ทำไมโบราณสถานถึงฝังอยู่ใต้ดิน?

ทำไมโบราณสถานถึงฝังอยู่ใต้ดิน
เค้าคลังนอก เมืองโบราณศรีเทพ เมื่อ พ.ศ. 2551 ก่อนการขุดแต่ง (ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก : อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ)

ทำไมโบราณสถานถึงฝังอยู่ใต้ดิน? บางแหล่งซ้อนทับหลายยุคหลายชั้นนานนับพันปี

ซากโบราณสถานอันเป็นร่องรอยอารยธรรมของมนุษย์มักถูกฝังกลบอยู่ใต้ดินในระดับความลึกมากน้อยต่างกันไป ยิ่งเก่าแก่เป็นพันปีก็ยิ่งอยู่ลึกมาก ทับถมต่อกันมาหลายชั่วอายุคน แล้วสงสัยหรือไม่ว่า ทำไมโบราณสถานถึงฝังอยู่ใต้ดิน? 

การสะสมของชั้นตะกอนตามกาลเวลา

หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้โบราณสถานถูกฝังไว้ใต้ดิน คือ กระบวนการทางธรรมชาติ เช่น ลม ฝน น้ำ ซึ่งมักนำพาดินตะกอนสะสมอยู่เหนือสิ่งก่อสร้างเดิม เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยหลายพันปี ตะกอนเหล่านี้ก็ทับถมสะสมหนาได้หลายเมตร จนทำให้ระดับพื้นดินสูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ซากสิ่งก่อสร้างถูกฝังกลบกลายเป็นชั้นใต้ดิน

ในบางพื้นที่ที่มีฝุ่นละออง และทรายจำนวนมาก เช่น ที่ราบลุ่มแม่น้ำ ที่ราบน้ำท่วมถึง หรือทะเลทราย การสะสมที่ก่อให้เกิดชั้นดินก็จะยิ่งเร็วมากขึ้น และถ้ามีลมแรง บวกกับสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ก็สามารถพัดพาตะกอน ฝุ่นละออง และทรายเคลื่อนที่ไปปกคลุมสิ่งก่อสร้างภายในเวลาไม่กี่ปี

ภาพถ่าย The Great Sphinx of Giza เมื่อราวปี ค.ศ. 1880 แสดงให้เห็นว่าบางส่วนยังคงถูกทราบทับถม

การล่มสลายของเมืองและการก่อสร้างทับซากเดิม

อารยธรรมโบราณมักสร้างซ้อนทับกัน เมื่ออารยธรรมหนึ่งล่มสลาย อันเกิดจากสงคราม โรคระบาด การย้ายถิ่นฐาน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหว มนุษย์ในยุคต่อมามักจะไม่รื้อถอนสิ่งก่อสร้างเดิมออกทั้งหมด แต่จะปรับระดับพื้นให้เรียบก่อน แล้วจึงก่อสร้างสิ่งก่อสร้างใหม่ทับลงไป 

เมืองโบราณหลายเมืองจึงมีลักษณะเป็นชั้น ๆ ซ้อนกันอยู่ใต้ดิน โดยในแต่ละชั้นจะสะท้อนความเป็นอยู่ และการใช้ชีวิตของผู้คนในแต่ละยุคสมัย ฯลฯ

ภัยพิบัติธรรมชาติ 

ภัยธรรมชาติอย่าง เช่น ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ น้ำท่วม ดินถล่ม เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หลายอารยธรรมฝังอยู่ใต้ดิน อย่างเหตุการณ์ภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิด เมื่อ ค.ศ. 79 ที่ถล่มเมืองปอมเปอี และเมืองเฮอร์คิวลานีอุม ในดินแดนอิตาลียุคโรมันโบราณ ก็สามารถฝังเมืองทั้งเมืองไว้ในพริบตา เศษฝุ่นละอองต่าง ๆ รวมถึงเถ้าถ่านร้อนจากภูเขาไฟได้ฝังกลบทั้งเมืองเอาไว้ การฝังอย่างฉับพลันนี้ช่วยรักษาโครงสร้าง และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ให้คงสภาพเกือบสมบูรณ์ ทำให้เราได้เห็นสภาพวิถีชีวิตของชาวโรมันโบราณได้อย่างชัดเจน

