขบวนไปตามถนนเพนซิลเวเนียเพื่อไปยังทำเนียบขาว พร้อมกับการประกาศชื่อทหารที่เสียชีวิตในสงคราม

ถึงวันศุกร์ (14 พฤศจิกายน) การประท้วงยังคงเป็นไปอย่างสงบ แม้เจ้าหน้าที่จะใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายผู้ชุมนุม ขณะที่โรงเรียนและพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียนเปิดให้พวกเขาได้เขาไปพักผ่อน สุดท้ายประธานาธิบดีริราช์ด นิกสัน ก็เริ่มฟังเสียงประชาชน เกิดการผ่อนคลายความตึงเครียดในช่วงสงครามเย็นกับสหภาพโซเวียต และประเทศจีน จนนำไปสู่การถอนตัวออกจากสงครามเวียดนามในที่สุด

ถือเป็นประวัติศาสตร์สำคัญของอเมริกาและของโลก

ภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump (พ.ศ. 2537/ค.ศ. 1994) ที่วางบทให้ฟอร์เรสท์ กัมพ์ พระเอกของเรื่องที่แสดงโดย ทอม แฮงค์ส อยู่ในเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์สำคัญร่วมสมัยกับคนอเมริกันยุคนี้ ตั้งแต่ทศวรรษ 1950 จนถึงปลายทศวรรษ 1980 มีฉากดังกล่าวเช่นกัน

เมื่อกัมพ์เรียนจบได้ไปเกณฑ์ทหารและถูกส่งไปรบที่เวียดนาม ซึ่งภาพยนตร์ก็ได้ฉายให้เห็นว่าในขณะที่สงครามเวียดนามดำเนินไปนั้น วัยรุ่นอเมริกันจำนวนมากตั้งคำถามต่อการใช้จ่ายงบประมาณนอกประเทศ จนเกิดเป็นกระแสที่วัยรุ่นทั่วสหรัฐ ออกมาชุมนุมกันเรียกร้องหาสันติภาพและให้หยุดสงคราม, ให้กัมพ์ได้เหรียญกล้าหาญ และได้กลับมาเข้าพบประธานาธิบดี และได้หลงไปขึ้นเวทีประท้วงของฮิปปี้ ท่ามกลางผู้คนที่รอฟังว่าทหารผ่านศึกนายนี้จะกล่าวอะไร หากเป็นความตั้งใจของภาพยนตร์ให้ลำโพงในฉากนั้นเสีย ผู้ชุมนุมเรือนแสนจึงไม่ได้ยินว่า ทหารผ่านศึก(ในภาพยนตร์) จะกล่าวอะไร

หากในงานรำลึกการครบรอบ 50 ปีสงครามเวียดนาม (27 เมษายน พ.ศ. 2559/ ค.ศ. 2016) จอห์น เคอร์รี่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในฐานะทหารผ่านศึกสงครามเวียดนาม และผู้นำประท้วงต่อต้านการส่งทหารร่วมรบในสมัยประธานาธิบดีนิกสัน กล่าวสุนทรพจน์ที่กินใจว่า

“ยังมีคนจำนวนมากที่ยึดติดกับอดีต และยังไม่สามารถปรับตัวได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้สังคมยังควรระวังอันตรายจากการแบ่งแยกระหว่างผู้ที่เคยรบในสงคราม และผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ดังกล่าวหรือไม่มีคนในครอบครัวเกี่ยวข้องกับกองทัพ คนอเมริกันสามารถทำเพื่อประเทศชาติได้โดยไม่ต้องเป็นทหาร และบทเรียนของสหรัฐที่สำคัญที่สุดจากสงครามเวียดนาม คือความจำเป็นต้องมองความเป็นไปของโลกจากประสบการณ์ของคนในประเทศอื่น หากทำเช่นนั้นได้ อเมริกาจะอยู่ในสถานะที่ดีกว่านี้มาก”

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่ 


ข้อมูลจาก :

จุฬาพร เอื้อรักสกุล . สงครามเวียดนาม สถาบันพระปกเกล้า  http://wiki.kpi.ac.

ปริชญา เชื้อสิงห์โต.บันเทิงแบบมีกึ๋น ความทรงจำร่วมสมัยของชาวอเมริกันผ่านหนังอมตะ ฟอร์เรสท์กัมพ์  กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ กระทรวงการต่างประเทศhttp://uswatch.mfa.go.th

งานครบรอบ 50 ปีสงครามเวียดนาม… เปิดแผลเก่าเรื่องการต่อต้านสงคราม(รายงานโดย Joseph Mok เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)https://www.voathai.com


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2562