สีม่วงไทเรียน สัญลักษณ์แห่งความหรูหรา อำนาจ และความมั่งคั่ง

สุนัขกัดหอยทากทะเล เลือดของหอยทากทำให้ปากสุนัขเป็นสีม่วงไทเรียน
สุนัขกัดหอยทากทะเล เลือดของหอยทากทำให้ปากสุนัขเป็นสีม่วงไทเรียน (ภาพจาก Wikimedia Commons)

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ปี 2024 มีการค้นพบเม็ดสีม่วงไทเรียนในพื้นที่สโมสรคริกเก็ตคาร์ไลล์ (Carlisle Cricket Club) ประเทศอังกฤษ แฟรงค์ จีเอคโค (Frank Giecco) หัวหน้านักโบราณคดี กล่าวว่า “เม็ดสีชนิดนี้มีค่ามากกว่าทองคำ มันถูกใช้ย้อมสีเสื้อของบุคคลในราชสำนักและบุคคลที่มีตำแหน่งสูงสุดของสังคม” การค้นพบนี้จึงมีความสำคัญมากในระดับนานาชาติ เพราะเป็นครั้งแรกที่ค้นพบสีม่วงอันเลอค่านี้ในอังกฤษ

สีม่วงล้ำค่าสีนี้คืออะไร? ทำไมการค้นพบสีนี้ถึงเป็นที่ฮือฮาระดับชาติ!

ชิ้นส่วนสีม่วงไทเรียน
ชิ้นส่วน Tyrian purple (ภาพจาก Newcastle University)

สีม่วงไทเรียน สีที่สกัดจากหอยทาก ทั้งหายาก และมูลค่าสูง

สีม่วงไทเรียน (Tyrian purple) เป็นสีที่สื่อถึงอำนาจ ความแข็งแกร่ง และความมั่นคง เนื่องจากมีขั้นตอนและวิธีสกัดที่ยุ่งยาก ทำให้กลายเป็นสีหายากและมีมูลค่าสูง 

สีนี้ได้จากการสกัดหอย 3 ชนิด คือ หอยเพอร์พูรา (Bolinus brandaris) หอยบุชชินัม (Stramonita haemastoma) และหอยมูเร็กซ์ (Murex trunculus) 

สีเพียง 2 กรัม ต้องใช้หอยมากกว่า 12,000 ตัว!

ชาวฟินิเชียน (Phoenician) เป็นกลุ่มคนที่ค้นพบสีม่วงนี้ พวกเขาอาศัยอยู่ ณ เมืองไทร์ (Tyre) แถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 

หลังจากจักรวรรดิโรมันเข้ามายึดครองฟินิเชียนสำเร็จ พวกเขาได้นำวิธีการสกัดสีจากหอยทากของชาวฟินิเชียน มาใช้ในการย้อมสีเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสำหรับชนชั้นสูงและราชวงศ์

แต่ที่จริงแล้ว สีม่วงนี้มีความสำคัญกับชนชั้นสูงก่อนหน้าชาวโรมันเสียอีก ในงานเขียน “Alexander the Great” ของโรบิน เลน ฟ็อกซ์ (Robin Lane Fox) นักวิชาการชาวอังกฤษ กล่าวว่า…

เมื่อสมเด็จพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) สิ้นพระชนม์ มีการนำ “ฉลองพระองค์สีม่วงเลิศหรูปักด้วยดิ้นทองคำ” มาวางบนพระวรกาย ซึ่งสีม่วงเลิศหรูที่ว่านั้นคือ สีม่วงไทเรียน

พระนางคลีโอพัตราแห่งอียิปต์ (Cleopatra) ก็หลงใหลสีนี้เป็นอย่างยิ่งเช่นกัน ถึงขนาดใช้ย้อมใบเรือ เพื่อสื่อว่าทรงมีสถานะเป็นดั่งเทพธิดา

อีกทั้งช่วงรัชสมัยจักรพรรดิออกุสตุส (Augustus) แห่งจักรวรรดิโรมัน และพระเจ้าเฮนรีที่ 8 (King Henry VIII) แห่งอังกฤษ ก็มีกฎเกี่ยวกับการใช้สีม่วงจากหอยทากที่คล้ายคลึงกัน นั่นคือ… 

มีเพียงกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ใกล้ชิดเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมใส่ผ้าไหมสีม่วง เว้นแต่จะได้รับอนุญาต มิฉะนั้นจะได้รับโทษถึงชีวิต

สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2
สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 สวมเสื้อคลุมและมงกุฎสีม่วง (ภาพจาก Wikimedia Commons)

ในศตวรรษที่ 5 อารยธรรมโรมันล่มสลาย แต่เฉดสีม่วงล้ำค่านี้ไม่ได้จางหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ เพราะศาสนจักรยังคงใช้เป็นสีสำคัญ นิยมนำไปทำเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายต่าง ๆ ให้กับพระสันตะปาปา และยังสงวนให้ใช้ได้แค่ชนชั้นสูงเท่านั้น

ต่อมาศตวรรษที่ 19 นักเคมีชาวอังกฤษ เซอร์ วิลเลียม เฮนรี เพอร์กิน (Sir William Henry Perkin) ได้สังเคราะห์สีม่วงขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ขณะทำการทดลองยารักษาโรคมาลาเรีย จากควินิน ซึ่งผลลัพธ์ก็ไม่ใกล้เคียงกับสีที่เกิดจากธรรมชาติเลย

แต่การค้นพบของเพอร์กินครั้งนั้นได้กลายเป็นข่าวดีของคนในวงการแฟชั่น เพราะสีที่เขาค้นพบคือ สีม่วงอ่อน (Mauve) เหมาะจะนำไปย้อมสีเสื้อผ้าในระดับอุตสาหกรรม

สรุปแล้ว สีม่วงไทเรียนเป็นสีที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาการผลิตมาตั้งแต่สมัยโรมัน เนื่องจากกรรมวิธีการสกัดที่ซับซ้อน รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ ความแข็งแกร่ง และความมั่งคั่ง ถึงแม้ปัจจุบันจะมีการพยายามเลียนแบบสีนี้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ใกล้เคียงกับสีธรรมชาติ ซึ่งทำให้มันยังคงหายากและมีมูลค่าสูงอยู่จนถึงปัจจุบัน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

https://www.bbc.com/thai/articles/cld0x4wz5d9o

https://www.ncl.ac.uk/press/articles/latest/2024/05/tyrianpurplecarlisle/

https://www.bbc.com/future/article/20231122-tyrian-purple-the-lost-ancient-pigment-that-was-more-valuable-than-gold

https://www.matichonweekly.com/column/article_397988

https://www.livescience.com/33324-purple-royal-color.html#:~:text=The%20color%20purple%20has%20been,originally%20used%20to%20produce%20it.

https://edition.cnn.com/style/article/lgbtq-lavender-symbolism-pride/index.html

https://www.silpa-mag.com/history/article_145599

พอล ซิมป์สัน. (2567). รหัสนัยแห่งสี [The Colour Code] (พิมพ์ครั้งที่ 2) (ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์, ผู้แปล). กรุงเทพมหานคร: มติชน.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 7 มกราคม 2568