วัดโสมนัสฯ “ทัชมาฮาล” เมืองไทย รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างให้ใคร?

แผนผัง วัดโสมนัสราชวรวิหาร รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างเฉลิมพระเกียรติ อุทิศ ถวาย พระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี
"ภาพแผนผังวัดโสมนัสราชวรวิหาร" ที่จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถของวัดโสมนัสฯ ซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงออกแบบไว้ (ภาพจาก "โสมนัสสาร ฉบับพิเศษ ครบรอบ 25 ปี ฯ")

วัดโสมนัสราชวรวิหาร เป็นวัดหลวงและวัดธรรมยุติกนิกายแห่งแรก ที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นหลังจากเสด็จขึ้นครองราชย์ใน พ.ศ. 2394 และพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2396 นอกจากนี้ การสร้างวัดโสมนัสราชวรวิหารยังมีพระราชประสงค์สำคัญ คือ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแก่ สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระอัครมเหสีพระองค์แรกที่สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ต้นรัชกาล คือในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2395 วัดแห่งนี้จึงเปรียบเป็น “ทัชมาฮาล” เมืองไทยก็ว่าได้

วัดโสมนัสราชวรวิหาร นับเป็น “วัดประจำพระองค์” แห่งที่ 2 ของสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ส่วนวัดประจำพระองค์แห่งแรกคือ “วัดราชนัดดารามวรวิหาร” ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2389 และพระราชทานเป็นเกียรติแก่ “พระราชนัดดา-พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าหญิงโสมนัสวัฒนาวดี

นั่นแสดงว่าพระองค์ทรงที่เป็นรักยิ่งของพระเจ้าอยู่หัวทั้ง 2 พระองค์

ผู้เขียนเห็นว่า วัดโสมนัสราชวรวิหาร น่าจะเทียบได้กับอนุสรณ์รักอย่าง “ทัชมาฮาล” โดยขอใช้ข้อมูลอ้างอิงจากบทความชื่อ “วิเคราะห์แนวคิดรัชกาลที่ 4 ที่สะท้อนผ่านจิตรกรรมเรื่อง อิเหนาในพระวิหารหลวง วัดโสมนัสวิหาร” ของ จุฑารัตน์ จิตโสภา ที่ตีพิมพ์ในวารสารดำรงวิชาการ ปีที่ 11 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม 2555)

บทความของจุฑารัตน์ตั้งใจวิเคราะห์ว่า เหตุใดรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นำวรรณคดีที่มีเนื้อหาประโลมโลกมาเขียนไว้ภายในพระอาราม และประเด็นอื่นๆ หากในที่นี้ขอกล่าวเฉพาะการเลือกวรรณคดีเรื่อง “อิเหนา” มาเขียนเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องอิเหนาในพระวิหารหลวงวัดโสมนัสฯ (ภาพจาก http://www.watsomanas.com)

ซึ่งอาจมีเหตุผลดังนี้ เพราะ สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ทรงฝึกหัดคณะละครส่วนพระองค์ และคณะละครของพระนางได้มีโอกาสเล่นถวายในพระราชพิธีสมโภชพระวิสุทธิรัตนกิริณี-ช้างเผือกช้างที่ 2 ในปี 2397 นอกจากนี้ บทละครที่ใช้แสดงกันขณะนั้นก็มีเพียง 3 เรื่อง คือ รามเกียรติ์, อุณรุท และอิเหนา ซึ่ง “อิเหนา” เป็นบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 ที่ได้รับความนิยมในหมู่พระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดไปจนถึงเหล่าเจ้านาย ขุนนาง ข้าราชบริพาร ตั้งแต่ในสมัยของพระบรมชนกนาถ และอาจเป็นไปได้ว่า นี่คือบทละครที่พระนางโปรดด้วยก็เป็นได้

