“ลัทธิบูชาหมา” ที่เมืองถลาง จากคติสิบสองนักษัตรแห่งหัวเมืองปักษ์ใต้

จิตรกรรม วัดท้าวโคตร พระเวสสันดร สุนัข ลัทธิบูชาหมา
ภาพประกอบบทความ - จิตรกรรมคอสองวัดท้าวโคตร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช รูปพระเวชสันดรขณะทรงราชรถ มีสุนุข 2 ตัวตามมาดักเฝ้าขอพระราชทานสิ่งของหรืออาหารบางอย่าง (ภาพจากศิลปวัฒนธรรม ฉบับสิงหาคม 2567)

การมีสัตว์เป็นสื่อแสดงความเคารพมีอยู่ในอารยธรรมทั่วโลกมาแต่บรรพกาล แม้ไม่ใช่การนับถือสัตว์เป็นเทพเจ้า แต่ก็มีส่วนเกี่ยวข้อง พัวพันกับโลกแห่งจิตวิญญาณ โดยเฉพาะในศาสนาที่เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด สัตว์หลายชนิดแทบมีตัวตนเท่าเทียมกับมนุษย์ เพราะคนเชื่อว่าสัตว์บางตัวอาจเป็นบรรพชนผู้ล่วงลับของตน ซึ่ง “หมา” หรือสุนัข ก็เป็นหนึ่งในนั้น

หลักฐานในไทยที่บอกเล่าความสัมพันธ์ระหว่างสุนัขกับคนพบในหลุมศพมนุษย์โบราณที่ศรีเทพและบ้านเชียง มีสุนัขถูกฝังอยู่ข้าง ๆ มนุษย์ในหลุมศพ

Advertisement

รวมถึงที่ปรากฏในวิถีความเชื่ออย่าง “หมานรก” ในวรรณกรรมไตรภูมิและจิตรกรรมฝาผนังต่าง ๆ โดยเป็นสัตว์ที่คอยจัดการสัตว์นรกทั้งหลาย ถือเป็นบทบาททางศาสนาของสุนัข

อีกร่องรอยที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเป็น “สัญลักษณ์” ประจำเมือง และได้รับการบูชาประหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ถลาง หรือเกาะภูเก็ตในปัจจุบัน

“ลัทธิบูชาหมา” ณ เมืองถลาง

หลักฐานเรื่องนี้ อยู่ในบันทึกของ ร้อยโท เจมส์ โลว์ (James Low) เจ้าหน้าที่บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ (EIC) ที่ปีนัง เมื่อ ค.ศ. 1824 (พ.ศ. 2367, สมัยรัชกาลที่ 3) เขาเดินทางมาหัวเมืองปักษ์ใต้ของสยาม ผ่านหัวเมืองสำคัญต่าง ๆ เช่น ไทรบุรี สตูล ตรัง ถลาง พังงา มีจุดหมายคือเพื่อพบเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) ที่เมืองนครศรีธรรมราช แต่ท่านเจ้าพระยานครฯ ปฏิเสธการขอพบ เนื่องจากตอนนั้นอังกฤษกำลังทำสงครามกับพม่า เกรงจะเกิดความยุ่งยาก เขาจึงเดินทางกลับ

เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย)
รูปวาดจากจินตนาการ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) วัดวังตะวันตก จังหวัดนครศรีธรรมราช (ภาพจากศิลปวัฒนธรรม ฉบับสิงหาคม 2567)

ในบันทึกเล่าการเดินทาง เจมส์ โลว์ เล่าถึงเรื่องประหลาดที่เขาบันทึกระหว่างทาง จากการพบเห็นรูปเคารพสุนัขที่เกาะถลาง ดังนี้

“ทางฝั่งตะวันออกของเกาะ ตรงที่ ๆ เรียกว่า แหลมพระเจ้า (Lem Phra Chau) มีหินก้อนหนึ่ง ซึ่งชาวสยามยืนยันว่า มีรูปจำหลักของสุนัขตัวหนึ่งกับกาตัวหนึ่งอยู่ ทั้งพวกเขายังอ้างและนึกคิดไปว่า พวกเขาสามารถแลเห็นที่ ๆ หนึ่งตรงข้ามกับจุดนี้ และภายใต้น้ำนั้นมีรอยตีนหรือรอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่  

การนับถือสุนัขอาจจะเก่าแก่สืบย้อนขึ้นไปได้ถึงโบราณกาลโพ้น ดอกเตอร์ เลย์เดน ตั้งข้อสังเกตไว้ในบทความเรื่องหนึ่งของเขาว่า ดูเหมือนว่า ‘สมัยหนึ่งชาติทั้งหลายของแหลมอินโดจีน มีการนับถือสุนัขเป็นที่แพร่หลายเช่นเดียวกับการนับถือเสือ’ ”

หากเป็นดังที่ เจมส์ โลว์ เล่าไว้ แปลว่าเคยมีการบูชาสุนัขที่เมืองถลางจริง

ตราประจำจังหวัด นครศรีธรรมราช พระบรมธาตุ เปล่งรัศมี ล้อมรอบด้วย 12 นักษัตร
ตราประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ภาพพระบรมธาตุเปล่งรัศมี ล้อมรอบด้วย 12 นักษัตร คือตราประจำเมือง 12 เมือง ที่เคยขึ้นกับนครศรีธรรมราช (ภาพจากศิลปวัฒนธรรม ฉบับสิงหาคม 2567)

ความเชื่อเรื่องเรื่องการยกย่องสุนัขยังปรากฏอยู่ในชื่อบ้านนามเมืองอย่างตำบลกมลา อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งชาวบ้านเรียก บ้านกราม้า หรือ “บ้านตราหมา” ซึ่งสอดคล้องกับ “ตำนานเมืองนครศรีธรรมราช” ที่ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ได้รวบรวมหัวเมืองต่าง ๆ ในคาบสมุทรภาคใต้มาขึ้นกับนครศรีธรรมราช มีทั้งสิ้น 12 เมือง แล้วจัดแบ่งเป็น 12 นักษัตร มีตราประจำเมืองเป็นรูปสัตว์ทั้ง 12 ปี และเมืองถลาง (ภูเก็ต) ถูกกำหนดให้เป็นปีจอ ตราสุนัข

จึงไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญที่ภูเก็ตจะ “เคย” มีลัทธิบูชาหมา และใช้หมาเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

กำพล จำปาพันธ์. “คนกราบหมา” (มีอยู่จริงๆ นั่นแหละ) & ว่าด้วยปริศนา “ลัทธิบูชาหมา” และคติสิบสองนักษัตรในหัวเมืองปักษ์ใต้. ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับสิงหาคม 2567.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 9 กันยายน 2567