ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ชื่อของ “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” ตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองพาน อ. บ้านผือ จ. อุดรธานี กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ เมื่อองค์การเพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ในชื่อ “ภูพระบาท ประจักษ์พยานแห่งวัฒนธรรมสีมา สมัยทวารวดี” เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2567 ทำให้ “แหล่งหินตั้ง” แห่งนี้ ขึ้นแท่นเป็นว่าที่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของไทยอีกแห่ง จากที่แต่เดิมมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
ทำไมภูพระบาทถึงเป็นแหล่งหินตั้ง แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับ “วัฒนธรรมเสมา”?
รศ. ดร. รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร อธิบายไว้ในหนังสือรวมบทความ “วัตถุสถานทวารวดีภาคอีสาน: หินตั้ง ใบเสมา และศิลปกรรมอื่นๆ” ว่า
ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือในอดีตเมื่อราวพันกว่าปีก่อน นิยมทำ “หลักหิน” ขนาดต่างๆ ปักในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง มีทั้งปักอยู่โดดๆ ปักรวมเป็นกลุ่ม บ้างมีระเบียบแบบแผนการปักชัดเจน บ้างก็ไม่มีทิศทางแน่นอน
หลักหิน หรือเรียกอีกอย่างว่าแผ่นหินหรือแท่นหินนี้ ส่วนใหญ่เป็นแผ่นแบนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายอดแหลม ทำให้นิยมเรียกหินเหล่านี้ว่า “ใบเสมา” เพราะมีรูปแบบเทียบได้กับใบเสมาล้อมรอบอุโบสถสมัยสุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์
รศ. ดร. รุ่งโรจน์ บอกด้วยว่า หลักหินเหล่านี้มีรูปทรงอื่นๆ ด้วย เช่น แท่งเสาสี่เหลี่ยมหรือหลายเหลี่ยมมียอดแหลม แท่งหินที่ไม่มีรูปทรงแน่นอน ทำให้บางคนเรียกหลักหินนี้ว่า “หินตั้ง”
ส่วนที่ว่าทำไมถึงอยู่ใน “วัฒนธรรมทวารวดี” ผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ทวารวดีคนเดิมอธิบายว่า เหตุผลสำคัญเป็นเพราะหลักหินจำนวนหนึ่งสัมพันธ์กับวัฒนธรรมพุทธศาสนา ที่เผยแผ่จากทวารวดีภาคกลางนั่นเอง
“อย่างไรก็ตาม นักวิชาการหลายคนได้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจจัดให้หลักหินเหล่านี้อยู่ในกลุ่มวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะเป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นและแพร่หลายในภาคอีสานเอง ไม่ใช่แบบแผนที่รับมาจากทวารวดีภาคกลาง” รศ. ดร. รุ่งโรจน์ อธิบาย
หลักหินกับความสัมพันธ์กับพุทธศาสนา
อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ระบุใน “วัตถุสถานทวารวดีภาคอีสาน: หินตั้ง ใบเสมา และศิลปกรรมอื่นๆ” อีกว่า
หลักหินหลายแห่งที่ปักอย่างเป็นระเบียบแบบแผน ส่วนใหญ่จัดเรียงล้อมรอบพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งอาจมีอาคารหรือไม่มี แผนผังมักมีแนวแกนตรงกับแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก
บางแห่งปักหลักหินที่ทิศทั้งแปดทิศ ทิศละ 1 หลัก บางแห่งปักซ้อนกันทิศละ 2 หลัก และบางแห่งปักซ้อนชั้นกันมากถึงทิศละ 3 หลัก
หลักหินที่ปักในผังแบบนี้ เชื่อว่าทำหน้าที่เป็นนิมิตพัทธสีมาสงฆ์ นอกจากนี้ ยังสลักตกแต่งด้วยภาพพุทธประวัติและชาดก ฯลฯ
“กลุ่มหลักหินที่ปักในตำแหน่งทิศทั้งแปดล้อมรอบพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าโดยแต่ละทิศปักซ้อนกัน 3 ชั้นที่สมบูรณ์ที่สุด ได้แก่ กลุ่มหินบริเวณบวชพระปู่ ใกล้กับวัดพระพุทธบาทบัวบาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
หลักหินชั้นในกับชั้นกลางตั้งค่อนข้างประชิดติดกัน ความห่างเฉลี่ยประมาณ 50 เซนติเมตร ในขณะที่หลักชั้นนอกปักอยู่ห่างออกไปอย่างเห็นได้ชัดด้วยความห่างเฉลี่ยประมาณ 3 เมตร บางหลักมีภาพเล่าเรื่องในพุทธศาสนา”
อย่างไรก็ตาม พบว่า หลักหินอีกส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับประเพณีความเชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่ให้คุณให้โทษต่อมนุษย์ ซึ่งสัมพันธ์กับประเพณีปักหินตั้ง
หลักฐานที่รองรับข้อสันนิษฐานนี้มีมากมายหลายอย่าง เช่น การปักอยู่บนสถานที่ที่พบโครงกระดูกมนุษย์หรือภาชนะบรรจุกระดูก เกี่ยวข้องกับการปลงศพ การนำมาเป็นหลักเมือง
หลักหินที่อยู่ในภูพระบาท จึงเป็นสิ่งสะท้อนวัฒนธรรมอันเก่าแก่ในพื้นถิ่น ที่สัมพันธ์กับทั้งผีและพุทธ
อ่านเพิ่มเติม :
- รู้จัก “อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท” จ. อุดรธานี มรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งล่าสุดของไทย
- รอยพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์บน “ภูพระบาท” มรดกโลกแห่งที่ 8 ของไทย ทำไมถึงชื่อ “พระบาทบัวบก”
- เปิดที่มา “อุดรธานี” จังหวัดแรกของไทย ที่มี “บ้านเชียง-ภูพระบาท” เป็นมรดกโลกถึง 2 แห่ง
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 29 กรกฎาคม 2567