ขณะที่สึนามิ น้ำท่วม และดินหรือโคลนถล่ม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ลาดชันที่อยู่ใกล้ภูเขา ก็มีผลคล้ายคลึงกัน ซึ่งตะกอนจำนวนมหาศาลสามารถฝังกลบเมืองทั้งเมืองได้ในระยะเวลาอันสั้น

ภาพเขียนภูเขาไฟวิซุเวียส ระเบิด ทำลายเมืองปอมเปอี และเฮอร์คิวเลเนียม โดยจอห์น มาร์ติน ค.ศ. 1821 (ภาพจาก Tate Britain)

การทิ้งร้างและการปกคลุมโดยธรรมชาติ

เมื่อเมืองโบราณถูกทิ้งร้างเป็นเวลานาน สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่ไม่ได้รับการซ่อมแซมก็จะค่อย ๆ ผุพัง ป่าจะเริ่มเจริญเติบโตเข้าปกคลุมตัวเมือง พืชที่ขึ้นใหม่จะดึงดินมาทับถมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเศษซากจากการผุพังของอาคารจะทำให้เกิดการทับถมกันเป็นชั้น ๆ กระบวนการนี้อาจใช้เวลานานนับร้อยปี และในที่สุดก็จะสร้างชั้นดินหนาที่สามารถกลบซากโบราณสถานเอาไว้ได้

นอกเหนือจากเมืองปอมเปอี และเมืองเฮอร์คิวลานีอุม แล้ว ตัวอย่างเมืองโบราณที่ฝังอยู่ใต้ดินก็ยังพบอีกหลายแห่งทั่วโลก เช่น กรุงเอเธนส์ พบซากโบราณสถานจำนวนมากในชั้นใต้ดินเมื่อมีการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้า สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์โบราณเคยใช้พื้นที่เดียวกันในลักษณะที่ต่างกันไปในแต่ละยุคสมัย

เมืองอูรุก เมืองโบราณทางตอนใต้ของอิรัก ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 7,000 ปี ที่ครั้งหนึ่งเคยจมอยู่ใต้ผืนดินและทรายที่ซ้อนทับกันหลายชั้น

อูรุก เมืองโบราณ เมโสโปเตเมีย
อูรุก (เมืองวาร์กา) – ซิกกูแรตและผู้คนเมืองวาร์กา ถ่ายเมื่อปี 1933-1934, โดย Annemarie Schwarzenbach (ภาพจาก Wikimedia Commons/Swiss National Library)

เมืองมายาโบราณในดินแดนอเมริกากลาง ซึ่งถูกทิ้งร้างจนกลายเป็นป่าดิบชื้นปกคลุมสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จนเมื่อเวลาผ่านไปโบราณสถานก็ถูกปกคลุมจนกลายเป็นเพียงเนินดินธรรมชาติ แต่แท้จริงแล้วเบื้องล่างกลับเป็นสิ่งก่อสร้างของอารยธรรมขนาดใหญ่

ในดินแดนประเทศไทยเองที่เห็นได้ชัดเจน คือ เมืองโบราณเวียงกุมกาม ที่ครั้งหนึ่งเผชิญกับภัยน้ำท่วมครั้งรุนแรง จนทำให้เมืองล่ม และจมอยู่ใต้ดินนานหลายร้อยปี

โบราณสถานเวียงกุมกาม (ภาพจาก : www.finearts.go.th)

การที่โบราณสถานหรือซากสิ่งก่อสร้างถูกฝังอยู่ใต้ดินเป็นผลมาจากปัจจัยทางธรรมชาติ และมนุษย์ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพพื้นที่ และการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในอดีต การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับซากโบราณสถานเหล่านี้จึงช่วยให้เข้าใจประวัติศาสตร์ และวิวัฒนาการของอารยธรรมต่าง ๆ ในแต่ละยุคสมัยได้ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

https://youtu.be/wyTOYEk_Z2Y?si=AQd7Gd_9xZO3TeFo

https://www.sciencefocus.com/planet-earth/why-do-we-have-to-dig-so-deep-to-uncover-ancient-ruins

https://www.iflscience.com/why-the-remains-of-ancient-civilizations-are-usually-buried-underground-70300


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 22 พฤษภาคม 2568