
ผู้เขียน | กันตพงศ์ ก้อนนาค |
---|---|
เผยแพร่ |
เจ้าพนักงานเอากระสุนยิงดวงตาของหญิงผู้หนึ่งจนตาบอด สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตาส่งแพทย์รักษาบรรเทาทุกข์
ปัจจุบันมีข่าวเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทำเกินกว่าเหตุกับประชาชน จนเป็นเรื่องราวครึกโครม มีการนำเสนอผ่านช่องทางข้อมูลข่าวสารสื่อสังคมออนไลน์เป็นประจำ และผู้ที่ได้รับผลกระทบต้องได้รับความช่วยเหลือเยียวยาเพื่อบรรเทาทุกข์ที่เกิดขึ้น
ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เหตุเช่นนี้มีเกิดขึ้นเนือง ๆ บางครั้งทำให้มีประชาชนได้รับผลกระทบทั้งทางทรัพย์สินร่างกายจนพิการ แต่เหตุที่เกิดกลับบรรเทาลงด้วยพระบารมี และพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ในอดีต ดังเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยหรือแผ่นดินกลาง

กฎมณเทียรบาลได้กำหนดหน้าที่ข้อบังคับที่เจ้าพนักงานต้องปฏิบัติไว้ไม่ให้บกพร่อง ถ้าเกิดผิดพลาดจะต้องรับโทษ ซึ่งบทลงโทษนั้นบางข้อรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต เจ้าพนักงานต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตัวอย่างที่บัญญัติไว้ให้เจ้าพนักงานทำตามเมื่อตามเสด็จประพาสทางชลมารค ตอนหนึ่งความว่า
“อนึ่ง ถ้าเสด็จบนเรือ ผู้บันดาแห่ขุนดาบขุนเรือและเรือประตู เรือดั้งแนบกัน ประทับอยู่ก็ดีไปมาก็ดี แลเรือผู้ร้ายคือกระบดโจรเมาเล่าบ้าก็ดี แลถวายของ ถวายฎีกาก็ดี แลเข้ามาในประตูมหาดไทประตูขุนดาบ ประตูตำรวจถึงเรือดั้งเรือกันให้โบกผ้า ถ้ามิฟังให้คว่างด้วยอิฐด้วยไม้ด้วยดาบ ถ้าไม่ฟังให้ว่ายน้ำยุดเอาเรือออกมา ถ้าทอดพระเนตรเหนแลตรัสเรียกเข้ามาไซ้ให้เอาเรือใช้รับ ถ้าแลผู้ใดเข้าไปแลมิได้ห้ามแหนไซ้ โทษขุนดาบขุนเรือตำรวจในฟันคอริบเรือน”
จะเห็นได้ว่า โทษทัณฑ์ที่เจ้าพนักงานจะได้รับ ถ้าทำหน้าที่บกพร่องก็จะรับโทษหนักเช่นกัน กฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับการอารักขาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีหลายประการ และยังมีพระราชกำหนด และพระอัยการใช้สืบทอดต่อมายาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ถ้าสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารค จะต้องมีขบวนม้านำตรวจทางไปก่อน มีกระสุน มีธนู มีหอกซัดเสียบไปบนอานหลังม้าด้วย และมีขบวนราชองครักษ์ถือหวาย ถือหอกขัดกระบี่เป็นลำดับ ๆ จนถึงพระราชยาน ถ้าเสด็จทางชลมารค ก็จะมีเรือที่มีประตูหน้าประตูหลังในเรือดั้ง ในเรือกัญญาทุกลำ เรือหน้าหรือเรือท้ายเรือพระที่นั่ง มีกระสุน มีปืน มีไม้ ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นกับสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว เช่น มีเรือตัดหน้าเรือพระที่นั่งฤาแข่งเรือขึ้นมาก็ต้องลงอาญาตามกฎหมาย ถ้าราษฎรเดินยืนเยี่ยมหน้าต่าง เยี่ยมประตูใกล้ทางเสด็จพระราชดำเนิน ถ้าเป็นทางสถลมารค เจ้าพนักงานจะเข้าไปห้ามบุคคลนั้นที่มองหรือเข้าใกล้
