ผู้เขียน | คนไกล วงนอก |
---|---|
เผยแพร่ |
ยืนยันว่าเขียนไม่ผิด อ่านไม่ผิด และไม่ใช่ข่าวขายพาดหัวแต่ประการใด เพราะ “เขา” ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2444 หลังจากนั้นศพสูญหายไปถึง 82 ปี แต่มีเหตุบังเอิญให้พบ!!!? ญาติๆ จึงได้จัดงานฌาปนกิจศพ เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2526
เขาผู้นั้นคือ ขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) คนไทยคนแรกที่สอบได้เนติบัณทิตอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2431 และได้รับพระราชทานรางวัลเรียนดีจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่เป็นเงิน 50 ปอนด์ หลังจากกลับมาเมืองไทยรับราชการเป็นที่ปรึกษากฎหมายในกรมท่าหลวง (กระทรวงต่างประเทศ)

ต่อมามื่อ พ.ศ. 2434 ตั้งกระทรวงยุติธรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาเป็นเจ้ากรมสารบบ แต่หลังจากนั้นอีก 2 ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้ากรมอัยการ หรืออธิบดีกรมอัยการคนแรกของไทย ตำแหน่งสุดท้ายของท่านคือ อธิบดีผู้พิพากษาศาลพระราชอาญา ทั้งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสภาที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน และเป็นองคมนตรีในสภาองคมนตรีอีกด้วย
แล้วเหตุใดศพของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เช่นนี้จึงสูญหายไปถึง 82 ปี
นายมารุต บุนนาค ซึ่งเป็นหลานตาของขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) กล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่มีทางทราบได้ เพราะตามหลักฐานที่ค้นพบ ขุนหลวงพระยาไกรสีถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2444 หรือ ร.ศ. 120 สมัยนั้น คุณแม่ผม (นางผ่องศรี) อายุเพียง 4 ขวบเท่านั้น ส่วนคุณยาย (คุณหญิงทองคำภรรยาของขุนหลวงพระยาไกรสี) ก็ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2498 ดังนั้นในหมู่พี่น้องญาติมิตรของครอบครัวจึงไม่มีใครทราบเลยว่ายังมีของขุนหลวงพระยาไกรสีหลงเก็บไว้ที่วัดไหน…”
การพบศพของขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) ก็เป็นเหตุบังเอิญ
เมื่อกระทรวงยุติธรรมจัดงานนิทรรศการศาล 200 ปี เพื่อร่วมสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี (พ.ศ. 2525) มีการนำรูปภาพนักกฎหมายคนสำคัญของไทยในอดีตมาจัดแสดง นายมงคล วงศ์สมศักดิ์ อายุ 65 ปี ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเขตวัดกัลยาณมิตร ฝั่นธนบุรี ได้มาชมนิทรรศการและพบว่าชื่อของนักกฎหมายท่านหนึ่งตรงกับชื่อของศพที่วัดกัลยาณมิตรเก็บไว้เป็นเวลานาน นั่นก็คือ ขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ)
นายมงคล วงศ์สมศักดิ์ จึงนำความไปปรึกษากับพระครูประสาธน์ธรรมวิทย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร และนายสมพงษ์ เถาประถม นายป่าช้า แล้วพากันมาเข้าพบนายมารุต บุนนาค ซึ่งขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อพาไปดูศพที่วัด
พระครูประสาธน์ธรรมวิทย์ เล่าว่า “ศพของขุนหลวงพระยาไกรสี นี้จะนำมาไว้ที่วัดตั้งแต่เมื่อไรยังไม่มีใครทราบ เท่าที่สืบประวัติได้ก็มีผู้พบศพนี้ครั้งแรกที่กุฏิพระเก่าๆ หลังหนึ่ง เมื่อรื้อกุฏินั้นแล้ว ก็ย้ายศพไปไว้ที่คณะ 5 จนทางวัดได้ล้างป่าช้านำศพไม่มีญาติมาฌาปนกิจ แต่ทางวัดก็ไม่กล้านำศพของขุนหลวงพระยาไกรสีมาเผาด้วย เพราะเห็นว่าเป็นศพที่มียศศักดิ์ และกลัวทางญาติจะมาฟ้องร้องเอาภายหลัง…”
สภาพโลงศพของขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) เป็นโลงไม้สักอย่างดี อยู่ในสภาพเรียบร้อย สีทองที่ทาไว้นั้นหลุดออกไปเล็กน้อย แต่มีชื่อจารึกอยู่ที่ข้างโลงว่า “ขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ)” นายมารุต ตรวจดูสภาพศพพบว่า เหลือเพียงแต่กระดูกของบุคคลที่มีรูปร่างสูงใหญ่นอนตะแคง

ส่วนศพนี่คือ ขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) หรือไม่ เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ จึงมีการพิสูจน์ขึ้น
1. พิสูจน์ด้วยการถ่ายภาพเซิงซ้อน ซึ่งนายแพทย์สุนทร ศรมยุรา แผนกนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช แจ้งว่าสามารถทำได้ เพราะกะโหลกศรีษะของศพยังอยู่และมีภาพของขุนหลวงพระยาไกรสี
2. เอกสารสำคัญแสดงว่าศพขุนหลวงพระยาไกรสี ถูกเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่วัดกัลยาณมิตรจริง ปรากฏลายมือชื่อของพระปลัดเส่ง ผู้มอบศพซึ่งอยู่ในความปกครอง ให้จางวางทั่ว พาทยโกศล นายป่าช้าวัดกัลยาณมิตร ลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2479 เอกสารดังกล่าวระบุว่าคุณหญิงทองคำ เป็นเจ้าของศพ ซึ่งนำศพมาจากวัดบวรนิเวศ แต่ไม่ปรากฏวันที่ว่านำมาฝากไว้ที่วัดกัลยาณมิตรตั้งแต่เมื่อใด
เมื่อทุกอย่างกระจ่างชัด ศพขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) ญาติๆ ก็จัดงานฌาปนกิจศพ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2526
ข้อมูลจาก :
ทรงวิทย์ ดลประสิทธิ์. “ขุนหลวงพระยาไกรสี เนติบัณฑิตอังกฤษคนแรก และอธิบดีกรมอัยการคนแรกของประเทศไทย”. ใน ศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนพฤษภาคม 2526
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 18 มกราคม 2561