“จักรพรรดิกวงซวี่” แห่งราชวงศ์ชิง สวรรคตเพราะ “ยาพิษ” จริงหรือ

จักรพรรดิกวงซวี่
จักรพรรดิกวงซวี่ แห่ง ราชวงศ์ชิง

ในประวัติศาสตร์จีนกระแสหลัก มักเขียนถึง “พระนางซูสีไทเฮา” จักรพรรดินีแห่งราชวงศ์ชิง ว่าเป็นผู้กุมอำนาจจักรพรรดิหลายพระองค์ และยังอยู่เบื้องหลังการสวรรคตของ “จักรพรรดิกวงซวี่” แต่ สเตอร์ลิงก์ ซีเกรฟ นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน เจ้าของหนังสือ “Dragon Lady” (1992) กลับทำให้เราได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของเรื่องนี้…

จักรพรรดิกวงซวี่

ศาสตราจารย์จันทร์ฉาย ภัคอธิคม หยิบยกประเด็นใน “Dragon Lady” ให้ทุกคนได้มาขบคิดกันเกี่ยวกับประวัติศาสตร์จีนที่เกี่ยวข้องกับซูสีไทเฮา ตอนหนึ่งได้พูดถึงเหตุการณ์สวรรคตของ “จักรพรรดิกวางสู” ไว้ในหัวข้อ “ราชวงศ์ชิง : อาทิตย์อัสดง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบทความ “ซูสีไทเฮา : ทรราชหรือเหยื่ออธรรมของการเมืองจีน? เรื่องเหลือเชื่อของหนังสือ Dragon Lady” ว่า…

“จักรพรรดิกวางสู (หรือจักรพรรดิกวงซวี่ – ผู้เขียน) ทรงพระประชวรด้วยพระโรควักกะ และเสด็จสวรรคตในวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908 เที่ยงวันต่อมา ซูสีไทเฮาก็เสด็จสวรรคต

เมื่อใกล้สวรรคต จักรพรรดิโปรดให้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เข้าเฝ้า ขันทีผู้ใหญ่ของซูสีไทเฮาคือ หลีเหลียนอิง (Li Lien-ying) ได้รับพระราชเสาวนีย์ให้ไปกราบบังคมทูลยืนยันถึงความตกลงเดิมที่ซูสีไทเฮาเคยถวายแก่จักรพรรดิไว้ตั้งแต่ ค.ศ. 1901 ว่า จะสถาปนาเจ้าปูยี (Pu Yi) เป็นจักพรรดิ

ผู้สื่อข่าวไทม์ส (Times) ได้รายงานข่าวสู่โลกภายนอกในวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า

‘ได้มีการประกาศเป็นทางการแล้วว่าสมเด็จพระจักรพรรดิ (กวางสู) ได้เสด็จสวรรคตแล้วเมื่อเย็นวานนี้

‘ข่าวลืออันหนาหูมากเกี่ยวกับลักษณะพระอาการที่จักรพรรดิทรงพระประชวรครั้งสุดท้ายและเสด็จสวรรคต ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังมิได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับพระอาการประชวร แต่กล่าวว่าพระอาการอ่อนเพลียคือสาเหตุสำคัญของการเสด็จสวรรคต

ข้าราชสำนักรายงานว่าจักรพรรดิมิได้ทรงรู้สึกพระองค์มาตั้งแต่กลางคืนของวันพฤหัส โดยเมื่อวานทรงรู้สึกพระองค์ขึ้นอีกชั่วขณะ เมื่อสมเด็จพระพันปีหลวงมีพระราชเสาวนีย์ให้ส่งหัวหน้าขันทีเหลียนอิง (Li Lien-ying) ไปเข้าเฝ้า จักรพรรดิมิได้ยินยอมที่จะเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ พระที่นั่งสันตินิรันดร์ (Pavillion of Peaceful Longevity)

จึงเป็นการละเมิดพระราชประเพณีที่กำหนดให้พระที่นั่งองค์นั้นเป็นสถานที่สวรรคตของผู้ครองแผ่นดินจีน

ในที่สุดจักรพรรดิก็ได้ทรงสิ้นพระอัสสาสะปัสสาสะ (ลมหายใจออก ลมหายใจเข้า-ผู้เขียน) โดยมิได้ทรงเครื่องพระภูษาในพระราชวโรกาสนั้นตามโบราณราชประเพณี และมิได้สวรรคต ณ พระที่นั่งองค์เดียวกับที่ได้เคยประทับเสมือนถูกกักบริเวณภายหลังการยึดอำนาจปี ค.ศ. 1898 จักรพรรดิมีพระราชสัมพันธ์อันตึงเครียดกับสมเด็จพระพันปีหลวงจนถึงสวรรคต’

รายงานที่บิดเบือนข้อเท็จจริงมิได้เป็นรายงานที่นายมอริสันเป็นผู้เขียน เพราะเขาได้เดินทางไปเที่ยวยิงนกปากส้อมกับมิตรสหายที่ชายฝั่งโคลนของดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำฮวงโห ที่กวันไท (Kwantai) นายแบลนด์ผู้สื่อข่าวไทม์สประจำเซี่ยงไฮ้ทราบว่าสวรรคตขณะนอนป่วยด้วยพิษไข้สูง

เขาต้องรีบส่งข่าวไปขอร้องให้นายแบ็กเฮาส์ทำหน้าที่เขียนข่าวแทน รายงานข่าวของนายแบ็กเฮาส์ได้กล่าวเท็จเรื่องพระราชสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างจักรพรรดิกับซูสีไทเฮา และเรื่องที่แสดงเป็นนัยลับลมคมในว่าจักรพรรดิทรงตกเป็นนักโทษเชลยศักดิ์ของซูสีไทเฮา

ความเท็จฉกรรจ์นั้นได้ย้ำยืนยันความคิดเห็นและความเชื่อเดิมที่เต็มไปด้วยความอคติของผู้คนนอกรั้วนอกวังและโลกภายนอกที่มีต่อทั้งสองพระองค์ให้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ จนกลายเป็นความจริงอันยากที่จะขจัดเสียได้

ข่าวลือพระประชวรของจักรพรรดิและซูสีไทเฮาที่ปรากฏต่อมาว่าเป็นการสิ้นพระชนม์ด้วยยาพิษ ล้วนเป็นความเท็จ เพราะพระราชสำนักแมนจูเข้มงวดกวดขันมากในเรื่องการทูลเกล้าฯ ถวายพระโอสถ 

รายงานของนายแพทย์ดักกลาส เกรย์ (Dr.Douglas Gray) ประจำสถานทูตอังกฤษที่มีโอกาสเข้าเฝ้าอภิบาลจักรพรรดิก่อนสวรรคต และรายงานของนายแพทย์จีนชื่อจูเกวยตุง (Chu Kwei-tung) ล้วนรายงานตรงกันว่า ไม่มีหลักฐานการลอบปลงพระชนม์ด้วยยาพิษ

จักรพรรดิกวางสูทรงพระประชวรเรื้อรังจากพระโรคไข้หวัดตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ค.ศ. 1908 ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา จักรพรรดิทรงเจริญพระกระยาหารมาก ได้เสวยผลไม้สุกงอม อันเป็นเหตุให้ประชวรพระนาภีแล้วกลับกลายเป็นโรคบิดจนเสด็จสวรรคตในเวลากลางคืน 20 นาฬิกา ของวันที่ 14 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908”

หมายเหตุ : ปรับย่อหน้าโดยกองบรรณาธิการ

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 10 กรกฎาคม 2567