ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
เรื่องคนไทยไว้ผมเปียนี้ ไม่ใช่คนไทยเผ่าใดเผ่าหนึ่ง หรือคนไทยที่ไปอยู่เมืองจีนเป็นเวลานานจนซึมซับวัฒนธรรมจีน (แมนจู) แต่เป็นคนไทยทั่ว ๆ ไปนี้เองที่ไว้เปียด้วยเหตุผลบางประการ นั่นคือการหลบเลี่ยงการเกณฑ์แรงงานเป็นไพร่หลวง

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2401 สมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ราชการได้ออกประกาศให้ราษฎรทั้งจีนและไทยทราบโดยทั่วกันว่า จะมีการ “ผูกปี้” ข้อมือชาวจีนในสยาม เพื่อเก็บภาษีแทนการเกณฑ์แรงงานจากชาวจีน
วิธีการผูกปี้มีขั้นตอนคือ ข้าราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติจะให้ชาวจีนมาจ่ายเงินแล้วผูกเชือกสีแดงที่ข้อมือ จากนั้นใช้ครั่งกดตรงปมเชือกประทับตราของทางราชการ แล้วออกใบฎีกาเป็นหลักฐานว่าผ่านการผูกปี้อย่างเป็นทางการแล้ว
สำหรับชาวจีนที่ไม่ได้ “สักเลก” ซึ่งเป็นเครื่องหมายระบุสังกัดว่าขึ้นตรงต่อใครหรือหน่วยงานใด และไม่อยู่ในทะเบียนหางว่าว กรมพระสัสดีจะเกณฑ์ให้มาเป็นแรงงานในพระนคร 1 เดือน หรือจ่ายเงินคนละ 1 ตำลึง กับค่าฎีกาอีก 1 สลึง แลกกับผูกปี้เพื่อไม่ต้องถูกเกณฑ์แรงงาน
หากคนจีนไม่ยอมผูกปี้ จะขอแต่ใบฎีกาเปล่า ๆ จะต้องเสียเงินค่าจ่ายราชการ 1 ตำลึงกึ่ง (ครึ่ง) จ่ายค่าฎีกาอีก 2 สลึง หรือถ้าผูกปี้ปลอมแล้วถูกจับได้ จะต้องโดนปรับเป็นเงิน 10 ตำลึง ส่วนผู้รู้เห็นหรือรับผูกปี้ปลอม จะต้องพระราชอาญาถูกโบย 50 ที แล้วส่งไปเป็นตะพุ่นหญ้าช้าง
นั่นเป็นกฎสำหรับชาวจีน ซึ่งเมื่อดูค่าใช้จ่ายแล้วยังนับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอจะ “จ่ายไหว” ชาวจีนจึงเลือกผูกปี้แทนการเป็นแรงงาน
หากแต่สมัยนั้นยังมีการ “หลบเลี่ยง” การเป็นไพร่หลวงของคนไทย ด้วยการแปลงร่าง “แปลงศีรษะ” ไว้ผมเปียเป็นคนจีน เพื่อจะได้ไม่ต้อง “เข้าเดือน” รับใช้ราชการ เพราะแม้แต่เงินค่าผูกปี้ก็น้อยกว่าเงินที่จ่ายแทนการเป็นแรงงานให้หลวง

อย่างไรก็ตาม ราชการรู้เท่าทันเรื่องนี้ ดังมีประกาศกำหนดและปรับกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินจากถึงคนไทยที่ไว้ผมเปีย อันเป็นผลมาจากพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ของรัชกาลที่ 4 ดังตอนหนึ่งของประกาศว่า [ปรับย่อหน้าใหม่โดยกองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม]
“…ไทยมิใช่จีนสูบยาฝิ่น ไว้ผมเป็นจีนเพื่อจะให้พ้นจับนั้น แต่ก่อนได้ประกาศไว้ว่า ถ้ายังไม่ได้สัก ให้เสียเงินผูกปี้ปีละ ๕ ตำลึง สามปีเป็นเงิน ๑๕ ตำลึง ค่าฎีกาสามตำลึง แต่ที่สักแล้วนั้น ให้เสียแต่คนละตำลึงกึ่ง ค่าฎีกาสลึงเฟื้อง แลในปีเถาะ สัปตศกนั้น พวกไทยสูบยาฝิ่นไว้เปียเป็นจีนนั้นติดเกะกะเกียดโกงไปเป็นอันมาก ผู้ที่ยอมเสียเงินให้สิบห้าตำลึง แลตำลึงกึ่งตามประกาศนั้นน้อยตัว
