กระดูกวัวและกระดองเต่า ยืนยันการมีอยู่ของ “ราชวงศ์ชาง” ได้อย่างไร?

กระดูกสัตว์ กระดูกเสี่ยงทาย กระดูกพยากรณ์ ยุคปลายราชวงศ์ชาง
กระดูกพยากรณ์ยุคปลายราชวงศ์ชาง (ภาพโดย Gary Lee Todd ใน Flickr)

ราชวงศ์ชาง (ประมาณ 1,600-1,050 ปีก่อนคริสตกาล) เป็น 1 ใน 3 ราชวงศ์ (เซี่ย ชาง โจว) ที่เคยปกครองจีนก่อนประวัติศาสตร์ของพวกเขาจะเป็นรูปเป็นร่างจริง ๆ ในยุคราชวงศ์ฉิน (221-207 ปีก่อนคริสตกาล) ของจิ๋นซีฮ่องเต้

บันทึกประวัติศาสตร์จีนระบุว่า ราชวงศ์เซี่ยเป็นราชวงศ์แรกของจีน ปกครองโดยระบอบกษัตริย์ที่สืบทอดผ่านสายโลหิต มีระบบทาส ระบบราชการ กองทัพ และกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หลักฐานเกี่ยวกับราชวงศ์นี้เป็นเพียงตำนานและบันทึกสมัยหลัง แทบไม่พบหลักฐานร่วมสมัย เพราะเป็นช่วงเวลาที่จีนยังไม่มีการใช้ตัวอักษร มีเพียงสัญลักษณ์แสดงเจตนาเท่านั้น

ขณะที่ราชวงศ์ชางพบหลักฐานชัดเจนว่าสังคมพัฒนาขึ้น มีตัวอักษรใช้ มีโครงสร้างของความเป็นรัฐชาติ พระราชวังขนาดใหญ่โตโอ่อ่า บ่งชี้ว่าวัฒนธรรมและระบบจัดการแรงงานพัฒนาขึ้นมาก ดังมีการขุดพบซากเมืองโบราณที่เมืองอันหยาง มณฑลเหอหนาน ภายในประกอบด้วยปราสาท สถานที่ราชการ ศาสนสถาน และกำแพงเมือง และการใช้ทองสำริดหล่อเป็นภาชนะและเครื่องศาสตราวุธ 

แต่ความเจริญทางวัฒนธรรมที่แท้จริงของราชวงศ์ชาง คือการประดิษฐ์ “ตัวอักษร” ซึ่งพ่วงมากับความเชื่อเรื่องเทพเจ้า

กระดูกสัตว์ กระดูกเสี่ยงทาย กระดูกพยากรณ์ กระดองเต่า ยุคปลายราชวงศ์ชาง
กระดูกพยากรณ์จากกระดองเต่า ยุคปลายราชวงศ์ชาง (ภาพโดย Gary Lee Todd ใน Flickr)

ทั้งสองสิ่งปรากฏอยู่บนกระดูกสัตว์ในรูปแบบของอักษรจารึก ซึ่งมักเป็น “กระดูกสะบักวัว” และ “กระดองเต่า” จุดมุ่งหมายคือเพื่อทำนายอนาคต จึงเรียกกระดูกเหล่านี้ว่า “กระดูกเสี่ยงทาย” หรือกระดูกพยากรณ์ (Oracle Bones) ซึ่งค้นพบเป็นพัน ๆ ชิ้น และพิสูจน์แล้วว่ามีอายุอยู่ในช่วงสมัยราชวงศ์ชาง

คำจารึก กระดูกสะบักวัว
คำจารึกบนกระดูกสะบักวัว (ภาพโดย Remsense ใน Wikimedia Commons)

วิธีการทำนายคือ คนสมัยนั้น (หมอดู) จะเขียนคำทำนายลงบนกระดูกสัตว์ ก่อนนำไปเผาไฟให้กระดูกเกิดความร้อนและแตกออก หากรอยแตกชี้ไปที่ตัวอักษรของคำทำนายใด ถือว่าโชคชะตากำหนดให้เป็นไปตามข้อความนั้น

กระดูกเสี่ยงทายได้เผยเทพเจ้า 3 กลุ่มที่ชาวจีนโบราณนับถือ กลุ่มแรกคือวิญญาณบรรพชน ไม่ใช่วิญญาณชาวบ้านทั่วไป แต่เป็นโคตรวงศ์ของกษัตริย์ราชวงศ์ชาง ถือเป็นเทพที่มีอิทธิพลต่อคนยุคนั้นและพัฒนาเป็นเทพเจ้าจีนในสมัยต่อมา

กลุ่มที่สองคือเทพเจ้าตามธรรมชาติกว่า 100 องค์ องค์สำคัญ ๆ คือ เทพเจ้าแห่งดิน น้ำ ลม และไฟ

สุดท้ายคือ “เทพชางตี” เทพเจ้าที่เกี่ยวกับการทำสงครามและความอุดมสมบูรณ์ สันนิษฐานว่าอาจเป็นได้ทั้งต้นราชวงศ์ชาง หรืออาจเป็นกษัตริย์ผู้นำการประกอบพิธีกรรมร่วมกับหมอดูหลวง ซึ่งคติดังกล่าวจะพัฒนาไปสู่การยกย่องกษัตริย์หรือฮ่องเต้ว่าเป็นโอรสสวรรค์

“กระดูกเสี่ยงทาย” จึงเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุคราชวงศ์ชางและต้นกำเนิดตัวอักษรจีน ที่สำคัญคือเป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษรที่ยืนยันการมีอยู่ของราชวงศ์นี้

กระดูกเสี่ยงทาย ราชวงศ์ชาง
คำจารึกบนกระดูกสัตว์ (ภาพจาก The Metropolitan Museum of Art)
กระดูกเสี่ยงทาย กระดูกพยากรณ์ ราชวงศ์ชาง
คำจารึกบนกระดูกสัตว์ (ภาพจาก The Metropolitan Museum of Art)

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

Emily Mark, World History Encyclopedia. Oracle Bones. 26 February 2016. From https://www.worldhistory.org/Oracle_Bones/

รศ. อรพินท์ ปานนาค และคณะ. ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์. อารยธรรมตะวันออก Eastern Civilization (HI102). กรุงเทพฯ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 24 กันยายน 2567