เมื่อถึงรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินหลวง ณ วัดหนังราชวรวิหาร และวัดนางนองวรวิหาร ระหว่างที่เสด็จพระราชดำเนินกลับ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงได้ยินเสียงผู้หญิงมาร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน พระองค์ทรงให้คนไปสอบถาม เจ้าพนักงานจึงกลับมากราบทูลได้ความว่า เจ้าพนักงานในเรือดั้งเอากระสุนยิงดวงตาของหญิงผู้หนึ่งจนตาบอด
เมื่อพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงสดับความนั้นแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ดำรัสสั่งให้หลวงทิพเนตรเจ้ากรมหมอรักษาจักษุโรคให้ไปรักษาหญิงผู้นั้น
เมื่อหลวงทิพเนตรตรวจดูอาการเสร็จ ได้กลับมากราบบังคมทูลรายงานสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ปรากฏว่าหญิงผู้นั้นตาบอดเสียแล้ว สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงมีพระกรุณาพระราชทานเงินตราผ้านุ่งห่มทำขวัญให้แก่หญิงผู้นั้นเป็นอันมาก
นับแต่นั้นมา สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระราชบัญญัติห้ามไม่ให้เจ้าพนักงานในเรือที่รักษาการณ์ทั้งประตูหน้าและหลังในเรือดั้งหรือเรือพระที่นั่งเอากระสุนยิงราษฎรต่อไป ให้ใช้แต่วิธีการเงือดเงื้อหวายให้กลัวเกรงก็พอแล้ว

แม้ว่าจะมีการบัญญัติเป็นกฎระเบียบ แต่เหตุการณ์เช่นนี้กลับเกิดขึ้นอยู่เนือง ๆ จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว จึงทรงมีพระราชโองการไม่ให้กรมการเมือง นายอำเภอ กรมไพร่หลวงไปจุกช่องล้อมวงตามธรรมเนียม และไม่ต้องไล่ราษฎรเข้าบ้านปิดประตูปิดบ้าน แต่พระองค์โปรดให้ชาวบ้านราษฎรออกมาคอยเฝ้ารับเสด็จถวายบังคมให้พระองค์ทอดพระเนตรเห็น
ถ้าชาวบ้านผู้นั้นพระองค์ทรงรู้จักจะได้ทรงทักทายปราศรัยราษฎรเหล่านั้นอย่างมิถือพระองค์ เพราะชาวบ้านไม่มากก็น้อยต้องเคยพบสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวมาแต่ครั้งที่พระองค์ผนวชก่อนขึ้นครองราชสมบัติมาไม่มากก็น้อย ยังรวมไปถึงธรรมเนียมที่ชาวต่างชาติต่างภาษาเข้าเฝ้ากษัตริย์ รัชกาลที่ 4 โปรดให้ชาวต่างชาติแสดงความเคารพพระองค์ตามธรรมเนียมชาตินั้น ๆ ได้ ไม่มีการบังคับให้เคารพอย่างชาวสยาม พึงให้ชาวต่างชาติปฏิบัติตามสมควร พระองค์ทรงไม่บังคับ
อ่านเพิ่มเติม :
- รัชกาลที่ 2 “บาดหมาง” สมเด็จพระอมรินทราฯ พระราชมารดา ถึงขั้น “วิวาทกันบ่อยๆ”
- พระราชโอรสรัชกาลที่ 2 ที่ทรงช่วยการงานได้มีกี่พระองค์ ทรงเป็นต้นราชสกุลใดบ้าง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
คุรุสภา. (2515). กฎหมายตราสามดวง เล่ม 1. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : องค์การค้าคุรุสภา.
จุลลดา ภักดีภูมินทร์. (2558). เวียงวัง เล่ม 3. กรุงเทพฯ : เพื่อนดี.
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว. (2563). ประชุมประกาศรัชกาลที่ 4. พิมพ์ครั้งที่ 3. นนทบุรี : ศรีปัญญา.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 10 มกราคม 2568