หนังสือพิมพ์สตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส 1 ใน 100 สิ่งสำคัญในสงครามโลกครั้งที่ 2

หารอเมริกัน อ่าน หนังสือพิมพ์ สตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส ช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2
ทหารอเมริกันกําลังอ่านหนังสือพิมพ์สตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส (ภาพจาก 100 สิ่งของสำคัญในสงครามโลกครั้งที่ 2)

ถ้า เรือรบ, ระเบิด, ปืน, เครื่องบิน ซึ่งเป็นยุทธปัจจัยสำหรับสงคราม ย่อมเป็นสิ่งจำเป็น แต่ทำไม “หนังสือพิมพ์” จึงเป็น 1 ใน 100 รายการ สิ่งของสำคัญใน “สงครามโลกครั้งที่ 2” ด้วย

“หนังสือพิมพ์” ฉบับนั้นชื่อ “สตาร์ แอนด์ สไตรป์ส” 

หนังสือพิมพ์ สตาร์ แอนด์ สไตรป์ส (Stars and Stripes) เคยตีพิมพ์ในรูปของหนังสือพิมพ์สําหรับกองกําลังรบนอกประเทศของสหรัฐอเมริกา ระหว่างปี 1917-1919 กลับมามีชีวิตอีกครั้งในปี 1942 เพื่อเสนอข่าวสารในประเทศ และความพยายามด้านสงครามระดับโลก ที่จะเคลื่อนกําลังพลทหารของอเมริกา (จีไอ) ออกรบ

หนังสือพิมพ์ดังกล่าว ได้รับอนุญาตและได้รับเงินสนับสนุนจากกระทรวงสงคราม แต่การควบคุมงานบรรณาธิการแกว่งไปมา โดยงานบรรณาธิการตกอยู่ในความดูแลของผู้บัญชาการกองทัพบก และเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านกิจการสาธารณะ แต่อีกด้านหนึ่งก็ตกไปอยู่ในความดูแลของทีมบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักหนังสือพิมพ์มืออาชีพที่เพียงแต่สวมเครื่องแบบ แต่ยังคงภักดีต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐ ฉบับแก้ไขครั้งแรก (ซึ่งให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น) มากกว่าจะภักดีต่อข้อบังคับแห่งสงคราม

การรายงานข่าวในประเทศ ไม่มีปัญหาเรื่อง “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” เป็นพิเศษแต่อย่างใด เนื่องจาก สตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส พึ่งพาบริการข่าวของทางการสหรัฐและหนังสือพิมพ์ระดับชาติ  สําหรับการรายงานข่าวภายในประเทศ การเสนอข่าวนโยบายของรัฐบาลและเหตุการณ์ภายในประเทศ แม้แต่เหตุการณ์ที่ไม่น่าอภิรมย์ก็ทําได้อย่างสมบูรณ์ถูกต้อง ช่วยชดเชยข่าวลือและมุมมองที่มีอคติของครอบครัว รวมทั้งการโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายศัตรู

สตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส ยังช่วยให้จีไอเข้าใจการดําเนินสงครามในสนามรบอื่นๆ ผลงานและคุณความดีของทหารหน่วยอื่นๆ และพันธมิตรใน สงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งชี้แจงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และปฏิบัติการของกองทัพในมุมมองจากกระทรวงสงคราม อย่างไรก็ตาม มีการรายงานปฏิบัติการทางทหารที่ละเมิดกฎความมั่นคงน้อยมาก นักข่าวของสตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส ทําตามกฎการเซ็นเซอร์เรื่องความมั่นคง ซึ่งบังคับใช้กับนักข่าวทุกคน

แต่ปัญหาของสตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส อยู่ที่ผู้บัญชาการระดับสูง ซึ่งเห็นว่าหนังสือพิมพ์นี้มีอิทธิพลในการล้มล้าง บ่อนเซาะอํานาจของพวกตน และกระตุ้นให้เกิดการกระด้างกระเดื่อง ไม่อยู่ในวินัย อย่างไรก็ตาม ทีมบรรณาธิการสตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส ไม่ได้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงถูกต้องเสมอไป และไม่ได้เห็นว่านโยบายของกองทัพทั้งหมดเป็นนโยบายที่ฉลาด

สิบเอก บิลล์ มอลดิน นักเขียนการ์ตูนยอดนิยม ได้สร้างตัวการ์ตูนวิลลี่แอนด์โจ สัญลักษณ์ของพลทหารของอเมริกา (จีไอ) ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเครื่องมือในการวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เขาเห็นว่าเป็นการอ้างเหตุผลในเชิงกลวิธีของกองทัพ รวมทั้งเพื่อแฉสิทธิพิเศษที่ไม่เป็นธรรมสําหรับเจ้าหน้าที่ทหารทั้งหมด รวมทั้งบุคลากรที่อยู่แนวหลัง

สตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส ซอกแซกหาตัวอย่างของบรรดาผู้บัญชาการที่ละเมิดนโยบายของกองทัพ ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กับทหารเกณฑ์ การรายงานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนดังกล่าวซอกซอนค้นหาตัวอย่างนักซื้อขายในตลาดมืด และการจัดสรรสิ่งของหายากขาดแคลน ซึ่งผิดจากวัตถุประสงค์เดิมที่ตั้งใจจะจัดสรรให้กับหน่วยรบ

พลเอกมาร์ก ดับเบิลยู. คลาร์ก ข่มขู่นักข่าวทหารอย่างต่อเนื่อง ส่วน พลเอกดักลาส แมคอาเธอร์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาระดับสูงในแปซิฟิก สั่งแบนหนังสือพิมพ์สตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส ในแถบแปซิฟิกจนถึงปี 1945

อย่างไรก็ตามนักข่าวสตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส สามารถโจมตีอิทธิพลการบังคับบัญชา ด้วยการแอบส่งข่าวหรือปล่อยให้ข่าวรั่วไปยังเพื่อนในวงการ ซึ่งเป็นนักข่าวพลเรือนที่ทำข่าวสงคราม พลเอกจอร์จ เอส. แพตตัน ต้องการให้สิบเอกมอลดินขึ้นศาลทหาร แต่ปรากฏว่าเขากลับได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ ซึ่งเป็นรางวัลสิ่งพิมพ์ยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาในปี 1945

สตาร์ส แอนด์ สไตรป์ส มีผู้อ่านมากกว่า 1 ล้านคนระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 รายงานข่าวของมันเกี่ยวกับการทำสงครามโลกครั้งนั้น โดยเฉพาะข่าวการทำสงครามกับเยอรมนี ยังคงเป็นแหล่งข้อมูลที่ประเมินค่ามิได้ เกี่ยวกับสงครามที่ทหารเกณฑ์อเมริกันเข้าร่วมรบ

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


หมายเหตุ : บทความนี้เขียนเก็บความจาก ดร. แอลแลน อาร์. มิลเลตต์, พ.ต. จูเลียน ทอมป์สัน-เขียน,  นงนุช สิงหเดชะ-แปล. 100 สิ่งของสำคัญในสงครามโลกครั้งที่ 2, สำนักพิมพ์มติชน, พ.ศ. 2556


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 9 สิงหาคม 2564