ผู้เขียน | วิภา จิรภาไพศาล |
---|---|
เผยแพร่ |
“บริษัทอินเดียตะวันออก” เป็นชื่อกิจการการค้าของบรรดาชาติตะวันตก ที่เข้ามาในทวีปเอเชีย พร้อมกับระบบอาณานิคมของตะวันตก เพื่อซื้อสินค้าท้องถิ่น เช่น เครื่องเทศต่างๆ, ไม้หอม, หนังสัตว์ ฯลฯ กลับไปทำกำไรในตลาดปลายทางในทวีปยุโรป
บริษัทอินเดียตะวันออก ในเอเชียของชาติใด?
บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ (East India Company หรือ EIC) เข้ามาใน ค.ศ. 1600 (พ.ศ. 2143) ปักหลักอยู่ที่อินเดีย เพื่อควบคุมการค้าทั้งหมดของอังกฤษในเขตสุวรรณภูมิทั้งภูมิภาค ครอบคลุม อาเจะห์ อยุธยา มะละกา บอร์เนียว และเซลีเบส
ภายหลังเมื่อฮอลันดาเข้ามาทำการค้า จึงเกิดปัญหาพื้นที่ผลประโยชน์ทับซ้อน ทั้ง 2 ชาติจึงทำข้อตกลงกันใน ค.ศ. 1824 (พ.ศ. 2367) โดยอังกฤษยอมรับอิทธิของฮอลันดาเหนือหมู่เกาะอินโดนีเซียทั้งหมด และฮอลันดายอมยกคาบสมุทรมะละกาให้เป็นเขตอิทธิพลของอังกฤษ
EIC มีงานล้นมือ แต่ไม่มีอำนาจพอจะควบคุมสถานการณ์ร้ายแรงในพื้นที่ที่ชาวพื้นเมืองก่อขึ้น ตัวอย่างเช่น การกบฏในอินเดีย เมื่อ ค.ศ. 1858 (พ.ศ. 2401) รัฐบาลอังกฤษเข้าควบคุมสถานการณ์ และปกป้องผลประโยชน์ของคนอังกฤษ
หลังปราบกบฏสำเร็จ รัฐบาลตัดสินใจยกเลิก EIC ที่ดำเนินกิจการมา 257 ปี โดยควบรวมเข้ากับกิจการในกระทรวงอาณานิคมของอังกฤษ แล้วตั้งชื่อเฉพาะกิจว่า “กระทรวงอินเดีย”

บริษัทดัตช์อินเดียตะวันออก (Vereenigde Oostindische Compagnie หรือ VOC) ฮอลันดาเป็นชาติแรกที่ประสบความสำเร็จในการตั้งบริษัทพ่อค้าเอกชน และทำงานอย่างมีอิสระจากการควบคุมของรัฐบาลฮอลันดาในยุโรป เริ่มดำเนินการเป็นชาติแรกจากตะวันตกใน ค.ศ. 1602 (พ.ศ. 2145)
ฮอลันดาแซงหน้าโปรตุเกส (ที่มุ่งผูกขาดการค้าเครื่องเทศต่างๆ) อย่างง่ายดาย ด้วยการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับคนพื้นเมือง มุ่งทำการค้าเครื่องเทศเพียงอย่างเดียว ไม่ใช้นโยบายผูกขาดแบบรัฐ และไม่กดดันให้คนท้องถิ่นเข้ารีตนับถือคริสต์แบบโปรตุเกสและสเปน ทำให้ฮอลันดามีอิทธิพลเหนือช่องแคบมะละกาและช่องแคบซุนดาเป็นเวลายาวนานเกือบ 200 ปี
อย่างไรก็ตาม อำนาจของฮอลันดาอ่อนกำลังลงเมื่อพ่ายแพ้สงคราม และตกอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศสในทวีปยุโรป

บริษัทอินเดียตะวันออกของฝรั่งเศส (Compagnie française des Indes Orientales) จัดตั้งขึ้นในรัชกาลพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เมื่อ ค.ศ. 1664 (พ.ศ. 2207) โดยรัฐบาลฝรั่งเศส เพื่อค้าขายแข่งกับอังกฤษและฮอลันดา
แม้จะมาทีหลัง 2 ชาติข้างต้น แต่ฝรั่งเศสก็สามารถสร้างสถานีการค้าตลอดแนวชายฝั่งของอินเดียทั้งหมดที่เมืองสุรัต, พอนดิเชอร์รี, มาสุลิปะตัม, จันเดอนากอร์, บาลาซอร์ ฯลฯ
เมื่อบริษัทการค้าของฝรั่งเศสเริ่มเติบโต ก็เกิดปัญหาขัดผลประโยชน์กัน โดยเฉพาะกับประเทศอังกฤษ แต่รัฐบาลทั้ง 2 ชาติก็สามารถหาทางออกร่วมกัน ด้วยสนธิสัญญา AIX-LA-CHAPELLE ค.ศ. 1748 (พ.ศ. 2291) เพื่อมิให้ขัดผลประโยชน์กันเองในเขตพื้นที่ทับซ้อน
บริษัทการค้าฝรั่งเศสอ่อนแอลงไปเองใน ค.ศ. 1789 (พ.ศ. 2332) เมื่อเกิดการปฏิวัติใหญ่ในฝรั่งเศส นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองและโค่นล้มราชบัลลังก์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศ รวมถึงบริษัทการค้าในต่างแดน
แม้บริษัทการค้าของแต่ละชาติจะไม่ได้ร่วมมือกัน แต่เมื่อเกิดขัดผลประโยชน์และปัญหาการเมืองภายในก็สามารถรอมชอมตกลงกันได้ การจัดสรรผลประโยชน์โดยบริษัทการค้า จึงถูกใช้เป็นธุรกิจบังหน้าการตั้งอาณานิคมของชาติตะวันตก
อ่านเพิ่มเติม :
- การติดต่อระหว่างราชสำนักอยุธยา กับ “อังกฤษ” ที่เรืองอำนาจอยู่ในอินเดีย
- “หมู่เกาะเครื่องเทศ” อยู่ที่ไหนกันแน่ และเครื่องเทศจากหมู่เกาะนี้คืออะไร?
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
อ้างอิง :
ไกรฤกษ์ นานา. “นักจัดระเบียบโลกทำนายสยามกับอนาคตของอาเซียน เมื่อ 142 ปีมาแล้ว” ใน, ศิลปวัฒนธรรม มีนาคม 2559.
<http://www.cuti.chula.ac.th/triresearch/malau/malau.html>
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 10 กันยาน 2567