
ผู้เขียน | วิภา จิรภาไพศาล |
---|---|
เผยแพร่ |
“วังนารายณ์” จังหวัดลพบุรี หรือ “พระนารายณ์ราชนิเวศน์” ที่รัชกาลที่ 4 พระราชทานนามให้ใหม่ ด้วยทรงต้องการถวายพระเกียรติ และแสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในช่วงปลายพระชนมชีพ ที่มีพระราชหฤทัยอุตสาหะในการช่วยชีวิตเหล่าขุนนางผู้จงรักภักดี อันเป็นเหตุให้ “วัง” กลายเป็น “วัด”
กระแส “วัง” กลายเป็น “วัด” มาจากไหน
เป็นที่น่าสังเกตว่า ชนชั้นนำสมัยต้นรัตนโกสินทร์รังเกียจราชวงศ์บ้านพลูหลวง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยาว่า ไม่มีความชอบธรรมในการขึ้นสู่อำนาจแต่แรก จนทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จนท้ายที่สุดกรุงศรีอยุธยาต้องเสียแก่พม่า
ขณะเดียวกันก็เห็นอกเห็นใจสมเด็จพระนารายณ์ที่ถูกยึดอำนาจ และค่อนข้างยกย่องรัชสมัยของพระองค์ว่า เป็นยุคที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดของราชอาณาจักรอยุธยา

ส่วนกระแสที่ว่า “วัง” กลายเป็น “วัด” มาจากไหน ต้องบอกว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องเล่านี้มาจาก “พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์”
ต่อมาหมอบรัดเลย์นำมาตีพิมพ์เป็นครั้งแรก มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหมอบรัดเล” เมื่อมีชาวต่างประเทศนำเอาต้นฉบับไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์กรุงลอนดอนแล้วมีผู้นำมาตีพิมพ์ จึงเกิดอีกฉบับที่เรียกว่า “พระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของบริติชมิวเซียม กรุงลอนดอน”
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฉบับหลังนั้นยังเป็น “ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์”
พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ เล่าถึงการเปลี่ยนสถานะจาก “วัด” เป็น “วัง” ปลายรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ดังความตอนหนึ่งว่า
“…ซึ่งท่านทั้งหลายจะอยู่ฆราวาสนั้นเห็นว่า ไอ้กบฏสองคนพ่อลูก [พระเพทราชากับหลวงสรศักดิ์] มันจะฆ่าเสียสิ้น…จงบวชในบวรศาสนา เอาธงชัยพระอรหันต์เป็นที่พึ่งเถิดจะได้พ้นภัย…
…พระราชาคณะทั้งหลายถวายพระพรว่า ซึ่งอาตมาทั้งปวงจะนำเอาอุบาสกเหล่านี้ ออกไปอุปสมบท ณ พระอารามนั้น เห็นว่าผู้ซึ่งประจำรักษาประตูพระราชวังนั้น จะห้ามมิให้ออกไป
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสได้ทรงฟังดังนั้น ก็ทรงพระพิโรธแล้วโทมนัสในพระทัยเป็นกำลัง…
…พระสงฆ์ราชาคณะทั้งหลายถวายพระพรว่า ถ้าแลพระราชสมภารเจ้าทรงพระราชอุทิศพระมหาปราสาทถวายเป็นพระวิสุงคามเสมาแก่พระสงฆ์แล้ว อาตมาภาพพระสงฆ์ทั้งปวงควรจะให้อุปสมบทกันได้
จึงทรงพระกรุณาโปรดอนุญาตพระราชอุทิศถวายพระมหาปราสาททั้งสอง แลจังหวัดพระราชวังทั้งปวง เป็นวิสุงคามสีมาแก่สงฆ์…” (จัดย่อหน้าใหม่โดยผู้เขียน)

นั่นทำให้ “วังนารายณ์” มีอีกชื่อว่า “วัดมหาปราสาทกำแพงเมืองลพบุรี” ตามที่รัชกาลที่ 4 ทรงเรียกขาน
รัชกาลที่ 4 ทรงนิยมเสด็จประพาสเมืองลพบุรีตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นพระวชิรญาณภิกขุในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้วก็ทรงให้บูรณปฏิสังขรณ์วังและวัดในลพบุรี ถึง 2 ครั้ง (พ.ศ. 2400 และ พ.ศ. 2405)
เรื่องจริงหรือข่าวลือ
ข้อมูลหลักฐานต่างๆ สรุปได้ตรงกันว่า ปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์ พระองค์ประชวรหนัก วังนารายณ์ถูกควบคุมเบ็ดเสร็จไว้โดยฝ่ายกบฏ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทรงเรียกพระสงฆ์ชั้นราชาคณะเข้าเฝ้าแล้วจัดการพิธีอุปสมบทหมู่แก่เหล่าขุนนาง
เวลานั้นฝ่ายพระเพทราชาได้ควบคุมพื้นที่พระราชวังไว้แน่นหนา การจะมีพระสงฆ์ชั้นราชาคณะเข้าไปบวชเหล่าขุนนาง จึงย่อมเป็นไปไม่ได้ที่พระเพทราชากับหลวงสรศักดิ์ผู้ควบคุมพระราชฐานอยู่จะไม่รู้ไม่เห็น
ที่สำคัญคือ คณะสงฆ์ “สนับสนุนพระเพทราชา”
นอกจากนี้ หลังจากสมเด็จพระนารายณ์สวรรคต ไม่ปรากฏว่าคณะสงฆ์ใช้ประโยชน์ตามสิทธิที่มีแต่อย่างใดเลย ส่วนเหตุที่พระราชวังที่จังหวัดลพบุรีมีสภาพปรักหักพังนั้นเกิดจากการรื้ออิฐและศิลาแลงไปสร้างเจดีย์ภูเขาทอง วัดสระเกศ กรุงเทพฯ ในสมัยรัชกาลที่ 3

อ่านเพิ่มเติม :
- แผนปลงพระชนม์ และยึดราชบัลลังก์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
- ลพบุรีสมัยพระนารายณ์: ร่องรอยการพัฒนาในอดีตและมรดกทางวัฒนธรรม
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
กำพล จำปาพันธ์. “สมเด็จพระนารายณ์ทรงยกวังลพบุรีให้เป็นวิสุงคามสีมาจริงหรือ? หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องว่าอย่างไร?” ใน, ศิลปวัฒนธรรม กุมภาพันธ์ 2567.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 2 มกราคม 2568