ผู้เขียน | เด็กชายผักอีเลิด |
---|---|
เผยแพร่ |
วันที่ 13 มกราคม 2528 คือวันถึงแก่กรรมของขุนเดช (ตัวจริง) หรือ “จิระเดช ไวยโกสิทธิ์” ผู้เป็นแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องสั้น ชุด “ขุนเดช” ของสุจิตต์ วงษ์เทศ
จิระเดช ไวยโกสิทธิ์ คือลูกจ้างของกรมศิลปากร จังหวัดสุโขทัย ผู้ดูแลโบราณวัตถุสถานของชาติแห่งเมืองสุโขทัยและศรีสัชนาลัย อยู่ร่วมสมัยกับ ขรรค์ชัย บุนปาน และ สุจิตต์ วงษ์เทศ สองกุมารสยาม โดยช่วงเวลาที่ทั้งสองท่านยังเป็นนักศึกษา มีโอกาสได้ติดตามและเรียนรู้เกี่ยวกับโบราณสถานในเมืองศรีสัชนาลัย โดยเฉพาะ สุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นผู้นำเรื่องราวของ จิระเดช ไวยโกสิทธิ์ เกี่ยวกับการดูแลแหล่งโบราณคดีและปกป้องสมบัติของชาติจากพวกโจรลักลอบขุดโบราณวัตถุ เรียบเรียงเสริมจินตนาการเป็นวรรณกรรมเรื่อง “ขุนเดช” ซึ่งถูกนำมาดัดแปลงสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ด้วย (คลิกชมภาพ ใบปิดภาพยนตร์ขุนเดช ปี 2523)
“ขุนเดช” จากบทประพันธ์ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ เป็นเรื่องราวของวีรบุรุษผู้พิทักษ์โบราณสถานและโบราณวัตถุ ขณะเดียวกันเขาคือนักฆ่าผู้โด่งดังและเลือดเย็น เป็นที่หวั่นเกรงของเหล่าโจรผู้ร้าย เรื่องราวของขุนเดช มีพื้นหลังเป็นกรุงศรีสัชนาลัยและสุโขทัย หากมีการโจรกรรมโบราณวัตถุ มิจฉาชีพเหล่านั้นจะต้องเผชิญหน้ากับท่านผู้นี้ ก่อนพบจุดจบอันน่าสยดสยอง คดีความในที่เกิดเหตุมักถูกเมินเฉยจากทางการ ศพของโจรผู้ร้ายยังถูกชาวบ้านแช่งชักหักกระดูกว่าสมควรแก่โทษทัณฑ์ที่ได้รับแล้ว ส่วนตอนจบคือการแก้แค้นของขุนเดชเพื่อบิดาของตน โดยการบั่นศีรษะผู้ฆ่าบิดาเพื่อบูชาพระศิลาและยุติเพลิงแค้นที่อัดแน่นในใจตัวเอกผู้นี้มาตั้งแต่เยาว์วัย
แม้วรรณกรรมนี้จะเรียบเรียงจากจินตนาการ แต่แรงบันดาลใจจากตัวตนของนายจิระเดช ซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงมีผลต่องานเขียนชิ้นนี้ไม่น้อย ในอดีตท่านมักถูกเรียกขานว่า “อามหา” (อา-มะ-หา) หรือ มหาจิระเดช จากบรรดานักศึกษาโบราณคดี และถือเป็นบุคคลที่ สุจิตต์ วงษ์เทศ นับถือดุจครูบาอาจารย์อีกคน เพราะท่านเป็นผู้ชำนาญในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและการขุดแต่งโบราณสถานละแวกนั้นได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งรับหน้าที่พี่เลี้ยงนักศึกษาวิชาโบราณคดีจากมหาวิทยาลัยศิลปากรซึ่งมาลงพื้นที่เป็นประจำทุกปีด้วย จึงไม่แปลกที่นักศึกษาจะยกย่องและมองท่านเป็นบุคคลต้นแบบ
