ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
‘กบฏแมนฮัตตัน’ ที่เกิดขึ้นในบ่ายวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2494 และสิ้นสุดลงตอนเย็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2494 เป็นความพยายามของทหารเรือกลุ่มหนึ่งที่เป็นผู้ริเริ่มก่อการ ด้วยต้องการโค่นล้มรัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่มาจากการรัฐประหาร เบื้องหลังการปฏิบัติการครั้งนี้ ทำไมจึงต้องเลื่อน เลื่อน และเลื่อน ถึง 5 ครั้ง ซึ่งก็ไม่ทราบว่ามากที่สุดใน ‘วงการ’ หรือไม่
นิยม สุขรองแพ่ง อดีตจ่าทหารเรือผู้ร่วมกบฏ บันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ใน “ทหารเรือ ‘กบฏแมนฮัตตัน’” ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ในที่นี้ขอคัดย่อมาเฉพาะเหตุที่ต้องเลื่อนปฏิบัติการครั้งแล้วครั้งเล่า เนื้อหาส่วนหนึ่งดังนี้
“ก่อนที่จะถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2494 อันเป็นวันปฏิบัติการของกลุ่มคณะกู้ชาติได้ใช้ความพยายามถึง 5 ครั้ง แต่ก็ต้องล้มเลิกก่อนเวลาลงมือปฏิบัติการ ดังจะเห็นได้จากคำพิพากษาของศาล ดังต่อไปนี้ ‘ในการนี้ได้มีการประชุมวางแผน และฝึกซ้อมการเข้ายึดสถานที่ตั้งรัฐบาล เตรียมรอโอกาสที่จะลงมือปฏิบัติการอยู่ ได้มีการเลื่อนกำหนดลงมือหลายครั้ง’
คณะกู้ชาติได้ใช้ความพยายามที่จะจับตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม แต่แล้วต้องเลื่อนออกไปครั้งแล้วครั้งเล่าดัง ต่อไปนี้
ครั้งที่ 1
วันที่ 22 ตุลาคม 2493 เป็นวันส่งทหารไปร่วมรบกับกองทัพสหประชาชาติในสมรภูมิเกาหลีเป็นครั้งแรก ณ ท่าเรือคลองเตย คณะกู้ชาติมีแผนการที่จะเข้าควบคุมตัวจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี และบรรดาขุนศึกที่มีอำนาจสั่งการแก่กองทัพทั้งสามและตำรวจในระหว่างพิธี แม้ว่าจะมีผู้ไปส่งเป็นจำนวนมาก แต่คณะกู้ชาติจะจู่โจมเข้าไปทางด้านหลัง เพื่อไม่ให้ผู้คนแตกตื่น ส่วนทางด้านหน้าก็จะใช้กำลังทหารบกที่จะเดินทางไปเกาหลีซึ่งสายงานได้ตกลงกันไว้แล้วเข้าสกัดกั้น
ทางด้านริมแม่น้ำ เรือรบซึ่งจอดเทียบท่าอยู่ในบริเวณนั้นจะให้ความสนับสนุน และเมื่อได้ตัวผู้ที่ต้องการแล้วจะนำไปควบคุมไว้ที่กองสัญญาณทหารเรือ กำลังนาวิกโยธินจากกองสัญญาณฯ จะเคลื่อนออกไปรักษาการณ์ตามจุดที่ได้รับมอบหมายโดยประสานงานกับนาวิกโยธินที่จะมาจากฝั่งธนบุรี หลังจากนั้นจะได้ออกอากาศกระจายเสียงสั่งห้ามหน่วยทหารบางหน่วยเคลื่อนย้ายกำลังออกจากที่ตั้ง ทั้งนี้ โดยจะออกอากาศจากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งราชนาวี (2 ร.น.) ซึ่งตั้งอยู่ในกองสัญญาณทหารเรือ
คณะกู้ชาติได้ประชุมกันที่บ้านหลังหนึ่งเพื่อเตรียมการตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 21 ตุลาคม จนกระทั่ง ถึงเวลา 02.00 น. ของวันใหม่ คือ วันที่ 22 ตุลาคม 2493 อันเป็นวันที่จะปฏิบัติการ น.ต.ประกาย พุทธารี ได้แจ้งว่า ไม่แน่ใจว่าจะนำกำลังนาวิกโยธิน (น.ย. 4-5) จากสวนอนันต์ ธนบุรี ออกมาปฏิบัติการได้
ความตั้งใจที่จะปฏิบัติการในครั้งแรก เป็นอันต้องระงับไป
ครั้นรุ่งเช้าวันที่ 22 ตุลาคม 2493 หลังจากที่ได้สั่งระงับการปฏิบัติการแล้ว สมาชิกคณะกู้ชาติหลายคนได้ไปสังเกตการณ์ที่สี่แยกถนนวิทยุ ได้พบสารวัตรทหารเรือถืออาวุธเรียงรายตามจุดต่างๆ มีจำนวนมากผิดปกติ
หลังจากนั้นได้ไปบริเวณพิธี ณ ท่าเรือคลองเตย และได้เข้าไปจนใกล้ตัวจอมพล ป. โดยไม่มีใครสนใจ แสดงว่าไม่มีใครล่วงรู้แผนการครั้งนี้เลย
ในวันเดียวกันนั้นเอง คณะกู้ชาติก็ได้ทราบว่า นายทหารสังกัดกรมสรรพาวุธทหารเรือคนหนึ่งนำแผนการครั้งนี้ไปบอกให้นายทหารเรือชั้นผู้ใหญ่ทราบ เรื่องจึงรู้ไปถึง พล.ร.อ.สินธุ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ท่านจึงได้สั่งเตรียมการป้องกันดังกล่าวแล้ว
ครั้งที่ 2
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2493 เป็นวันแข่งขันรักบี้ฟุตบอลระหว่างกองทัพบกกับราชนาวี ตามปกติการแข่งขันนัดนี้จะมีผู้เข้าชมอย่างคับคั่ง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามกองทัพจะได้รับเชิญไปชมอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา คณะกู้ชาติได้วางแผนจู่โจมเข้าจับจอมพล ป. พิบูลสงครามเหมือนเมื่อครั้งก่อนตอนสายของวันแข่งขัน ผู้ปฏิบัติการต่างเตรียมพร้อมอยู่ตามจุดต่างๆ ที่กำหนดไว้
ครั้นเวลาประมาณ 14.00 น. มีข่าวว่ากำลังตำรวจจากโรงเรียนตำรวจปทุมวันมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ น.ต.มนัส จารุภา จึงรีบออกไปสังเกตการณ์ ได้พบว่ากำลังตำรวจประมาณ 2 กองร้อยพร้อมทั้งอาวุธเคลื่อนไปตามถนนเพลินจิตแล้วเลี้ยวเข้าซอยหลังสวน สันนิษฐานว่าฝ่ายตำรวจอาจทราบระแคะระคายและเตรียมป้องกัน น.ต.มนัส จึงรีบกลับไปที่กองเรือรบ เมื่อปรึกษาหารือกันแล้ว ที่ประชุมตกลงให้ระงับเป็นครั้งที่ 2
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาแข่งขันปรากฏว่าจอมพล ป. ติดราชการไม่ได้ไปชมการแข่งขัน
การระงับการปฏิบัติการทั้งสองคราว ทำให้สมาชิกบางคนหวาดผวาเกรงความลับจะแตก จึงบังเกิดความท้อแท้
ครั้งที่ 3
ต้นปี พ.ศ. 2494 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก กำหนดจะทำพิธีแจกเข็มเสนาธิปัตย์และประกาศนียบัตร ณ ห้องประชุมกระทรวงกลาโหม โดยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นประธานในพิธี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามกองทัพและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่จะต้องมาร่วมในพิธี ถ้าไม่ติดราชการอื่นที่จำเป็นกว่า การปฏิบัติการคราวนี้คณะกู้ชาติมอบหมายให้สายงานฝ่ายทหารบกเป็นผู้จู่โจม เข้าควบคุมตัวจอมพล ป. ในบริเวณกระทรวงกลาโหม ทหารเรือจากกองเรือรบจะเข้าปลดอาวุธกองรักษาการณ์ที่หน้ากระทรวงกลาโหม สายงานฝ่ายทหารบกอีกส่วนหนึ่งจะเคลื่อนกำลังจาก ร.พัน 1 รักษาพระองค์เข้ายึดพื้นที่รอบๆ ศาลาว่าการกลาโหม พิธีจะเริ่มเวลาประมาณ 14.30 น. จึงตกลงให้ทุกสายงานพร้อมกันในเวลา 14.00 น. แผนการนี้ได้ประชุมตกลงกันล่วงหน้าเป็นเวลาหลายวัน
ครั้นถึงวันปฏิบัติงานหัวหน้าสายฝ่ายทหารบก ผู้รับมอบหน้าที่ให้เป็นผู้จับจอมพล ป. แจ้งว่าสายของตนไม่พร้อม ฝ่ายทหารเรือสั่งระงับได้ทันท่วงที
ที่น่าวิตกที่สุด คือ ทหารบกจาก ร.พัน 1 รักษาพระองค์เคลื่อนที่ออกมาแล้วถึง 2 หมวด พร้อมทั้งปืนกลหนักและกระสุนจริง จึงต้องทำที่เป็นฝึกซ้อมการใช้ปืนกลหนัก เป็นเหตุให้ผู้บังคับบัญชาสงสัย และเพ่งเล็งในระยะต่อมา
สาเหตุแห่งความล้มเหลวคราวนี้ เนื่องมาจากนายทหารบกชั้นนายพันผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จับจอมพล ป. เกิดไม่กล้าขึ้นมา เกรงจะทำการไม่สำเร็จ เพราะนายทหารผู้นี้เคยพลาดมาครั้งหนึ่งแล้วในกรณีกบฏเสนาธิการ (หรือกบฏ 1 ตุลาคม 2491 โดยมี พล.ต.เนตร เขมะโยธิน และ พล.ต.สมบูรณ์ ศรานุชิต เป็นหัวหน้า) นายทหารผู้นี้จึงไม่มาตามนัด ทำให้ผู้ปฏิบัติงานในสายนี้เสียกำลังใจไม่กล้าเสี่ยงกระทำการ
ครั้งที่ 4
เดือนพฤษภาคม 2494 ทางราชการได้จัดส่งทหารบกไปเกาหลีอีกรุ่นหนึ่ง โดยใช้ ร.ล.อ่างทองลำเลียงทหารบกไปถ่ายลงเรืออเมริกันที่เกาะสีชัง คณะกู้ชาติเพิ่งจะรู้ก่อนที่เรือจะออกเพียง 3 ชั่วโมง จึงเตรียมการไม่ทัน
อย่างไรก็ตาม สมาชิกคณะกู้ชาติจำนวน 6 คน ได้ไปสังเกตการณ์ที่ท่าเรือคลองเตยก่อนเรือจะออกประมาณครึ่งชั่วโมง ปรากฏว่ามีผู้ไปส่งไม่มากนักและมีสารวัตรทหารเรือไปรักษาการณ์เพียงไม่กี่คน
นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของทั้งสามกองทัพทยอยกันมาอย่างครบถ้วน เป็นบุคคลสำคัญที่มีอำนาจสั่งการเกือบทั้งหมด ขาด พล.ต.ต.เผ่า ศรียานนท์ คนเดียวเท่านั้น
สมาชิกคนหนึ่งเห็นว่าเป็นโอกาสอันงามที่หาได้ไม่ง่ายนัก เสนอให้รีบกลับไปนำกำลังมาจากกองสัญญาณทหารเรือออกมาปฏิบัติการ แต่เนื่องจากไม่ได้เตรียมตัวเติมน้ำมันรถกึ่งสายพานไว้ ข้อเสนอนี้จึงตกไป สมาชิกอีกคนหนึ่งใจร้อน เสนอให้ใช้กำลังที่มาด้วยกันเพียง 6 คน ปฏิบัติการจู่โจมเดี๋ยวนั้น เพราะปืนกลมือเมดเสนก็มีอยู่ในรถแล้ว แต่มีผู้ทัดทานว่า เมื่อฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าผู้จู่โจมมีเพียง 6 คน อาจจะฮึดสู้ขึ้นมาก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะมีการยิงต่อสู้กันอย่างรุนแรง อาจทำการไม่สำเร็จก็ได้
คณะกู้ชาติต้องพลาดโอกาสอันงามนี้ไปอย่างน่าเสียดาย!
ครั้งที่ 5
วันที่ 26 มิถุนายน 2524 เป็นวันประชุมนาย ทหารชั้นผู้ใหญ่ในทำเนียบรัฐบาล เกี่ยวกับการปัองกันราชอาณาจักร การประชุมจะเริ่มเวลาประมาณ 10.00 น. และจะเสร็จประมาณ 13.00 น. โดยที่ทราบล่วงหน้าหลายวัน คณะกู้ชาติจึงได้วางแผนจู่โจม ดังนี้
1. หน่วยล้อมทำเนียบรัฐบาลเข้าควบคุมตัวผู้มีอำนาจสั่งการให้เป็นหน้าที่ของเสรีไทย อดีตนักเรียน ส.ห. โดยมีนายทหารเป็นหัวหน้า
2. หน่วยจู่โจมวังปารุสกวันให้ทำการยึดและทำให้ยานเกราะหมดสมรรถภาพในการเคลื่อนที่ และหมดอำนาจในการยิงชั่วคราว หน่วยนี้ใช้กำลังหมู่รบจากกองเรือรบ โดยมีรถจี๊ปกลางติดปืนขนาด 9 มม. น.ต.มนัส จารุภา เป็นหัวหน้า
ทั้งนี้ เสรีไทยอดีตนักเรียน ส.ห. จะเข้าสนับสนุนปฏิบัติการด้วย ส่วนทหารเรืออีกจำนวนหนึ่งรออยู่ในซอยวัดปรินายก
3. กองพันนาวิกโยธินที่ 4 และ 5 (น.ย. 4-5) เคลื่อนที่เข้าสมทบและสนับสนุนปฏิบัติการของหน่วยในข้อ 1 และข้อ 2
และทำการยึดพื้นที่ประสานกับหน่วยในข้อ 4 สายนี้ น.ต.ประกาย พุทธารี เป็นหัวหน้า
4. ในทันทีที่ทราบเรื่องการออกปฏิบัติการของหน่วยอื่นแล้ว นาวิกโยธินจากกองสัญญาณทหารเรือ พร้อมด้วยรถกึ่งสายพานจะเคลื่อนกำลังออกมาประสานงานการยึดพื้นที่กับหน่วยในข้อ 3
การเตรียมการเพื่อให้เป็นไปตามแผน
แผนการตามข้อ 1 ใช้พาหนะรถยนต์นั่งธรรมดาที่มีอยู่แล้ว ขนหน่วยจู่โจมเสรีไทยเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล
แผนการตามข้อ 2 จัดหาแบตเตอรี่ใหม่มาใส่รถจี๊ปกลาง โดยเช่าจากร้านแบตเตอรี่ที่รู้จัก ส่วนปืนกล 17 มม. ซึ่งติดตั้งบนรถต้องจัดการสร้างครอบทำด้วยไม้ เพื่อมิให้สะดุดตาอันจะก่อให้เกิดความสนใจขึ้นได้ในขณะที่รถวิ่งไปตามถนนในเวลาออกปฏิบัติการ ครอบไม้นี้จะถอดจากกันได้โดยง่าย ถ้ามองดูในขณะที่ประกอบเข้าด้วยกันแล้ว จะดูเหมือนลังไม้ขนาดใหญ่ เมื่อจะใช้ก็ถอดครอบทิ้งไป
แผนการตามข้อ 3 ในการลำเลียงทหารจากกองพันนาวิกโยธิน ที่ 4-5 สวนอนันต์ ธนบุรี ข้ามฟากไปยังฝั่งพระนคร ได้ตกลงเช่ารถบรรทุกรับจ้างขนาดใหญ่จำนวน 5 คัน ราคาคันละ 400 บาท กำหนดให้ไปจอดรออยู่ที่เชิงสะพานข้ามคลองมอญปากทางเข้าวัดชิโนรส ถนนอิสรภาพ เวลา 8.30 น.ของวันที่ 26 มิถุนายน 2494
แผนการตามข้อ 4 จัดหาเบนซินเติมรถกึ่งสายพานของกองสัญญาณทหารเรือ เพราะตามปกติรถเหล่านี้จะมีน้ำมันเหลือก้นถังเท่านั้น ในการนี้ สายของคณะกู้ชาติได้ไปขอซื้อเชื่อมาเติมเตรียมไว้
พร้อมกันนั้น ได้จัดส่ง ร.ท.ประยูรสวัสดิ์ เอกภูมิ เข้าไปในวังปารุสกวัน โดยอาศัยติดรถงานของผู้รับเหมาก่อสร้างและรถบรรทุกน้ำมันเข้าไปทำการสอดแนมดูกำลังป้องกันในวังปารุสกวัน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับยานเกราะ จึงได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับที่ตั้งและจำนวนรถอย่างละเอียด นอกจากนั้น ยังได้จัดพิมพ์ใบปลิวแถลงการณ์ของคณะกู้ชาติขึ้นเป็นจำนวนมากเพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน เมื่อลงมือปฏิบัติการแล้ว
ส่วนค่าใช้จ่ายในการเตรียมการ บรรดาสมาชิกช่วยออกตามฐานานุรูป บางคนถึงกับต้องกู้หนี้ยืมสินมาใช้
วันที่ 26 มิถุนายน 2494 วันปฏิบัติการ น.ต.มนัสกับนายทหารเรืออีก 3 คน ได้ขับรถขนอาวุธ และใบปลิวออกจากกองสำรองเรือรบไปยังจุดนัดพบที่ถนนจรัญสนิทวงศ์… ณ จุดนั้นรถของ พ.ต. วีระศักดิ์ มัณฑจิตร ได้มาจอดรออยู่แล้ว จึงได้ช่วยกันขนถ่ายอาวุธและใบปลิว เพื่อให้ พ.ต.วีระศักดิ์ นำไปแจกจ่ายให้กำลังฝ่ายเสรีไทย เมื่อขนถ่ายเสร็จแล้ว รถทั้งสองคันได้แล่นตามกันไปยังเชิงสะพานทางเข้าวัดชิโนรส รถบรรทุกทั้ง 5 คัน ที่จ้างมาได้จอดรออยู่แล้ว จึงแล่นรถต่อไปอีกเล็ก น้อยและจอดรอรับข่าวจาก น.ต.ประกาย พุทธารี
ส่วน ร.ท.วีระ โอสถานนท์ ได้นำทหารพร้อมทั้งอาวุธ ประมาณ 20 คนขึ้นรถบรรทุกมีผ้าใบคลุมมิดชิด ไปจอดอยู่ในซอยหน้าวัดปรินายก รอเวลาปฏิบัติการ
ใกล้จะถึงเวลา 11.00 น. น.ต.ประกาย มาบอกว่า “มีเหตุขัดข้องไม่สามารถนำกำลังนาวิกโยธินออกมาได้”
นับเป็นความผิดพลาดครั้งที่ 2 ของ น.ต.ประกาย อันทำให้แผนการต้องล้มเหลวเป็นครั้งที่ 5 และครั้งนี้ยิ่งลำบากกว่าครั้งก่อนๆ มาก เพราะได้ขนอาวุธยุทธภัณฑ์ออกมาแล้ว นึกไม่ออกว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร จึงพากันไปที่กองสำรองเรือรบเพื่อปรึกษาหารือกัน
ในที่สุด เห็นว่าไม่มีทางที่จะทำต่อไปได้ เพราะขาดนาวิกโยธิน ซึ่งเป็นกำลังหลัก จึงตกลงใจล้มเลิกแผนการทั้งหมด ส่วนอาวุธที่เอาออกมาจากกองสำรองเรือรบ ถ้าจะเอากลับไปคืนในตอนกลางวัน ผู้ใหญ่อาจสังเกตเห็น จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ตกลงให้รอเอากลับไปคืนในตอนกลางคืน ในระยะนี้ให้ขนถ่ายเอาไปไว้ในรถของทหารเรือก่อน ครั้นถึงพลบค่ำ ประมาณ 18.30 น.จึงนำอาวุธเข้าไปเก็บในคลัง ส่วนใบปลิวก็ทิ้งน้ำไป
นอกจากแผนการจะล้มเหลวเป็นครั้งที่ 5 แล้ว บรรดาสมาชิกเริ่มระส่ำระสาย เพราะเกรงความลับจะถูกเปิดเผย ตัวเองจะถูกจับ บางคนขอถอนตัวเพราะหมดกำลังใจที่เห็นความไม่แน่นอนของสมาชิกบางคน และความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าของคณะกู้ชาติ…”
คืนวันที่ 28 มิถุนายน 2494 น.ต.มนัส จารุภา ติดต่อผ่านหัวหน้าสายให้ลงมือปฏิบัติการ ในบ่ายวันที่ 29 อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า! อันเป็นการปฏิบัติการครั้งที่ 6 และเป็นครั้งเดียวที่ได้ลงมือจริงๆ
อ่านเพิ่มเติม :
- เปิดบันทึกหายากของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เล่าเหตุระทึกกรณีเรือแมนฮัตตัน
- อนุสาวรีย์ “พระเจ้าตาก” แล้วเสร็จได้เพราะ จอมพล ป. รอดตายจากเหตุ “กบฏแมนฮัตตัน” ?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
ข้อมูลจาก :
นิยม สุขรองแพ่ง. ทหารเรือกบฏ “แมนฮัตตัน”. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2529.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2564