ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
คณะเยซูอิต (Jesuit) หรือคณะแห่งพระเยซูเจ้า (Society of Jesus) ก่อตั้งขึ้นโดย นักบุญอิกนาเชียสแห่งโลโยลา (St. Ignatius of Loyola) อดีตทหารสเปนซึ่งหันหน้าเข้าสู่ศาสนา เมื่อได้พบกับประสบการณ์ทางความเชื่อหลังได้รับบาดเจ็บจากการรบ
นักบุญอิกนาเชียสแห่งโลโยลา หรือนักบุญอิกนาเชียส คือผู้แต่งหนังสือการฝึกฝนทางจิตวิญญาณ (Spiritual Exercises) เพื่อชี้แนะการฝึกฝนจิตใจเพื่อเข้าใกล้พระเยซูเจ้า ต่อมาเด็กหนุ่ม 6 คน ซึ่งได้พบกับนักบุญอิกนาเชียสที่มหาวิทยาลัยปารีสและได้ฝึกตนตามหนังสือดังกล่าว ก็ได้ร่วมปฏิญาณกับนักบุญอิกนาเชียสในวันที่ 15 สิงหาคม 1534 (พ.ศ. 2077) ว่าจะดำรงตนอย่างสมถะ รักษาพรหมจรรย์ และจะแสวงบุญไปยังเยรูซาเล็ม
ในคำปฏิญาณข้อสุดท้ายพวกเขาเพิ่มเงื่อนไขว่าหากทำไม่ได้ พวกเขายินดีที่จะทำกิจกรรมเผยแพร่ศาสนาตามคำสั่งของสมเด็จพระสันตะปาปาอย่างไม่มีเงื่อนไข และพวกเขาก็ทำไม่ได้จริงๆ เนื่องจากเยรูซาเล็มตกอยู่ในภาวะสงคราม พวกเขาจึงเดินทางไปพบกับพระสันตะปาปาในกรุงโรม เพื่อขอจัดตั้งคณะสงฆ์ขึ้นมาใหม่
ในปี 1539 (พ.ศ. 2082) นักบุญอิกนาเชียสได้ร่างกฎแห่งคณะเยซูอิตขึ้น และสมเด็จพระสันตะปาปาพอลที่ 3 ก็ได้รับรองร่างดังกล่าวในวันที่ 27 กันยายน 1540 (พ.ศ. 2083) ซึ่งนับเป็นวันถือกำเนิดของคณะเยซูอิต
คณะเยซูอิต เติบโตอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของนักบุญอิกนาเชียส และกลายเป็นคณะสงฆ์คาทอลิกซึ่งมีบทบาทนำในการตอบโต้คริสเตียนสายปฏิรูปทั้งหลาย ทำให้หลายพื้นที่ในยุโรปที่เคยตกอยู่ใต้อิทธิพลของโปรแตสแตนท์กลับมานับถือคาทอลิกอีกครั้ง และคณะนักบวชเยซูอิตในยุคนักบุญอิกนาเชียสยังเดินทางไปเผยแพร่ศาสนาไกลถึงอินเดีย, บราซิล, คองโก และเอธิโอเปีย
เยซูอิตให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก เมื่อครั้งที่นักบวชเยซูอิตเดินทางไปเผยแพร่ศาสนาในจีน เบื้องต้นพวกเขาได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ในฐานะผู้รู้ที่นำเอาวิทยาการสมัยใหม่เข้าไปเผยแพร่ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกขับไล่โดยผู้ปกครองยุคหลังที่ไม่ไว้วางใจในอิทธิพลของคณะเยซูอิต
ยิ่งคณะเยซูอิตขยายอิทธิพลมากขึ้น ความขัดแย้งกับรัฐต่างๆ รวมถึงคณะสงฆ์อื่นๆ ก็ยิ่งขยายตัวจนนำไปสู่คำประกาศของสมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 14 ที่ให้ยุบคณะเยซูอิตในปี 1773 ด้วยแรงกดดันจากฝรั่งเศส, สเปน และโปรตุเกส แต่รัสเซียโดยพระนางแคเธอรีนมหาราชินีไม่ยอมรับคำประกาศดังกล่าว ทำให้คณะเยซูอิตเหลือรอดมาได้ และภายหลังสมเด็จพระสันตะปาปาพิอุสที่ 7 ก็มีคำสั่งให้จัดตั้งคณะเยซูอิตขึ้นมาอีกครั้งด้วยเห็นความจำเป็นในบทบาทด้านการศึกษา และการเผยแพร่ศาสนาของคณะเยซูอิต
ปัจจุบัน แม้สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันจะเป็นนักบวชจากคณะเยซูอิต (และนับเป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกที่มาจากนักบวชคณะนี้) แต่คณะเยซูอิตกำลังอยู่ในช่วงขาลงเช่นเดียวกับคณะสงฆ์กลุ่มอื่นๆ เห็นได้จากตัวเลขนักบวชคณะเยซูอิตที่เคยมีมากกว่า 30,000 คน ทั่วโลกในช่วงทศวรรษที่ 1960 แต่ปัจจุบันมีนักบวชเยซูอิตเหลืออยู่เพียงราว 16,000 คนเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม :
- กำเนิด “วาติกัน” รัฐอิสระ-นครศักดิ์สิทธิ์ ไม่เหมือนที่ใดในโลก สู่พระสันตะปาปาองค์แรก
- “ยุทธการกรุงเวียนนา” หน่วยฮุสซาร์ผงาด แรงบันดาลใจศึกใหญ่ “Lord of the Rings”
- “อาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์” ฝีมือคนไทย ที่รัฐบาลทูลเกล้าฯถวาย แด่สมเด็จพระสันตะปาปา
อ้างอิง :
“Jesuit”. Encyclopædia Britannica. Encyclopædia Britannica Online.
Encyclopædia Britannica Inc., 2016. Web. 26 Sep. 2016
<https://global.britannica.com/topic/Jesuits>.
“History of Europe”. Encyclopædia Britannica. Encyclopædia Britannica Online.
Encyclopædia Britannica Inc., 2016. Web. 26 Sep. 2016
<https://global.britannica.com/topic/history-of-Europe/Reformation-and-Counter-Reformation>.
“Jesuit order established”. History. <http://www.history.com/this-day-in-history/jesuit-order-established>
“How Francis Can Save the Jesuits”. Catholic Herald. <http://www.catholicherald.co.uk/issues/november-13th-2015-2/how-francis-can-save-the-jesuits/>
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 กันยายน 2559