ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระราชอนุชาในรัชกาลที่ 5 ทั้งยังทรงเป็นเสนาบดีสำคัญ ได้เสด็จพร้อมครอบครัวไปประทับยังเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย เพื่อเลี่ยงเหตุวุ่นวายทางการเมือง และประทับอยู่ที่นั่นร่วมสิบปี ระหว่างประทับอยู่ที่ซินนามอนฮอล (Cinnamon Hall) ที่ปีนัง พระองค์ทรงเขียน “คำสั่ง” ไว้ หากพระองค์สิ้นพระชนม์ “คำสั่งกรมดำรง” มีเนื้อความอะไรบ้าง?

“คำสั่งกรมดำรง” คราวประทับที่เกาะปีนัง
หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล พระธิดาในกรมดำรง ที่เสด็จพร้อมพระบิดาไปประทับยังเกาะปีนัง ทรงเล่าไว้ในพระนิพนธ์ “สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น” ว่า
เมื่อคราวกรมดำรงทรงทำบุญวันประสูติ 80 ปีแล้ว ทรงถือกระดาษร่าง 2-3 แผ่น มาประทานแก่หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย แล้วตรัสว่า “เอ้า เอาไปพิมพ์มาให้พ่อเซ็น แล้วเก็บไว้” ระหว่างนั้น พระพักตร์ของกรมดำรงมีสีแดง อย่างที่ท่านหญิงพูนทรงเล่าว่า “ท่านก็พระพักตร์แดงด้วย emotion” ก่อนตรัสกับพระธิดาว่า “เขาเรียกว่าไม่ประมาท”
“คำสั่งกรมดำรง” มีเนื้อความดังนี้
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2485 ฉันได้ทำบุญฉลองอายุครบ 80 ปี มีความยินดีอิ่มใจด้วยศีลทานการกุศลที่ได้บำเพ็ญนั้น เป็นเหตุให้ระลึกถึงคำของพระพุทธเจ้า ซึ่งตรัสไว้ว่า ธัมมะทั้งปวงย่อมรวมอยู่ในความไม่ประมาท จึงเขียนคำสั่งนี้ไว้ให้แก่ลูก เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน นั้นคือ
1) ถ้าฉันตายที่เมืองปีนังนี้ ให้เอาศพใส่หีบอย่างฝรั่ง แต่ให้มีลองสังกะสีข้างในผนึกอย่าให้กลิ่นหรือน้ำเหลืองศพรั่วออกมาเป็นปฏิกูลเมื่อตั้งศพไว้
2) ให้ตั้งศพข้างด้านใต้ในห้องรับแขกชั้นล่างของตึกซินนามอนฮอล เพราะห้องนั้นเป็นห้องว่างเหมาะแก่ตั้งศพจะทำบุญหรือใครจะมาเยี่ยมศพก็ง่าย เอาชั้นบนของตึกไว้เป็นที่พักของลูกหลาน อย่าถือว่าเป็นชั้นต่ำชั้นสูงเลย
3) ให้มีโทรเลขถึงลูกในกรุงเทพฯ บอกให้รู้ว่าฉันตายเมื่อวันนั้นเวลานั้นด้วยโรคอย่างนั้น และบอกต่อไปในโทรเลขว่าฉันได้สั่งไว้ว่า ให้เผาศพที่เมืองปีนัง และให้ลูกชายดิศกับชายใหม่ออกมาจัดการปลงศพ และรับครอบครัวของฉันกลับเข้าไปในกรุงเทพฯ ด้วย
โทรเลขนั้นให้ขอความสงเคราะห์ของญี่ปุ่นให้เขาช่วยส่งเข้าไป เห็นเขาจะไม่ขัด
4) ควรเผาศพภายในเดือนหนึ่ง แต่ข้อนี้แล้วแต่จะทำได้สะดวก บอกไว้เพียงแต่ว่าอย่าเอาไว้นานกว่าจำเป็น
5) ที่ให้เผาศพนั้น เห็นจะต้องเผาที่วัดปิ่นบังอร ด้วยมีวัดเดียวที่รัฐบาลเขาอนุญาตให้เผาศพ วัดนั้นอยู่ไกลไปมาลำบากสักหน่อยในเวลาที่ไม่มีรถยนต์จะใช้ แต่อย่าทำเมรุที่เผาแม้เล็กเพียงเท่าเมรุสมเด็จกรมพระสวัสดิ์ฯ ให้ใช้เมรุปูนของวัดหรือปลูกปะรำเป็นที่เผา จะเผาอย่างไทยหรือเผาอย่างจีนซึ่งเขาเอาหีบศพตั้งบนกองฟืน เผาไหม้หมดทั้งหีบก็ได้ สุดแต่จะสะดวก