วรรณคดีเรื่อง “อิเหนา” อาจจะมีหลายตอนที่แพร่หลายและเป็นที่นิยม หากรัชกาลที่ 4 ทรงเลือกเอาตอน “อุณากรรณ” มาแปลง สันนิษฐานว่าเป็นเพราะ “ชะตาชีวิต” สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี กับอุณากรรณคล้ายคลึงกัน คือ “กําพร้า”

สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ กับหม่อมงิ้ว พระบิดาของพระองค์เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาบาง พระนางทรงกำพร้าพระบิดาตั้งแต่มีพระชนมายุเพียง 6 เดือน พระอัยกาจึงโปรดเกล้าฯ ให้เชิญเสด็จจากวังพระบิดามาอุปถัมภ์เลี้ยงดูในพระบรมมหาราชวังอย่างพระราชธิดาของพระองค์ และทรงเป็นพระราชนัดดาเพียงพระองค์เดียวในรัชกาลที่ 3 ที่ดำรงพระอิสริยยศเป็น “พระเจ้าหลานเธอ” ส่วนอุณากรรณก็ได้รับการอุปถัมภ์จากท้าวประมอตันกับท้าวกาหลัง เสมือนพระราชบุตรแท้ๆ

บทละครเรื่องอินเหนาตอนอุณากรรณ ที่รัชกาลที่ 4 ทรงนํามาเขียนเป็นจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารหลวง วัดโสมนัสราชวรวิหาร ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระนาง อาจด้วยสาเหตุเช่นนี้

หากพิจารณาในพระราชดำริที่เคร่งครัดต่อเรื่องข้อกําหนดการเขียนภาพจิตรกรรมที่ระบุไว้ในพระวินัย เช่นครั้งหนึ่งพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทอดผ้าพระกฐินที่วัดทองนพคุณ ได้ทอดพระเนตรเห็นภาพจิตรกรรมฝาผนังมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์ทศพร ภายในพระอุโบสถ ที่ช่างวาดเป็นภาพเหล่านางอัปสรที่กำลังเล่นน้ำ บ้างนั่งถ่ายปัสสาวะ บ้างโป๊เปลือย ก็ทรงรับสั่งให้ลบและวาดใหม่ทันที

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องอิเหนาในพระวิหารหลวงวัดโสมนัสฯ (ภาพจาก http://www.watsomanas.com)

หลักฐานอีกหนึ่งอย่างที่ยืนยันถึง “ความอาลัยรัก” ของรัชกาลที่ 4 คือ หนังสือเกี่ยวประวัติและอาการป่วยของพระนางเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อ “An Account of the Most Lamentable Illness and Death of Her Young and Amiable Majesty, the Queen Somanass Waddhanawatty” ตีพิมพ์ครั้งแรกวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2395 เป็นฉบับพิมพ์หิน ที่พระองค์ทรงพระราชนิพนธ์เอง เพื่อพระราชทานไปยังราชสํานักและเหล่าพสกนิกร

ตลอดไปจนถึงพระราชหัตถเลขาเป็นภาษาอังกฤษที่มีไปยังชาวต่างชาติ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2395 ว่า พระองค์ทรงกระทําทุกวิถีทาง เพื่อยื้อชีวิตของพระนางเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมหลวงวงษาธิราชสนิท หมอบรัดเลย์ และหมอเฮ้าส์ เข้ามาถวายการรักษาตามแบบ แพทย์แผนใหม่ ควบคู่ไปกับการรักษาแบบโบราณ หรือการที่ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้ป่าวประกาศพระราชทานบําเหน็จเงินตรา 2 หาบ ให้แก่ผู้ที่สามารถรักษาพระนางให้กลับมาเป็นปกติได้

สุดท้ายหลังจากขุดคลองผดุงกรุงเกษมเป็นคูพระนครชั้นนอกแล้ว ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีวัดเรียงรายอยู่ตามชายคลองเหมือนที่กรุงศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริ ให้สร้าง “วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร” ขึ้นเคียงคู่กับวัดโสมนัสราชวรวิหาร

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 พฤษภาคม 2562