ทำไมรัชกาลที่ 3 ทรงสั่งประหารขุนนางลาวที่นำไพร่พลมาถวาย “เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์”

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิ่นเกล้า ในชุด ทหารเรือ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว “วังหน้า” ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงสนพระทัยด้านการทหารมาตั้งแต่ครั้งทรงดำรงพระยศเป็น “เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์” ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)

แต่การมีไพร่พลที่มีความสามารถด้านการทหารและมีกำลังคนเป็นจำนวนมาก ย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนบางอย่างต่อความมั่นคงได้ จึงเกิดเหตุการณ์ที่รัชกาลที่ 3 ทรงสั่งประหารชีวิตขุนนางลาวที่นำไพร่พลมาถวายกรมขุนอิศเรศรังสรรค์

พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิม คือ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

“เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์” เจ้านายผู้ทรงคุมกำลังจำนวนมาก

ในสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ทรงบังคับบัญชากรมทหารปืนใหญ่ กรมทหารแม่นปืนหน้าปืนหลัง ทรงควบคุมดูแลทหารอาสารบ ทั้ง ญวน แขก จาม ทรงฝึกหัดให้ชาวต่างชาติเหล่านี้มีทักษะในการทหาร พระองค์จึงทรงมีไพร่พลที่มีความสามารถด้านการทหารอยู่ในสังกัดจำนวนมาก

ถึงอย่างนั้น พระองค์ก็ไม่ได้ทรงใช้กำลังคนไปในเชิงเศรษฐกิจ เพราะพระองค์ไม่ทรงมีบทบาทสำคัญในด้านเศรษฐกิจของสยาม แต่ความที่ทรงเป็นเจ้านายชั้นสูง เพราะทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงมีขุนนางหัวเมืองบางรายนำไพร่เลกมาถวายให้อยู่ในสังกัดจำนวนมาก โดยเฉพาะขุนนางในแถบหัวเมืองลาว

เหตุผลที่ขุนนางเหล่านั้นนำไพร่พลมาถวาย อาจเพราะประเมินสถานการณ์ทางการเมืองกันว่า เจ้านายพระองค์นี้อาจได้ขึ้นครองราชสมบัติ หรืออาจเพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้านายชั้นสูงที่ได้รับความเคารพนับถือมากในหมู่ชาวลาวทั้งในกรุงและหัวเมือง ทำให้ชาวลาวทั้งมูลนายและไพร่เลกต่างพากันมาขอเข้าสังกัดก็เป็นได้

การมีกองทหารติดอาวุธและกำลังคนจำนวนมากอยู่ในสังกัด เป็นฐานอำนาจชั้นดีในการกระทำการต่าง ๆ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงตระหนักถึงเรื่องนี้ และได้ทรงมีพระบรมราชโองการให้ลงโทษประหารชีวิตขุนนางลาวที่ชักเอาไพร่พลมาถวายกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ โดยที่กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ไม่ทรงต้องพระราชอาญาแต่อย่างใด

วังหน้า พระราชวังบวรสถานมงคล พระธิดาวังหน้ารัชกาลที่ 5 เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์
บริเวณพระราชวังบวรสถานมงคล ที่ประทับของวังหน้า (ภาพถ่ายทางเครื่องบินเมื่อ พ.ศ. 2489)

ทำไมรัชกาลที่ 3 ไม่ทรงลงโทษกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ไปด้วย?

เป็นได้ว่ารัชกาลที่ 3 ทรงประเมินว่า การลงโทษเจ้านายพระองค์นี้อาจส่งผลเสียต่อความมั่นคงทางพระราชอำนาจ และอาจก่อให้เกิดความตึงเครียดยิ่งขึ้นในหมู่ชนชั้นนำ เพราะแม้กรมขุนอิศเรศรังสรรค์จะทรงมีไพร่พลมาก แต่ก็ไม่ได้ทรงสั่งสมไว้ในเชิงการต่อรองอำนาจ

ทั้งการที่กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ยังทรงดำรงพระชนมชีพก็จะเป็นประโยชน์ทางการเมืองต่อรัชกาลที่ 3 เพราะช่วยถ่วงดุลพระบารมีของ “เจ้าฟ้ามงกุฎ” (ต่อมาคือรัชกาลที่ 4) ซึ่งขณะนั้นผนวชเป็นภิกษุ ไม่ให้โดดเด่นในด้านการเป็นผู้มีความทันสมัยอยู่เพียงพระองค์เดียว

อีกประการคือยังอาจช่วยถ่วงดุลอำนาจด้านการทหารกับฝ่ายขุนนางตระกูลบุนนาค ที่ก่อตั้งกองกำลังทหารอย่างยุโรปขึ้นภายใต้การควบคุมดูแลของหลวงสิทธินายเวร (ช่วง บุนนาค)

กรณีการถวายไพร่เลกแก่กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ จึงมีเพียงการลงโทษประหารชีวิตมูลนายชั้นผู้น้อยเท่านั้น

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

ปวีณา หมู่อุบล. อำนาจนำพระนั่งเกล้าฯ: การเมืองวัฒนธรรมของชนชั้นนำต้นรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: มติชน, 2567


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 28 เมษายน 2568