พระราชพิธีในต่างแดน ครั้งรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรป ทรงจัดอย่างไร พิธีอะไรบ้าง?

รัชกาลที่ 5 ในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส L’ILLUSTRATION ประกอบเรื่อง พระราชพิธีในต่างแดน
ภาพรัชกาลที่ 5 ในหนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส L’ILLUSTRATION ฉบับที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1910 (ภาพจากคุณไกรฤกษ์ นานา)

ตลอด 7 เดือนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสยุโรปเมื่อ พ.ศ. 2450 เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ระหว่างนั้นมีพระราชพิธีต่าง ๆ อันเป็นพระราชกรณียกิจในฐานะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ต้องทรงปฏิบัติตามคตินิยมเพื่อความสิริมงคลแก่พระองค์เองและชาติบ้านเมือง จึงทรงปฏิบัติ “พระราชพิธีในต่างแดน” อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

พระราชประเพณีที่เกิดขึ้นในระยะเวลาดังกล่าว ได้แก่ พระราชพิธีเถลิงศกสงกรานต์ พระราชพิธีวิสาขบูชา พระราชพิธีเข้าพรรษา และพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประทับรถม้าพระที่นั่งที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ประทับรถม้าพระที่นั่งที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี

พระราชพิธีในต่างแดนครั้งเด็จประพาสยุโรป

สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ ในการทรงประกอบพระราชพิธีเหล่านั้น ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย เล่าไว้ใน เรื่องส่วนพระองค์ใน “ไกลบ้าน” (มติชน : 2553) ดังนี้

พระราชพิธีเถลิงศกสงกรานต์ พระราชพิธีโบราณที่คนไทยได้รับอิทธิพลมาจากคติในอินเดีย ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามวิธีนับวันเดือนปีทางสุริยคติ ตรงกับช่วงกลางเดือนเมษายน

ปกติจะทรงถือปฏิบัติอยู่ 3 วัน วันแรกเป็นพิธีเสกน้ำสำหรับสรงมุรธาภิเษกในวันเถลิงศก วันที่ 2 เป็นพิธีสงฆ์ ถวายภัตตาหารและเครื่องไทยธรรม วันที่ 3 พิธีถวายไตรจีวรสำหรับพระสงฆ์สรงน้ำ พระราชทานเลี้ยงภัตตาหารเพล (ข้าวแช่) สรงพระบรมอัฐิ พระอัฐิในหอพระอัฐิ และพระราชทานน้ำสรงปีใหม่แก่เจ้านายและข้าราชการผู้ใหญ่ระดับเจ้าพระยาและมีพระชันษาเกิน 60 ปี

วันเถลิงศกสงกรานต์ พ.ศ. 2450 ขณะนั้นทรงประทับอยู่บนเรือเดินสมุทรระหว่างลังกากับเอเดน ทรงพยายามปฏิบัติพระราชพิธีตามประเพณีทุกขั้นตอน ทั้งการสรงมุรธาภิเษก สรงน้ำพระบรมวงศานุวงศ์ (เจ้าพระยาสุรวงศ์ คือคนเดียวในบรรดาผู้ร่วมเสด็จฯ ที่ตรงตามเงื่อนไข) สรงพระบรมอัฐิ ฯลฯ ทรงเล่าในพระราชนิพนธ์ ไกลบ้าน ว่า “…ได้เชิญพระพุทธรูปบรรดาที่มากับพระบรมอัฐิสรงน้ำ แต่น้ำอบไทยก็ไม่มีจึงโปรยด้วยน้ำอบฝรั่ง…”

ทั้งทรงจัดงานเลี้ยงพระราชทานและงานรื่นเริงบนเรือ แต่ด้วยความไม่พร้อมหลาย ๆ อย่างจึงไม่ตรงตามขนบธรรมเนียมราชประเพณีเท่าใดนัก

พระราชพิธีวิสาขบูชา วันสำคัญเนื่องในพุทธศาสนาจากความมหัศจรรย์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 3 ประการ ได้แก่ ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เหมือนกัน

พระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลวันวิสาขบูชากำหนดไว้ 3 วัน มีการบำเพ็ญพระราชกุศล อัญเชิญพระบรมอัฐิและพระอัฐิมาร่วมในการพระราชกุศล จัดโคมประดับด้วยพวงดอกไม้ ตามประทีป จุดเทียนบูชาเดินประทักษิณ เป็นต้น

วันวิสาขบูชา พ.ศ. 2450 ทรงประทับอยู่ที่โรงแรมเดซอัลปส์เตอริเตต์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เดิมมีพระราชดำริจะเสด็จประพาสเซนต์มอริตส์ เมืองตากอากาศกลางเทือกเขาแอลป์ เพื่อชมเทศกาลเฟตนาซีซัส งานประจำปีของเมือง แต่เปลี่ยนพระราชหฤทัยเพราะ “เป็นห่วงจะซื้อดอกไม้สำหรับทำวิสาขะค่ำวันนี้”

รัชกาลที่ 5 ทรงเล่าถึงการบำเพ็ญพระราชกุศลครั้งนั้นว่า “…กลับมาแต่งตั้งพระ ที่หน้ากระจกหลังเตาไฟ ซื้อเทียนขนาดใหญ่เปนเทียนรุ่งไว้สองคู่ กับเทียนเล็ก ๕๖ เล่ม ดอกไม้สั่งให้เขาทำสามกระเช้า แลมีหม้อปักดอกนาซีซัสบูชาด้วย กินเข้าแล้วกรมสมมตนำทำวัตรแลสวดมนต์ สวดมนต์จบกรมสมมตเทศน์…

แป้งเจิมก็มีเจิมเทียนรุ่ง ขาดแต่ธูปอย่างเดียวเท่านั้น ได้มีโทรเลขถึงกรมหลวงวชิรญาณเข้าไปไหว้พระในกรุงเทพฯ เพราะทำที่นี่ไม่สดวก…”

คืนต่อมาก็โปรดฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ถวายเทศน์

พระราชพิธีเข้าพรรษา ตรงกับวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 ขณะนั้นทรงประทับอยู่บนเรืออัลเบียน ในทะเลประเทศนอร์เวย์ ปกติแล้วพระราชกรณียกิจในการบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในวันเข้าพรรษาจะทรงผนวชเจ้านาย เรียกว่า “นาคหลวง” และการฉลองเทียนพรรษาซึ่งจะพระราชทานไปยังพระอารามทั่วพระนครและตามหัวเมือง โดยในวันขึ้น 15 ค่ำ โปรดจุดเทียนพรรษาถวายต้นไม้เงินต้นไม้ทองแด่พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร

เมื่อพระราชพิธีนี้เกิดขึ้นในต่างแดน ขณะนั้นรัชกาลที่ 5 ประทับอยู่ที่เมืองบาเดนบาเดน ประเทศเยอรมนี ก็โปรดเสด็จฯ ไปหาซื้อเทียนไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายนแล้ว “…เพื่อจะไปหาเทียนส่งเข้าไปในการเข้าพรรษา..” แต่พอถึงวันเข้าพรรษา ทรงเล่าว่า “…วันนี้เปนวันเข้าพรรษา รู้แน่ว่าของไม่ไปถึงจึงต้องโทรเลขไปนมัสการกรมหลวงวชิรญาณแทนเครื่องสักการะ…”

พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา แต่โบราณคนไทยไม่มีการจัดงานครบรอบวันเกิด เพราะเชื่อว่าหากมีผู้รู้วันเดือนปีเกิดจะเอาไปทำคุณไสยให้เกิดอันตรายแก่ตน เมื่อความเชื่อดังกล่าวเสื่อมซาจึงเห็นว่าวันเกิดเป็นวันมงคลควรยินดี ควรบำเพ็ญกุศลเพื่อประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น เช่น การให้ทาน หรือสร้างสาธารณประโยชน์

