ผู้เขียน | ปดิวลดา บวรศักดิ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” หรือคนมักเรียกว่าวัดเบญจมบพิตรฯ เป็นวัดที่มีความสำคัญมากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา และเป็นหนึ่งในวัดประจำรัชกาลที่ 5
วัดเบญจมบพิตรฯ เต็มไปด้วยความสวยงามและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย รวมถึงชื่อวัดเองก็บอกเล่าความเป็นมาของวัดแห่งนี้ได้เช่นกัน

วัดนี้ไม่ปรากฏว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่เริ่มมีบทบาทตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิมชื่อว่า “วัดแหลม” หรือ “วัดไทรทอง”
สมัยรัชกาลที่ 3 เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า “ศึกเจ้าอนุวงศ์” โดยเจ้าอนุวงศ์ ผู้ครองนครเวียงจันทน์ต้องการปลดแอกตนเองจากการปกครองของสยาม

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้สยามต้องรับมือกับความขัดแย้งตรงหน้า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมองว่าต้องปกป้องพระนครให้ได้ก่อน จึงโปรดฯ ให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รับหน้าที่เป็นแม่ทัพป้องกันพระนคร
รวมถึงโปรดเกล้าฯ ให้ระดมกองกำลัง กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ เป็นแม่ทัพเดินทางตรงไปนครเวียงจันทน์ ส่วนอีกทัพให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ยกทัพเข้าตีกองทัพเจ้าอนุวงศ์ และติดตามไปถึงจำปาศักดิ์
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ ทรงตั้งค่ายแนวแรกที่ชายทุ่งสามเสนจวบจนย่านหัวลำโพง โค้งออกทุ่งบางกะปิ จรดแม่น้ำเจ้าพระยา และแนวที่ 2 บริเวณแนวกำแพงพระนคร เฉพาะบริเวณทุ่งสามเสน
ส่วนกองทัพบัญชาการตั้งอยู่ในบริเวณวัดแหลมหรือวัดไทรทอง
ทว่ากองทัพเจ้าอนุวงศ์พ่ายแพ้เสียก่อนจะเข้ามาถึงพระนคร และเจ้าอนุวงศ์ก็ถูกส่งตัวมาที่กรุงเทพฯ ในเวลาต่อมา
เมื่อจบเหตุการณ์ความขัดแย้งดังกล่าว พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ จึงทรงปฏิสังขรณ์วัดแหลมนี้กับ 4 พระน้องร่วมพระมารดาเดียวกัน ได้แก่…
กรมพระพิทักษ์เทเวศร
กรมหลวงภูวเนตรนรินฤทธิ์
พระองค์เจ้าหญิงอินทนิล
พระองค์เจ้าหญิงวงศ์
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามวัดใหม่ให้ว่า “วัดเบญจบพิตร” ซึ่งหมายถึงวัดของเจ้านาย 5 พระองค์
เป็นที่มาของคำว่า “เบญจ-” ที่แปลว่า 5 ในชื่อวัดนี้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม วัดแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก ยังคงเป็นวัดเล็ก ๆ ที่ได้รับการบูรณะบางส่วนเท่านั้น
กระทั่งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงเห็นว่าพระบรมมหาราชวัง เมื่อเข้าฤดูร้อนมักอบอ้าว ทำให้พระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ประชวรอยู่เสมอ จึงมีพระราชประสงค์ให้สร้างพระราชอุทยานขึ้นบริเวณคลองสามเสนและคลองผดุงกรุงเกษม คือ “วังสวนดุสิต” (ต่อมาคือพระราชวังสวนดุสิต) เนื่องจากอากาศดี
ขณะเดียวกันในพื้นที่ที่จะสร้างวังสวนดุสิต มีวัดอยู่ 2 แห่งอยู่ก่อนแล้ว ได้แก่ วัดดุสิตและวัดร้าง ด้วยประเพณีที่ว่าวัดใดที่ประกาศเป็นวิสุงคามสีมา (เขตพื้นที่ที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานแก่สงฆ์เพื่อกระทำสังฆกรรมได้ตามพระธรรมวินัย) แล้ว จะไม่สามารถยึดได้ แม้จะเป็นวัดร้าง หากจำเป็นต้องใช้พื้นที่ต้องทำการทดแทน

รัชกาลที่ 5 จึงทรงสถาปนาวัดเบญจมบพิตรขึ้นแทน เพื่อเป็นการทดแทน 2 วัดดังกล่าว
เมื่อสถาปนาแล้ว วัดแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดเบญจมบพิตร” แทนชื่อเดิมว่า “วัดเบญจบพิตร” หมายถึงวัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5 ทั้งยังมีสร้อยนามต่อท้ายว่า “ดุสิตวนาราม” เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชวังสวนดุสิตอีกด้วย
เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต พระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ก็บรรจุไว้ภายใต้รัตนบัลลังก์พระพุทธชินราช ที่วัดเบญจมบพิตรฯ ตามพระราชประสงค์
ทั้งหมดนี้คือที่มาของชื่อ “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
อ่านเพิ่มเติม :
- “วัดประจำรัชกาลที่ 1-9” คือแห่งใดบ้าง?
- “วังนารายณ์” สมัยสมเด็จพระนารายณ์ กลายเป็น “วัด” จริงหรือ?
- “วัดเจดีย์หลวง” จ. เชียงใหม่ วัดกลางเมืองสำคัญที่ “ครูบาศรีวิชัย” ไม่เลือกบูรณะ
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 9 มกราคม 2567