ที่มา | ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกุมภาพันธ์ 2557 |
---|---|
ผู้เขียน | ทิพย์ฉัตร |
เผยแพร่ |
ส่องภาพ กามเทพ “คิวปิด” จิตรกรรมผสมผสานในพระวิหาร วัดบุปผาราม ฝั่งธนบุรี มาปรากฏในวัดได้อย่างไร
วัดบุปผาราม พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร เป็นวัดโบราณสร้างมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อว่า “วัดดอกไม้” ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง ต่อมาเป็นวัดร้าง ในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ท่านผู้หญิงจันทร์ ภรรยาเอกของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) ซึ่งเป็นมารดาของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ได้ทำการปฏิสังขรณ์เนื่องจากเป็นวัดที่อยู่ใกล้บ้านของท่าน
ต่อมาปลายสมัยรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2391 สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เมื่อครั้งยังเป็นจมื่นไวยวรนาถ และเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค) เมื่อครั้งยังเป็นจมื่นราชามาตย์ ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ ในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดครั้งสำคัญนี้ เมื่อขึ้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงช่วยในการบูรณปฏิสังขรณ์ด้วย แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดบุปผาราม”

เมื่อสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ และเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ ปฏิสังขรณ์วัดบุปผารามนั้นปรากฏหลักฐานว่า ท่านได้สร้างถาวรวัตถุสำคัญๆ ของวัดขึ้น คือ พระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ และหมู่กุฎี เมื่อปฏิสังขรณ์เรียบร้อยแล้ว สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ได้กราบทูลของคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไปครองวัด แล้วถวายเป็นพระอารามหลวง คณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานครั้งนั้น มีพระอมรโมลี (นพ พุทธิสัณหเถระ) เป็นปฐมเจ้าอาวาสวัดบุปผาราม
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2487 วัดบุปผารามถูกระเบิดทำลาย ทำให้พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฎีตึกโบราณ และกำแพงวัด ได้รับความเสียหายยากแก่การซ่อมแซม พระธรรมวราลังการ (กล่อม อนุภาสเถระ) เจ้าอาวาสในขณะนั้น ดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฎี และกำแพงวัดขึ้นมาใหม่

เมื่อก่อสร้างพระอุโบสถใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางวัดได้ประกอบพิธีผูกพัทธสีมา เนื่องจากย้ายสถานที่ก่อสร้างจากที่เดิม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯทรงเป็นประธานในพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2507
แต่มีถาวรวัตถุอาคารสำคัญๆ 1 หลังที่มิได้ถูกระเบิดทำลายในช่วงสงคราม คือ พระวิหาร รูปแบบสถาปัตยกรรมศิลปกรรมงานช่างในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 ถึงรัชกาลที่ 5 ยังคงเดิมเด่นชัดแม้ในปัจจุบันจะผ่านการบูรณปฏิสังขรณ์ ซึ่ง กามเทพน้อย “คิวปิด” อยู่ที่พระวิหารหลังนี้

“คิวปิด” ที่ว่านี้ปรากฏเป็นภาพจิตรกรรมบนเพดานพาไลด้านนอกของพระวิหาร ซึ่งหากไม่ได้แหงนหน้าขึ้นมองหาแล้ว คงพลาดโอกาสในการชมภาพกามเทพน้อย เด็กรูปร่างจ้ำม่ำ เปลือยกาย พร้อมกับมีปีกเล็กๆ งอกจากส่วนหลังทั้ง 2 ข้าง ซึ่งมีภาพเขียนกามเทพน้อย 6 องค์ และยังมีนางฟ้าฝรั่งอีก 2 องค์ เหาะลอยบนเพดานพระวิหาร
กามเทพน้อย “คิวปิด” มาอยู่ที่บนเพดานพระวิหารวัดบุปผารามนี่ได้อย่างไร สันนิษฐานว่าสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) น่าจะให้ช่างเขียนไว้เป็นภาพเทพฝรั่ง เทวดาต่างชาติเหาะลอยแบบเทวดาไทยๆ โดยได้รับแรงบันดาลใจรูปแบบศิลปกรรมมาจากชาติตะวันตก แสดงถึงความแปลกตาและทันสมัยในยุคนั้น และมีการนำมาผสมผสานเข้ากับการประดับตกแต่งในศิลปกรรมไทย
หากมีโอกาสได้ไปเที่ยวฝั่งธนบุรีเข้าวัดเข้าวาชมวัดบุปผาราม อย่าลืมมองหากามเทพน้อย “คิวปิด” เหล่านี้ว่าซ่อนตัวอยู่ตรงไหนบ้างบนเพดานพาไลของพระวิหาร เป็นกามเทพน้อยรูปร่างจ้ำม่ำที่เหาะลอยสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ที่พบเห็นได้เป็นอย่างดี จะหลงรักลูกศรปักอกหรือเปล่าต้องไปพิสูจน์
อ่านเพิ่มเติม :
- “คิวปิด” กับ “ไซคี” ตำนานรักที่นรกมิอาจกั้น สวรรค์มิอาจขวาง
- กามเทพไม่ได้มีแค่คิวปิด คนไอริชมี “เออองกัส” เป็นเทพความรัก(แต่ไม่ซนจนยิงศรไปทั่ว)
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2561