มีข้อสันนิษฐานว่า อีกหนึ่งแรงบันดาลใจของบทประพันธ์ “ขุนเดช” คือเรื่องราวของ “นายเทียน” จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ท่านผู้นี้เป็นอีกคนที่เคยดูแลพื้นที่โบราณสถานเมืองศรีสัชนาลัยสุโขทัยในอดีตก่อนยุคของมหาจิระเดช นายเทียนจะตระเวนไปทั่วศรีสัชนาลัยเพื่อถากถางพงหญ้า สอดส่องดูแลโบราณสถานไม่ให้โจรมาขุดค้นหรือทำลายเพื่อเอาทรัพย์สมบัติ นายเทียนยังมีโอกาสถวายงานรับเสด็จรัชกาลที่ 6 ครั้งเสด็จประพาสศรีสัชนาลัย โดยคอยนำชมนำเที่ยวและบอกชื่อวัดต่าง ๆ ในพื้นที่ตลอด 13 วันที่เสด็จพระราชดำเนิน
เรื่องราวของนายเทียนถูกบอกเล่ากันสืบมารุ่นสู่รุ่น รวมถึงวงสนทนาที่ประกอบด้วยชาวบ้าน อาจารย์ และนักศึกษาที่มาลงพื้นที่ ซึ่งมหาจิระเดชก็ร่วมวงอยู่ด้วย ชาวบ้านยังมักมองและเปรียบเทียบท่านว่าเหมือนนายเทียนทั้งประวัติ บทบาทหน้าที่ และการแต่งกายที่คล้ายคลึงกัน คือ นุ่งกางเกงขาก๊วย ใส่เสื้อม่อฮ่อม มีมีดอีโต้เหน็บหลังเป็นอาวุธ และที่สำคัญคือมีหน้าที่ดูแลโบราณสถานเช่นเดียวกับนายเทียน
เหล่านี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ สุจิตต์ วงษ์เทศ นำเรื่องราวและบุคลิกของท่าน ผสมกับเรื่องเล่าของนายเทียน ร้อยเรียงเป็นตัวละครในวรรณกรรมอันโดดเด่น ทำให้ชื่อของขุนเดชเต็มไปด้วยมนต์ขลัง น่าเกรงขาม สะท้อนตัวตนคนรักชาติที่มีจิตสำนึกของความรักและหวงแหนมรดกของแผ่นดิน
ขอส่งท้ายด้วยบทกลอนที่ สุจิตต์ วงษ์เทศ แต่งให้มหาจิระเดช ดังนี้
จงเป็นขุนสุโขทัยในสยาม อยู่เหนือความเชื่อโลกนรกสวรรค์
เป็นขุนเดชจิระเดชเพศสามัญ เป็นเสื้อคำสำคัญสุโขทัย
ให้ในน้ำมีปลานาเต็มเข้า เมืองบ่เอาอันระบอบจกอบไพร่
ทั้งอิฐดินหินผาพนาลัย มันผู้ใดทำลายอย่าไว้มัน ฯ
อ่านเพิ่มเติม :
- วัดสะพานหิน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กับ พระอัฏฐารศ พ่อขุนรามฯ ทรงช้างไปไหว้
- “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ” พระอารามหลวงสมัยก่อนสุโขทัย แหล่งรวมสถาปัตยกรรมอันงดงามที่สมบูรณ์ที่สุด!
อ้างอิง :
มติชนออนไลน์ (8 พฤษภาคม 2559) : ชาวสุโขทัยแห่แชร์ภาพ ‘ขุนเดช’ตัวจริง ฮือฮา! รูปขณะสำรวจ ร่วมเฟรม’สุจิตต์’ผู้แต่ง. (ออนไลน์)
Facebook เทศบาลเมืองศรีสัชนาลัย (11 ตุลาคม 2561) : ขุนเดชคือใคร? (ออนไลน์)
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 มกราคม 2566