การเผาศพนั้นถ้าลูกชายออกมาได้ พระยาประสารฯ มาด้วยเห็นจะสะดวกดีขึ้นอีก

6) การที่เอาศพไปวัด ถ้าว่ารถยนต์ที่สำหรับใส่ศพของสัปเหร่อฝรั่งเขามีหลัง 1 หารถยนต์อย่างออมนิบัส หรือแม้รถยนต์อย่างสำหรับบรรทุกของอีกสัก 1 สำหรับบรรทุกคนไปมาได้เพียงเท่านั้นก็น่าจะพอ
รถยนต์สำหรับบรรทุกคนนั้น ถ้าขอยืมหรือขอให้ญี่ปุ่นเขาช่วยหา เขาก็เห็นจะสงเคราะห์
7) การรับอัฐิของฉันกับครอบครัวกลับไปกรุงเทพฯ นั้น พระองค์หญิงประเวศคงเสด็จกลับไปด้วยพร้อมกัน รถพ่วงรถไฟที่จะไปต้องคิดหารถโบกี้ แม้มีแต่ชั้นที่ 2 กับที่ 3 สักคัน 1 กับรถตู้สำหรับบรรทุกของอีกคัน 1 จึงจะพอกัน น่าจะต้องถึง ขอความสงเคราะห์ของรัฐบาลไทยให้ได้รถ 2 หลังนั้น และขอความสงเคราะห์ของรัฐบาลญี่ปุ่นให้เขาอนุญาตให้รถมารับได้ถึงสถานีไปรจึงจะไม่ลำบาก ฉันนึกว่าคงจะได้รับความสงเคราะห์ทั้ง 2 ฝ่าย เมื่อรถไปถึงหาดใหญ่แล้วแต่นั้นจะพ่วงรถไฟสามัญไปกรุงเทพฯ ก็ได้
8) เมื่ออัฐิและอังคารของฉันไปถึงกรุงเทพฯ ถ้าพระเจ้าอยู่หัวจะทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระราชทาน งานหลวงจะทำอย่างไรก็แล้วแต่จะโปรด ส่วนในครัวเรือนนั้นให้เอาอัฐิกับอังคารของฉันตั้งไว้ทำบุญที่ท้องพระโรงวังวรดิศสัก 7 วัน เผื่อจะมีญาติและมิตรมาวางเทียนขอขมาเหมือนอย่างเวลาเผาศพ หรือจะมีพระภิกษุสงฆ์มาปลงธรรมสังเวชก็ให้มาได้เหมือนอย่างเยี่ยมศพ อย่าให้ขัดแก่กุศลเจตนาของผู้ที่จะมานั้น
9) เมื่อสิ้นเขตทำบุญที่ท้องพระโรงแล้ว ให้ตั้งอัฐิกับอังคารส่วนที่จะฝังไว้ในห้องพระบนตำหนักใหญ่จนกว่าจะเตรียมที่ฝัง ณ ดิศกุลอนุสาวรีย์เสร็จ
10) การฝังอังคารนั้น เมื่อเอาขึ้นไปถึงวัดนิเวศน์ ให้นิมนต์พระวัดนั้นฉันภัตตาหาร สวดมนต์ แล้วฝังที่ใต้ศิลาพระธรรมเจดีย์ ทอดผ้าให้พระบังสุกุลแล้วเป็นสำเร็จงานศพของฉันเพียงเท่านั้น
ขอให้ผู้ทำตามคำสั่งนี้จงมีความเจริญสุขทุกคน เทอญ
อย่างไรก็ดี คำสั่งกรมดำรงก็มิได้เป็นไปตามนั้น เนื่องจากต่อมาพระองค์ได้เสด็จกลับเมืองไทย เพื่อทรงรักษาพระอาการประชวร และสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2486 สิริพระชันษา 81 ปี
อ่านเพิ่มเติม :
- รัชกาลที่ 5 ไม่โปรดผลไม้ชนิดใด ถึงขั้นรู้กันว่าห้ามนำเข้าวังเด็ดขาด
- ทำไม “สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี” พระภรรยาเจ้ารัชกาลที่ 5 ถึงทรงเป็น “สมเด็จรีเยนต์”
- พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 ที่ทรงเลือกคู่ครองด้วยพระองค์เอง มีพระองค์ใดบ้าง?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
พูนพิศมัย ดิศกุล, ม.จ.. สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น (รวมเล่ม), พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : มติชน, 2562.
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2567