นโยบายต่อต้านมะเร็งของนาซี ที่จริงจังที่สุดในโลก ท้ายสุดให้ผลลัพธ์อย่างไร?

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นาซีเยอรมัน ผู้นำ เกสตาโป

นโยบายต่อต้านมะเร็งของนาซี นับว่าเฉียบขาดจริงจังที่สุดในโลก ด้วยมาตรการที่มีทั้งการจํากัดจนถึงการห้ามการใช้สิ่งต่างๆ ที่อาจจะก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น ใยหิน, ยาเส้น, สารฆ่าแมลง, สีผสมอาหาร ฯลฯ

อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำนาซีเยอรมัน ออกนโยบายรณรงค์ผ่านสื่อต่างๆ เพื่อเชิญชวนให้ตรวจร่างกายเป็นประจํา, ให้ผู้ชายตรวจหามะเร็งในลําไส้ใหญ่ให้บ่อยเท่ากับการดูแลรักษารถยนต์, รณรงค์ให้เลิกบุหรี่ ฯลฯ โดยเน้นไปที่การป้องกันมากกว่าการบําบัดรักษา เน้นงานวิจัยชีวการแพทย์ที่เชื่อมโยงสู่การรณรงค์สุขอนามัยของประเทศ รวบรวมและวิเคราะห์สถิติหรือแนวคิดระบาดวิทยา เฝ้าสังเกตการณ์ตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกๆ

การต่อต้านการใช้ใยหิน ถือเป็นตัวอย่างที่จริงจังที่สุดในการรณรงค์ต่อต้านโรคร้ายจากการงานอาชีพ การรณรงค์ต่อต้านฝุ่น พุ่งเป้าไปหา “ใยหิน” ว่าเป็นตัวการสําคัญที่ทำให้เกิดโรค ส่งผลให้มีการออกกฎกระทรวงให้มีการสร้างระบบระบายอากาศ และออกมาตรการอื่นๆ ไม่ให้คนงานได้รับใยหิน

ปี 1938 นักวิจัยเยอรมันและออสเตรียพบหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่า ใยหินก่อให้เกิดมะเร็งถึง 12 ประเภท ผลการค้นพบเป็นรากฐานนําไปสู่การวิจัยในวงกว้าง รวมทั้งการทดลอง

ปี 1942 วารสารวิชาการเยอรมัน ยืนยันผลว่า ใยหินเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ขณะนั้นนักวิจัยอเมริกันและอังกฤษยังเชื่อว่าแร่ชนิดนี้ไม่มีพิษภัย ปีถัดมารัฐบาลนาซีลงมติรับหลักการว่าคนงานที่ป่วยจากการได้รับใยหินสมควรจะได้รับเงินชดเชย

นักโภชนาการนาซีระบุว่า อาหารเป็นปัจจัยสำคัญ คนเยอรมันได้รับคําเตือนไม่ให้บริโภคเนื้อรมควัน, เนื้อบรรจุกระป๋อง, อาหารที่มีไขมัน และน้ำตาล แต่ควรจะบริโภคธัญพืช, ผลไม้ และผัก เนื้อหาส่วนใหญ่จากคําแนะนํานี้เป็นเพราะฮิตเลอร์เป็นพวกมังสวิรัติ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่

สถิติของเยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ในกลางศตวรรษที่ 19 ยังระบุว่า การค่อยๆ ลดจำนวนผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารจากระดับสูงสุดในยุคสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นผลจากการบริโภคอาหารใหม่สด และผลจากการขนส่งที่รวดเร็วทําให้อาหารปรุงแต่งลดลงด้วย

ในเยอรมนีช่วงทศวรรษ 1930 เชื่อกันว่า แอลกอฮอล์ทําลายยีนมนุษย์ ทั้งฮิตเลอร์และไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ อีกหนึ่งผู้นำนาซีเยอรมัน ไม่ดื่มสุรา ดังนั้นการรณรงค์ให้ละเลิกสุราจึงได้รับความสําคัญระดับสูงสุด

ฮิมม์เลอร์เชื่อว่า แอลกอฮอล์เป็นยาพิษชั่วร้าย  ส่วนฮิตเลอร์อ้างว่า คนเยอรมันล้มตายจากสุรามากกว่าการเสียชีวิตในสนามรบ การรณรงค์ให้เลิกดื่มสุราจึงยิ่งเข้มข้น ในปี 1933 นาซียังเพิ่มมาตรการ “การตอน” คนติดสุราเรื้อรัง ซึ่งจะถูกจับตัวไปคุมขังในค่ายกักกัน

ส่วนมาตรการต่อต้านบุหรี่อย่างเข้มงวด ที่ปรากฏในยุคปัจจุบัน รัฐบาลนาซีทำมาก่อนแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น การห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ รวมทั้งสํานักงานและห้องพักแขก, การสั่งห้ามโฆษณาบุหรี่, คนขับรถที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างสูบบุหรี่จะมีโทษจำคุก ฯลฯ

รอเบิร์ต พรอกเตอร์ นักประวัติศาสตร์ ให้ความเห็นว่า “น่าอัศจรรย์ใจยิ่งที่นาซีเยอรมันเปิดโปงพิษชั่วร้ายของการสูบบุหรี่ด้วยหลักฐานแน่ชัด ความรู้เชิงระบาดวิทยาของเยอรมนีถึงพิษภัยของบุหรี่ ถือได้ว่าล้ำยุคที่สุดในโลก” 

แต่ในความเป็นจริงพบว่า หลังจากฮิตเลอร์ขึ้นครองอํานาจช่วง 6-7 ปีแรก การบริโภคยาเส้นเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มเป็นสองเท่าระหว่างปี 1933-1940 การบริโภคที่เพิ่มมากขึ้น บ่งบอกถึง “การต่อต้าน” การปกครองของนาซี? หรือว่าเกิดจากความเครียดว่าจะเกิดภัยสงครามในเยอรมนี? ไม่อาจสรุปได้

สุดท้ายใน นโยบายต่อต้านมะเร็งของนาซี ฮิตเลอร์ก็ยังไม่ลืมการต่อต้านยิว

ริชาร์ด ดอลล์ นักระบาดวิทยามะเร็งชาวอังกฤษ ที่มีชื่อเสียงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กล่าวว่า เมื่อครั้งเรียนอยู่ในเยอรมนี เขาได้เห็นการฉายสไลด์เปรียบเทียบคนยิวเหมือนเซลล์มะเร็ง ในขณะที่รังสีเอ็กซ์ที่ฉายปราบเนื้อร้าย เปรียบเสมือนกองทหารนาซีที่กําลังเข้าโจมตีข้าศึก

รัฐบาลนาซีสร้างผลงานโดดเด่นที่สุด ยอมรับว่ามะเร็งเกิดจากสภาพแวดล้อม การงานอาชีพ และวัฒนธรรม แต่บรรดา “ผู้เชี่ยวชาญ” ก็แสดงทัศนะว่า คนยิวคือพาหะมะเร็ง เพราะคนกลุ่มนี้นํายาเส้นเข้ามาสู่เยอรมนีเป็นรายแรกและค้ายาเส้นทั่วโลก 

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง

จอห์น คอร์นเวลล์- เขียน, นภดล เวชสวัสดิ์-แปล, นักวิทยาศาสตร์ของฮิตเลอร์, สำนักพิมพ์มติชน สิงหาคม 2554.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 กรกฎาคม 2567