“วัดหลวง” หรือ “พระอารามหลวง” คืออะไร ต้องเข้าเกณฑ์ใดถึงได้เป็น?

วัดหลวง หรือ พระอารามหลวง
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (ภาพจาก : วรวิทย์ พาณิชนันท์)

วัดหลวง หรือ พระอารามหลวง หลายคนอาจคิดว่าต้องเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์หรือเจ้านายชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์เท่านั้น แต่ที่จริงแล้ว วัดที่เกิดจากราษฎรก็สามารถขึ้นเป็น วัดหลวง หรือ พระอารามหลวง ได้เช่นกัน

ในหนังสือ “วัดหลวงสมัยรัตนโกสินทร์” อธิบายถึงคำว่า “วัดหลวง” หรือ “พระอารามหลวง” ไว้ว่า…

“วัดที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราชทรงสร้างและปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ก็ดี พระราชทานเพื่อเป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักดิ์ลงมา หรือแก่วัดเองก็ดี มีอยู่จำนวนหนึ่งที่พระบรมวงศานุวงศ์และข้าราชบริพารผู้ใหญ่ทรงสร้างหรือสร้างขึ้น หรือทรงโปรดให้ปฏิสังขรณ์และสร้างขึ้น แล้วน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระอารามหลวง

รวมถึงวัดที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขรณ์และทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวงด้วย

วัดเสมียนนารี พระอารามหลวง (ภาพจาก : fb วัดเสมียนนารี พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร )

วัดราษฎรหากต้องการยกขึ้นเป็นวัดหลวงจะต้องประกอบด้วยลักษณะสำคัญ 6 ประการ ดังนี้

1. เป็นวัดที่เป็นหลักฐาน โดยมีเสนาสนะถาวรหรือมีปูชนียวัตถุที่เป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุ

2. เป็นวัดที่มีการปกครองเป็นระเบียบเรียบร้อย มีการศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่เป็นหลักฐาน

3. เป็นวัดที่มีการพัฒนาและมีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน

4. มีพระสงฆ์จำพรรษาตั้งแต่ 20 รูปขึ้นไปติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีถึงปีปัจจุบัน

5. เป็นวัดสำคัญของท้องถิ่น หรือเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของทางราชการเป็นประจำหรือเป็นวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์

6. ต้องมีอายุ 50 ปีขึ้นไป

เมื่อเข้าข้อกำหนด 6 ข้อแล้ว นายอำเภอ เจ้าคณะอำเภอจะต้องพิจารณา รายงาน และขอความเห็นชอบตามลำดับไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ถ้าผ่านแล้วจะรายงานไปยังกรมการศาสนา หากเห็นสมควรก็จะขอความเห็นชอบจากเจ้าคณะภาคเจ้าสังกัดและเจ้าคณะใหญ่ ก่อนจะรายงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เสนอต่อมหาเถรสมาคม จากนั้นกระทรวงศึกษาธิการจะดำเนินการขอพระราชทานวัดนั้นขึ้นเป็นพระอารามหลวง

วัดสุทัศน์และเสาชิงช้า (ภาพจาก : วัดสุทัศนเทพวราราม Wat Suthat)

เมื่อได้เป็นวัดหลวงหรือพระอารามหลวงแล้ว ก็จะแบ่งชั้นและชนิดตามลำดับความสำคัญเป็น 3 ชั้น ดังนี้

1. ชั้นเอก ได้แก่ วัดที่มีเจดีย์สถานสำคัญ วัดที่บรรจุพระบรมอัฐิหรือวัดที่มีเกียรติอย่างสูง มี 3 ชนิด คือ ราชวรมหาวิหาร ราชวรวิหาร และวรมหาวิหาร

2. ชั้นโท ได้แก่ วัดที่มีเจดีย์สถานสำคัญหรือวัดที่มีเกียรติ มี 4 ชนิด คือ ราชวรมหาวิหาร ราชวรวิหาร วรมหาวิหาร และวรวิหาร

3. ชั้นตรี ได้แก่ วัดที่มีเกียรติ วัดประจำเมือง หรือวัดสามัญ มี 3 ชนิด คือ ราชวรวิหาร วรวิหาร และสามัญ 

คำว่า “ราชวรมหาวิหาร” “ราชวรวิหาร” “วรวิหาร” “วรมหาวิหาร” “สามัญ” ที่หลายคนเห็นต่อท้ายชื่อวัดยังมีความหมายต่างกัน สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะและที่มาของวัดได้อย่างดี

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ประกอบ วัดหลวง หรือ พระอารามหลวง (ภาพจาก : วรวิทย์ พาณิชนันท์)

หากต่อท้ายชื่อวัดว่า “ราชวรมหาวิหาร” คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราชทรงสร้างและปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ทั้งยังมีพระอารามใหญ่โตและมีของก่อสร้างใหญ่โต

ถ้าเป็น “ราชวิหาร” คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราชทรงสร้างและปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์

ส่วน “วรมหาวิหาร” คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราชทรงสร้างและปฏิสังขรณ์พระราชทานเป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักดิ์ลงมาก็ดี แก่วัดเองก็ดี รวมทั้งวัดที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขรณ์และทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวงควรยกเป็นเกียรติยศจัดว่าเป็นวัดมีเกียรติ มีวรวิหารที่เป็นพระอารามใหญ่โตและมีของก่อสร้างใหญ่โต

พระอุโบสถ วัดราชาธิวาสวรวิหาร (ภาพโดย : วรวิทย์ พานิชนันท์)

ขณะที่ “วรวิหาร” คือ พระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราชทรงสร้างและปฏิสังขรณ์พระราชทานเป็นเกียรติยศแก่ผู้ต่ำศักดิ์ลงมาก็ดี แก่วัดเองก็ดี รวมทั้งวัดที่ประชาชนสร้างหรือปฏิสังขรณ์และทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวงควรยกเป็นเกียรติยศจัดว่าเป็นวัดมีเกียรติ 

“สามัญ” คือ พระอารามหลวงที่ไม่เข้าในเกณฑ์ดังกล่าว

จากการค้นข้อมูลเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ รายงานว่า ปัจจุบันมีพระอารามหลวงทั่วประเทศไทยทั้งหมด 311 แห่ง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2568