ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
เรามักคิดถึงพม่าในบทบาทศัตรูที่ทำสงครามกับกรุงศรีอยุธยา แต่ที่จริงความสัมพันธ์ระหว่างกรุงศรีอยุธยา-พม่า ยังมีอีกหลายมิติ ทั้งการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รวมถึงการตั้งรกราก ที่ปรากฏหลักฐาน “ชุมชนชาวพม่า” อยู่ในกรุงศรีอยุธยา
กำพล จำปาพันธ์ นักวิชาการประวัติศาสตร์ เล่าไว้ในหนังสือ “Downtown Ayutthaya ต่างชาติต่างภาษาและโลกาภิวัฒน์แรกในสยาม-อุษาคเนย์” (สำนักพิมพ์มติชน) ว่า
สมัยกรุงศรีอยุธยา การค้ากับพม่าโดยมากจะอยู่บริเวณหัวเมืองชายแดน เช่น ตาก อุทัย กาญจนบุรี ราชบุรี มะริด ตะนาวศรี อาจมีบ้างที่เข้ามาติดต่อถึงกรุงศรีอยุธยา แต่เนื่องจากการค้าของพม่าเน้นลงใต้สู่อ่าวเมาะตะมะ ซึ่งเป็นเส้นทางที่สะดวกและเหมาะสมกว่า ช่วงหลังจึงมีพ่อค้าพม่าเข้ามากรุงศรีอยุธยาไม่มาก ประกอบกับการเข้าไปมีอิทธิพลต่อล้านนา พม่าจึงเข้าไปติดต่อค้าขายกับบ้านเมืองในลุ่มแม่น้ำโขงด้วย
โดยทั่วไปหากพ่อค้าพม่าจะเข้ามาติดต่อค้าขายในกรุงศรีอยุธยา มักแทรกปนมากับพ่อค้าชาวมอญ กะเหรี่ยง เงี้ยวหรือไทใหญ่ และอาศัยเครือข่ายของชาวมอญในการเข้าถึงทรัพยากรของกรุงศรีอยุธยา เพราะความใกล้ชิดทางภาษาและวัฒนธรรม
เป็นไปได้ว่า ในชุมชนมอญที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป ทั้งพื้นที่ในและรอบนอกเกาะเมืองอยุธยา จะมีสมาชิกชุมชนบางส่วนเป็นชาวพม่าหรือเครือญาติของพม่ารวมอยู่ด้วย
ชุมชนชาวพม่า อยู่ที่ไหนในกรุงศรีอยุธยา?
กำพลบอกว่า บันทึกของ เยเรเมียส ฟาน ฟลีต (Jeremias van Vliet) บอกว่า ในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งเป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอยุธยากับพม่าค่อนข้างเลวร้าย พบว่า มีพ่อค้าชาวพม่านำสินค้าต่างๆ จากพะโคและอังวะมาขายในตลาดอยุธยา อาทิ กำยาน กำมะถัน ขี้ผึ้ง อัญมณีต่างๆ เพียงแต่ไม่ปรากฏหลักฐานการตั้งชุมชนชาวพม่าในรัชสมัยนี้
ชุมชนชาวพม่า ในกรุงศรีอยุธยา มาปรากฎหลักฐานในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ซึ่งเป็นยุคปลายกรุงศรีอยุธยาเข้าไปแล้ว
ช่วงนั้นเกิดเหตุการณ์กบฏมอญ นำโดยสมิงทอ ยึดเมืองหงสาวดีได้สำเร็จ นักวารุตองกับมังรายจอสู ผู้นำพม่าที่เมืองเมาะตะมะมีความหวั่นกลัวสมิงทอกับพรรคพวก จึงพาสมัครพรรคพวกราว 300 คน หลบหนีเข้ามายังกรุงศรีอยุธยา ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงพระกรุณารับไว้ โปรดให้ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณ วัดมณเฑียร ตรงริมคลองทางทิศตะวันออกของวังหลัง วัดสวนหลวงสบสวรรย์ (ที่ตั้งของพระเจดีย์สุริโยไทในปัจจุบัน) นักวารุตองกับมังรายจอเป็นกลุ่มพ่อค้า ในครั้งนั้นได้ “พระราชทานตราคุ้มห้ามให้ค้าขาย” ด้วย
ภายหลัง ชุมชนชาวพม่า ขยายไปครอบคลุมพื้นที่ ตลาดวังหลัง และ ตลาดวัดงัวควาย (วัดวัวหรือวัดเขาวัว ใกล้วัดศรีโพธิ์) ซึ่งจาก “คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม: เอกสารจากหอหลวง” พบว่า มีชาวพม่าประกอบอาชีพฆ่าเป็ดไก่ขาย สำหรับนำไปปรุงอาหารอยู่ที่ตลาดวัดงัวควายด้วย
ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ มีชาวพม่าอีกกลุ่มเข้ามาคือ หุยตองจา เจ้าเมืองทวาย โปรดให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ บางปลาสร้อย (ชลบุรี) ไกลจากฝั่งตะวันตกของลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ชาวพม่าคุ้นเคย
เหตุที่ทรงให้ไปตั้งบ้านเรือนไกลถึงเพียงนั้น กำพลสันนิษฐานว่า น่าจะเพราะราชสำนักพระเจ้าเอกทัศน์ไม่ไว้วางใจ เกรงจะเป็นไส้ศึก เพราะเป็นช่วงเวลาที่อยุธยาเริ่มมีเรื่องกระทบกระทั่งกับพม่า ไม่ใช่ช่วงที่มีสัมพันธไมตรีเหมือนอย่างในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
อ่านเพิ่มเติม :
- ไขปริศนาภาพ “ยูเดีย” ภาพกรุงศรีอยุธยาที่เก่าแก่และงดงามสุด
- คลายข้อสงสัย ชาวกรุงศรีอยุธยา “หน้าตา” เป็นอย่างไร?
- “สร้างคอกล้อมวัว” ยุทธวิธีพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตก “ล้อม 10 ปีก็จะล้อมจนกว่าจะได้”
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 30 พฤษภาคม 2567