เพราะฉะนั้น ในคราวผูกปี้ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสั่งว่า คนไทยสูบยาฝิ่นพวกนั้น ซื่อตรงต่อพระราชบัญญัติ แลความที่เสนาบดีพร้อมใจกันบังคับคนไปนั้น แล้วทำตามโดยง่ายไม่คิดออด ๆ แอด ๆ คิดล่วงหน้าถือตัวว่ารู้เท่ารู้ทัน แลไม่ถือตัวว่าตัวเป็นพวกชาวสวรรค์กินทิพย์ หาความสุขหารัดหาเปรียบดังคนสูบฝิ่นอื่น ๆ เป็นอันมากนั้น ทรงยินดีแก่พวกนั้นที่ได้สารภาพตัวยอมไว้เปียเป็นจีน แล้วเสียเงินคราวผูกปี้ตามบังคับไป เต็มตามคำประกาศ
ในคราวผูกปี้จีนปีเถาะ สัปตศกนั้น แลครั้งนี้โปรดเกล้า ฯ สั่งว่า พวกคนไทยที่ไว้เปียเป็นจีนเพราะสูบฝิ่น ที่ได้เสียเงินเต็มสิบห้าตำลึงโดยที่ในครั้งก่อนแล้วนั้น ให้เสียแต่ห้าตำลึงเท่านั้น อีกสิบตำลึงยกพระราชทานให้เป็นรางวัล เพราะความซื่อตรงในครั้งก่อน
แลคนสูบฝิ่นไว้เปียเป็นจีนที่ได้สักแล้วครั้งก่อน ได้เสียเงินตำลึงกึ่งตามบังคับไปโดยง่ายในครั้งก่อนนั้น ครั้งนี้ให้เสียแต่กึ่งตำลึงเท่านั้น ตำลึงหนึ่งยกพระราชทานให้เป็นรางวัลดังว่าแล้ว
ถ้าคนที่โปรดในครั้งนี้ให้เสียแต่ห้าตำลึงนั้น ถ้าไม่ยอมเสียเงินก็ให้ทำเองหรือจ้างคนแทนตัว จ่ายใช้ราชการ ๑๐๐ วัน คนที่สักแล้วจะต้องเสียกึ่งตำลึงให้ครั้งนี้นั้น ถ้าไม่ยอมเสียเงินก็ให้รับจ่ายใช้ราชการแต่สิบวัน แลคนไทยสูบยาฝิ่นไว้เปียเป็นจีน ครั้งก่อนยังไม่ได้สัก จะต้องเสียแต่สิบห้าตำลึงไปแล้วนั้น ถ้าในครั้งนี้เป็นคนสักแล้ว ก็ให้เสียแต่กึ่งตำลึง หรือทำการแต่ ๑๐ วัน ดังที่คนสักแล้วได้เสียแต่ตำลึงกึ่งในก่อนนั้น…”
ทั้งนี้ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลดค่าเรียกเก็บต่าง ๆ นั้นจำกัดเฉพาะคนไทยไว้ผมเปียกลุ่มที่ยอมจ่ายครบถ้วนพระราชกฤษฎีกาฉบับก่อนเท่านั้น ส่วนคนอื่นที่หลบเลี่ยงไม่ยอมจ่าย ไม่โปรดฯ ให้ลดยอดจากที่เคยเรียกเก็บ ส่วนค่าฎีกาก็ให้เสียเหมือนคนจีนทั่วไป คือผูกปี้เสียคนละ 1 สลึง ขอแต่ใบฎีกาเสีย 2 สลึง
นี่จึงเป็นหลักฐานการไว้ “ผมเปีย” อย่างเป็นล่ำเป็นสันของชายไทยสมัยก่อน คงเป็นภาพที่ชวนฉงนอยู่ไม่น้อยที่ร้อยกว่าปีก่อนจะมีชายฉกรรจ์ผิวคล้ำไว้ผมเปียแบบแมนจู แต่พูดจีนไม่ได้สักคำ (ฮา)
อ่านเพิ่มเติม :
- ทำไมคนไทยค้าขายสู้คนจีนไม่ได้ ถ้า “ขยัน-ประหยัด-อดทน” เท่ากัน?
- เกือบ 300 ปีที่ราชวงศ์ชิงปกครองจีน มีมรดกวัฒนธรรมอะไรเหลือไว้บ้าง
- “ผมเปีย” กับความหลังของ “พระยาอนุมานราชธน” คนไทยหาช่องไว้เปียหนีเป็นไพร่หลวง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ประยุทธ สิทธิพันธ์. (2506). ศาลไทยในอดีต. กรุงเทพฯ : สาส์นสวรรค์. (ห้องสมุดดิจิทัลวัชรญาณ)
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 21 เมษายน 2568