
ผู้เขียน | ปดิวลดา บวรศักดิ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
“พระสารีบุตร” ถือเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า ท่านเป็นเลิศเรื่องสติปัญญาและมีบทบาทสำคัญในพุทธศาสนา
กำเนิดพระสารีบุตร
“พระสารีบุตร” เป็นลูกของนางพราหมณีชื่อ “สารี” และนายวังคันตะพราหมณ์ หัวหน้าหมู่บ้านอุปติสคามแห่งตำบลนาลกะหรือตำบลนาลันทา ท่านได้ชื่อเมื่อยังเยาว์ว่า “อุปติสสะ” เพราะเป็นบุตรแห่งสกุลอันประเสริฐสุดในอุปติสสคาม
วันเดียวกัน นางโมคคัลลี พราหมณีในบ้านโกลิตะ ที่สนิทชิดเชื้อกับบ้านของสารี ก็ได้ให้กำเนิดลูกชายนามว่า “โกลิตะ” เช่นกัน
ด้วยความสนิทระหว่างตระกูลถึง 7 ชั่วโคตร ผสมกับนิสัยที่คล้ายคลึงกันของเด็กทั้งคู่ จึงทำให้เด็กชายทั้งสองสนิทชิดเชื้อกันและร่ำเรียนที่เดียวกันจนเติบใหญ่

วันหนึ่ง อุปติสสะและโกลิตะได้ไปเที่ยวเล่นงานรื่นเริงประจำปีของกรุงราชคฤห์ แต่ไม่ได้รู้สึกสนุกอย่างเคย เนื่องจากปัญญาและสติแกร่งกล้าขึ้น ชายทั้งสองเริ่มพิจารณาถึงมหรสพและชีวิตของตนเอง ก่อนจะพบว่ามหรสพเหล่านี้ไม่มีอะไรเลย ท้ายที่สุดทุกคนก็ต้องล้มหายตายจาก จึงตัดสินใจจะแสวงหาโมกขธรรมหลุดพ้นจากเรื่องเหล่านี้
ทั้งสองจึงเริ่มต้นไปบวชในสำนักของสัญชัยปริพาชก ที่กรุงราชคฤห์ แต่เมื่อจบมาแล้วก็ยังไม่พอใจกับความรู้ที่ได้รับมาและคิดว่ายังไม่ตอบโจทย์ จึงตัดสินใจแยกกันไปตามหาครูที่จะช่วยพวกตนได้จริง ๆ และถ้าเจอเมื่อไหร่ก็จะมาบอกกันและกัน
กระทั่งวันหนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้าทรงบรรลุพระปรมาภิสัมโพธิญาณเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ทรงประกาศพระธรรมจักรอันบวร ส่งพระสาวกไปออกประกาศคำสอน ส่วนพระองค์ก็ประทับที่พระเวฬุวันมหาวิหาร ในกรุงราชคฤห์
พระอัสสชิ ก็เป็นหนึ่งในสาวกที่ออกไปประกาศคำสอน จนได้พบกับ “อุปติสสะ” ชายหนุ่มคนนี้เมื่อเห็นพระอัสสชิก็เลื่อมใสมากและคิดว่าท่านผู้นี้น่าจะเป็นพระอรหันต์ จึงได้ตามพระอัสสชิและสอบถามว่าศาสดาของท่านคือใคร
พระอัสสชิจึงแสดงคำสอนของพระพุทธเจ้า เพียงได้ฟังอุปติสสะก็เกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุโสดาบัน อุปติสสะจึงรีบกราบลาพระอัสสชิ นำข้อมูลทั้งหมดไปบอกเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง
จากนั้น ทั้ง 2 คนจึงไปฟังธรรมจากพระพุทธองค์และขอบวช อุปติสสะได้ชื่อว่า “พระสารีบุตร” และโกลิตะได้ชื่อว่า “พระมหาโมคคัลลานะ”

งานศพพระสารีบุตร เป็นอย่างไร?
หลังจากที่ท่านช่วยพระพุทธเจ้าประกาศศาสนาให้แพร่หลาย และเป็นพระสาวกทำงานร่วมกับพระโมคคัลลานะมานาน เมื่อถึงวันที่ท่านจะถึงแก่มรณภาพ ท่านได้ไปทูลต่อพระศาสดาเพื่อนิพพาน
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงอนุญาต ท่านก็เดินทางไปที่บ้านเดิมของตนเอง ที่ตำบลนาลันทาและนิพพานที่นั่น
ญาติของท่านจัดการถวายเพลิงง่าย ๆ เก็บกระดูกห่อผ้าขาว นำไปถวายพระศาสดาที่เวฬุวัน ซึ่งต่อมาได้สั่งให้ก่อสถูปที่ทางสี่แพร่ง เพื่อเป็นที่สักการะของผู้คนต่อไป
งานศพพระสารีบุตรจึงถือเป็นงานเรียบง่าย สมถะ สมกับเป็นพระอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า
อ่านเพิ่มเติม :
- “งานพระบรมศพของพระพุทธเจ้า” เป็นอย่างไร จัดถึง 6 วัน?
- พระราชธิดา ร.4 เห็นอะไร? ถึงกับต้อง “กลั้นพระสรวล” ในพิธีพระศพเจ้านายชั้นผู้ใหญ่
- “ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น” ถ้อยคำบนตาลปัตรสวดศพ สำนวนนี้ของใคร มีที่มาอย่างไร?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
https://digital.library.tu.ac.th/tu_dc/frontend/Info/item/dc:184363
https://uttayarndham.org/node/975
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2567