ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ศาลเกาหลีใต้รับรองการถอดถอน “ประธานาธิบดีปาร์ก กึน-เฮ”

กลุ่มนักกิจกรรมสนับสนุนประธานทธิบดีปาร์ก กึน-เฮ ชูภาพโปสเตอร์ของเธอบริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2017 (AFP PHOTO / JUNG Yeon-Je)

ปาร์ก กึน-เฮ ประธานาธิบดีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ และบุตรสาวอดีตประธานาธิบดีปาร์ก จุง-ฮี ผู้นำเผด็จการในช่วงสงครามเย็น ได้กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกถอดถอน ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญประกาศในวันศุกร์นี้ (10 มีนาคม 2017) รับรองความชอบในการถอดถอนเธอออกจากตำแหน่งตามมติของรัฐสภา

ปาร์ก ถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ระหว่างรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ (หลังจากที่รัฐสภาที่ได้มติถอดถอนเธอออกจากตำแหน่งไปก่อนแล้ว) ข้อกล่าวหาของเธอมีตั้งแต่การใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ, เรียกรับสินบน, ข่มขู่, พยายามข่มขู่, พยายามฉ้อโกง,  จากกรณีอื้อฉาวที่คนสนิทของเธอซึ่งเป็นลูกสาวของหมอผีรายหนึ่งอ้างอำนาจประธานาธิบดีในการเรียกรับผลประโยชน์จากกลุ่มธุรกิจในเกาหลีใต้ รวมถึงข้อกล่าวหาที่ว่า ปาร์ก ถูกครอบงำโดยคนสนิทในการดำเนินนโยบายของรัฐบาล จนทำให้ประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วงตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้

ทั้งนี้ จากรายงานของ CNBC สก็อตต์ ซีแมน (Scott Seaman) ผอ. ภูมิภาคเอเชีย ของ Eurasia Group ได้ตั้งข้อสังเกตว่า การลงมติของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้ต้องเป็นไปโดยเปิดเผย คณะตุลาการจึงอาจถูกแรงกดดันจากสาธารณะ หากพวกเขาตัดสินใจไม่ถูกใจประชาชน ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ (แม้ว่าตุลาการจะตัดสินบนพื้นฐานของหลักการ ทำให้สถาบันศาลรัฐธรรมนูญมีความเป็นการเมืองค่อนข้างสูง)

รายงานของ นิวยอร์กไทม์ กล่าวว่า หลังจากนี้ เกาหลีใต้จะต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วัน โดยประธานาธิบดีรักษาการ ฮวาง เคียว-อัน (Hwang Kyo-ahn) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการเมืองของปาร์ก จะยังคงทำหน้าที่ต่อไป ทำให้แผนที่จะติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้น่าจะเกิดขึ้นได้ก่อนการเลือกตั้ง

ระบอบประชาธิปไตยของเกาหลีใต้แม้จะมีอายุไม่มาก แต่กระบวนการขับ ปาร์ก ออกจากตำแหน่งได้เกิดขึ้นอย่างสันติ การประท้วงของคนนับแสนที่เรียกร้องให้เธอลงจากตำแหน่งก็เป็นไปโดยสงบ ขณะที่สถาบันตุลาการ และนิติบัญญัติที่เคยมีสถานะที่อ่อนแอกว่าฝ่ายประธานาธิบดีมาโดยตลอดก็ได้มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

ขณะเดียวกัน การพ้นจากตำแหน่งของเธอยังอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้วอำนาจจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมไปสู่ฝ่ายซ้าย ซึ่งมีนโยบายเป็นมิตรกับเกาหลีเหนือมากกว่าเดิม ซึ่งอาจทำให้ความพยายามของสหรัฐฯ ในการโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือในขณะนี้มีความยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม