ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
ราชการไทยเริ่มทำงานแบบเต็มเวลาในระบบแบบ “ออฟฟิศ” ตามตะวันตกตั้งแต่สมัย รัชกาลที่ 5 แต่เมื่อบุคลากรจากต่างแดนเข้ามาประสบตารางเวลาทำงานของ เจ้านายไทย ในราชวงศ์จักรีแล้วก็ยังแปลกใจกับการทำงานที่เจ้านายหลายพระองค์ทรงใช้ชีวิต (ทั้งทรงงานและการส่วนพระองค์) ในเวลากลางคืน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นช่วงที่เริ่มนำระบบทำงานแบบเต็มเวลาในออฟฟิศมาใช้ในระบบราชการเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2418 และถูกนำมาใช้เต็มรูปแบบในทุกกระทรวงใน พ.ศ. 2435 (กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, 2545)
วีระยุทธ ปีสาลี ผู้ทำวิทยานิพนธ์เรื่อง “ชีวิตยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พ.ศ.2427-2488” ตั้งข้อสังเกตว่า การปฏิรูประบบการทำงานในสยาม เป็นผลมาจากความจำเป็นที่ต้องปรับปรุงประเทศให้ทันสมัยในยุคอาณานิคม แต่สำหรับการทำงานแบบเต็มเวลาในโลกตะวันตกนั้น มาจากแนวคิดในระบบทุนนิยมที่ต้องทำงานเพื่อสร้างผลผลิตที่มีมูลค่าสูงในโรงงานเอกชน
สำหรับการทำงานของ เจ้านายไทย นายแพทย์มัลคอล์ม สมิธ (Malcolm Smith) แพทย์ประจำพระองค์ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แสดงความคิดเห็นเมื่อพบเห็นการทำงานในช่วงเวลากลางคืนเสมือนกับว่าทำกลางคืนให้กลายเป็นกลางวัน กลางวันกลายเป็นกลางคืนว่า เป็นเรื่องแปลกไปจากที่คุ้นเคย
ข้อมูลที่อ้างอิง มัลคอล์ม สมิธ เผยในเอกสาร “ราชสำนักสยามในทรรศนะของหมอสมิธ” เล่าว่า สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเป็นเจ้านายพระองค์สำคัญที่ทรงตื่นบรรทมเวลาประมาณ 6 โมงเย็นถึง 2 ทุ่ม บางคราวเลยไปถึง 4 ทุ่มก็มี หลังจากนั้นจึงสรงน้ำ เปลี่ยนฉลองพระองค์ แล้วจึงเริ่มปฏิบัติภารกิจประจำวันไปจนถึงรุ่งเช้าจนเข้าบรรทมประมาณ 7 โมงเช้า
ส่วนผู้ที่เข้าเฝ้าจะมาในเวลากลางคืน แน่นอนว่าฝั่งนายแพทย์มัลคอล์ม สมิธ ก็เช่นกัน โดยนายแพทย์ฝรั่งเล่าว่า มักได้เข้าเฝ้าเกือบเที่ยงคืน ขณะที่เจ้านายหลายพระองค์ต่างผลัดกันเสด็จมาเข้าเฝ้าในแต่ละคืนด้วย
ผู้เขียนหนังสือยังอ้างอิงข้อมูลจากเอกสารที่เล่าประสบการณ์ของหมอสมิธว่า เจ้านายไทย องค์อื่นก็โปรดใช้ชีวิตทำงานในช่วงราตรีเช่นกัน อาทิ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จฯ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ สมเด็จฯ กรมพระสวัสดิวัตนวิศิษฎ์ และ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 6 ทรงใช้เวลาทรงพระอักษร ทรงพระบิลเลียด ทรงไพ่บริดจ์ และซ้อมละครหรือโขนร่วมกับข้าราชการสำนักชายของพระองค์ ซึ่งเหตุผลการใช้ชีวิตยามค่ำคืนมีว่า (จมื่นอมรดรุณารักษ์, 2517)
“…เวลาดังกล่าวนี้ถ้าจะสืบดูจากประวัติศาสตร์โดยทั่วไปแล้วจะเห็นว่าภัยของประเทศที่จะมีขึ้นเพื่อโค่นล้มรัฐบาลนั้น จะถือเอาเวลาตอนดึกนี้ทำการปฏิวัติ เพราะฉะนั้นพระองค์ผู้มีหน้าที่รักษาความสุขของประชาชนก็จะต้องเป็นยามคอยระแวดระวังภัยให้ชาติบ้านเมืองได้รับความสงบสุขอยู่ตลอดเวลา”
จากข้อมูลข้างต้นอาจพอทำให้เห็นภาพการใช้ชีวิตยามค่ำคืนของเจ้านายหลายพระองค์ และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นหน้าที่ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา และหากอ้างอิงตามข้อมูลที่มี พอจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับเหตุผลทางการเมืองมากกว่าความพึงพอพระราชหฤทัยส่วนพระองค์ (วีระยุทธ ปีสาลี, 2557)
อ่านเพิ่มเติม :
- “สำนัก” แหล่งเรียนรู้วิถีกุลสตรีชาววังของ “ฝ่ายใน” สมัยรัชกาลที่ 5
- “ป๊ากสามเสน” ที่เที่ยวเตร่ยามค่ำคืนในสยามยุคแรก มีสวนสนุกด้วย!
อ้างอิง :
จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช). มหาดเล็กในทำเนียบสุนัขปริศนา นามแฝงของมหาบุรุษ. กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, 2517, หน้า 28
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. เทศาภิบาล. กรุงเทพฯ : มติชน, 2545, หน้า 35-36.
วีระยุทธ ปีสาลี. กรุงเทพฯ ยามราตรี. กรุงเทพฯ : มติชน, 2557, หน้า 60
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 15 ธันวาคม 2561