สำหรับวันเฉลิมพระชนมพรรษา ปี 2450 วันที่ 20 กันยายน สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จฯ ประทับอยู่ที่วิลล่าฟรูสเตนรูห์ เมืองฮัมบวร์ก ประเทศเยอรมนี ทรงเล่าถึงพระราชพิธีตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญพระราชกุศล โปรดให้จุดเทียนบูชาพระรัตนตรัยและสังเวยเทวดา ตกเย็นโปรดให้มีการเลี้ยงของว่าง เชิญบรรดาผู้ดีในเมืองประมาณ 500 คนมาร่วม ตกค่ำโปรดให้มีงานเลี้ยงใหญ่ โดยเชิญผู้มีบรรดาศักดิ์ เจ้านาย และขุนนางในเมืองประมาณ 80 คนมาร่วมด้วย

วันนั้นยังมีพิธีเปิดบ่อน้ำแร่ที่ทางการเยอรมนีขุดขึ้นใหม่ แล้วขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตตั้งชื่อบ่อว่า “โกนิคจุฬาลงกรณ์” และเชิญพระองค์เสด็จฯ มาทรงประกอบพิธีเปิดบ่อ ทรงเล่าว่า…แมร์ตำบลฮอมเบิคอ่านแอดเดรสให้ชื่อบ่อว่า ‘พุโกนิคจุฬาลงกรณ์’ แล้วเชิญไปเยี่ยมดูที่บ่อนั้น ตักน้ำขึ้นมาให้ชิมด้วยถ้วยเงินใบใหญ่แล้วกลับมาที่พลับพลา แมร์เรียกให้เชียร์คือฮุเรแล้วร้องเพลงอีกบทหนึ่ง เปนสิ้นการเปิดบ่อเท่านั้น…”

รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “บ่อน้ำจุฬาลงกรณ์”

อย่างไรก็ตาม พระราชพิธีในต่างแดนปีนั้นคงเป็นที่เหงาหงอยพระราชหฤทัยอยู่ ดังทรงมีพระราชปรารภว่า “…จุดเทียนแล้วก็แล้ว ไม่มีอะไรโหรงเหรง ได้รับแต่โทรเลขให้พร เอมเปอเรอเยอรมันตั้งต้น แลเจ้าแผ่นดินอื่นๆ กับคนอื่นๆ เวลาบ่ายไม่มีอะไรทำ ไปเที่ยวเดินเล่นเสียรอบเมือง…”

และ “…วันนี้ครึกครื้นเปนงานเปนการตลอดทั้งกลางวันกลางคืน รู้สึกขาดแต่เรื่องทำบุญไม่มีพระสวดมนต์อย่างเดียวเท่านั้น…”

นอกจากนี้ ยังมีงานวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าชายอัษฎางค์เดชาวุธ ตรงกับวันที่ 12 พฤษภาคม ขณะนั้นทรงประทับอยู่ที่เมืองซันเรโม ประเทศอิตาลี ส่วนพระเจ้าลูกยาเธอทรงศึกษาอยู่ประเทศอังกฤษและเสด็จฯ มาประทับด้วยพระบรมราชชนกตั้งแต่วันที่ 28 เมษายนแล้ว

แต่เนื่องจากไม่อาจจัดพิธีทางศาสนาได้สมบูรณ์ จึงโปรดให้จัดงานรื่นเริง ตอนเย็นโปรดให้จัดงานเลี้ยงเชิญข้าราชการและผู้ดีชาวเมืองมาร่วมประมาณ 50 คน มีการจับฉลากสิ่งของ จุดดอกไม้ไฟและบรรเลงเพลงแตรวง ทั้งโปรดพระราชทานเงิน 1,000 ฟรังก์ทำทานแก่คนยากจนย่านนั้นเพื่อเป็นพระราชกุศล

สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา หม่อมแผ้ว ชายาในเจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ
สมเด็จฯ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ (ภาพ : กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร)

จะเห็นว่าแม้พระราชกรณียกิจเนื่องในพระราชประเพณี ณ ต่างแดน อาจไม่สมบูรณ์แบบเหมือนที่ทรงปฏิบัติบนแผ่นดินสยาม แต่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ก็ทรงมีความพยายามในการจะทำให้ดีที่สุด

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 10 มิถุนายน 2568