กษัตริย์ปาคาล แห่ง “มายา” ไม่ได้นั่ง “ยานอวกาศ” มาจากนอกโลก ฤๅล่องเรือสู่โลกหลังความตาย?

กษัตริย์ปาคาล มายา

กษัตริย์ปาคาล แห่ง “มายา” ไม่ได้นั่ง “ยานอวกาศ” มาจากนอกโลก ฤๅล่องเรือสู่โลกหลังความตาย?

ชาวตะวันตกมักมีจินตนาการว่า ชนพื้นเมืองด้อยพัฒนานอกยุโรปไม่น่าจะสามารถสร้างองค์ความรู้ และวิทยาการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้ เมื่อนักสำรวจยุคแรกๆ จากตะวันตกไปพบเห็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตมโหฬารในดินแดนห่างไกล จึงไม่อยากปักใจเชื่อว่า สิ่งก่อสร้างที่พวกเขาเห็นถูกสร้างขึ้นโดยชนพื้นเมืองที่พวกเขาพบเห็น เหมือนเมื่อ อ็องรี มูโอต์ ได้มาเห็น “นครวัด” แล้วกล่าวว่า

“…หนึ่งในหมู่ศาสนสถานที่เราได้เห็น สูงส่งทรงเกียรติเทียบเคียงได้กับโบสถ์วิหารเก่าแก่งดงามที่สุดของทางเรา และยังยิ่งใหญ่อลังการกว่างานสถาปัตยกรรมฝีมือชาวกรีกและโรมันเสียด้วยซ้ำ ทว่าโบราณสถานแห่งนี้แตกต่างออกไปอย่างน่าเศร้า ชวนให้สลดสังเวชใจกับสภาวะป่าเถื่อนที่ดำรงอยู่ในวิถีชีวิตชนรุ่นหลังของประชาชาติผู้ยิ่งใหญ่…”

บางรายไปไกลกว่านั้นเช่น Erich von Däniken นักเขียนชาวสวิสเจ้าของหนังสือ Chariots of the Gods? (ราชรถแห่งพระเจ้า?) ซึ่งอ้างว่า อารยธรรมก้าวหน้าที่มาก่อนกาล เป็นฝีมือของ “มนุษย์ต่างดาว” หรือมนุษย์โลกที่ได้รับองค์ความรู้มาจากเอเลี่ยน (แล้ว “พระเจ้า” ในสายตาของ Däniken ก็เป็นมนุษย์ต่างดาวด้วย โดยอ้างอิงจากจินตนาการของมนุษย์ที่เชื่อว่า พระเจ้าลงมาจากท้องฟ้า)

หนึ่งในหลักฐานที่ Däniken ยกขึ้นอ้างคือ ภาพสลักบนฝาหีบศพที่สุสานของ กษัตริย์ปาคาล (Pakal) ในวิหารแห่งจารึก (Temple of Inscriptions) เมืองปาเลงเก (Palenque) ประเทศเม็กซิโก ซึ่ง Däniken กล่าวว่าเป็นภาพของเทพ Kukumatz (ขณะที่นักโบราณคดีเชื่อว่าเป็นภาพของกษัตริย์ปาคาลเอง) อยู่ในท่าโน้มตัวไปข้างหน้าราวกับนักแข่งมอเตอร์ไซค์ พร้อมอ้างว่า “วันนี้เด็กคนไหนได้มาเห็นคงบอกว่าพาหนะของพระองค์คือจรวด”

แน่นอนว่านักประวัติศาสตร์และโบราณคดีกระแสหลักมองว่า คำอธิบายของ Däniken เป็นแค่ “โบราณคดีเทียม” แต่หลายคนยังรับฟัง และอยากให้ข้ออ้างของเขาเป็นจริง ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะใครๆ คงอยากเห็น และอยากให้เจอหลักฐานยืนยันว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง

วิหารแห่งจารึก ในเขตโบราณสถานแห่งปาเลงเก (AFP PHOTO / INAH)
วิหารแห่งจารึก ในเขตโบราณสถานแห่งปาเลงเก (AFP PHOTO / INAH)

ที่ผู้เขียนเล่าเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 มีรายงานว่าด้วยการค้นพบ “อุโมงค์ส่งน้ำ” ใต้วิหารแห่งจารึก พีระมิดของ มายา และที่ฝังศพของ “กษัตริย์ปาคาล” ซึ่งนักโบราณคดีได้ยืนยันอีกครั้งว่า กษัตริย์พระองค์นี้มิได้นั่งยานอวกาศมาจากนอกโลกอย่างบางคนเข้าใจกัน

ภาพจาก INAH (สถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติ) แสดงภาพนักโบราณคดีขณะทำงานบริเวณปากทางเข้าแห่งหนึ่งของทางน้ำที่เพิ่งถูกพบ (AFP PHOTO / INAH)
ภาพจาก INAH (สถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติ) แสดงภาพนักโบราณคดีขณะทำงานบริเวณปากทางเข้าแห่งหนึ่งของทางน้ำที่เพิ่งถูกพบ (AFP PHOTO / INAH)

รายงานของเดอะการ์เดียนกล่าวว่า นักวิจัยเชื่อว่าสุสานและพีระมิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเหนือน้ำพุเมื่อราว ค.ศ. 683-702 (พ.ศ. 1226-1245) โดยอุโมงค์ใต้พีระมิดได้ส่งน้ำจากใต้ห้องเก็บศพออกไปยังลานกว้างหน้าวิหาร และยังเป็นเส้นทางนำวิญญาณกษัตริย์ปาคาลสู่โลกหลังความตาย

อาร์นอลโด กอนซาเลซ (Arnoldo Gonzalez) นักโบราณคดีผู้นำการขุดสำรวจในครั้งนี้กล่าวว่า จารึกที่พบในสุสานแห่งนี้กล่าวว่า พระเจ้า “จะนำทางผู้เสียชีวิตสู่โลกหลังความตายโดยทำให้ [ผู้ตาย] จมลงสู่ใต้น้ำ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับการรับรองที่นั่น”

“มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับยานอวกาศเลย” กอนซาเลซ กล่าว

ซานเชส นาบา (Sanchez Nava) ผู้อำนวยการด้านโบราณคดีแห่งสถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติของเม็กซิโก กล่าวว่า ทฤษฎีของกอนซาเลซถือว่าสมเหตุสมผล เพราะที่โบราณสถานอีกแห่งใน Teotihuacan ใกล้กับเม็กซิโกซิตี ก็พบอุโมงค์ส่งน้ำคล้ายๆ กัน และกลุ่มอารยธรรมก่อนยุคโคลัมบัสก็มีคติเกี่ยวกับน้ำว่าเป็นทั้ง “จุดเริ่มต้นของวัฏจักรชีวิตจนถึงจุดจบ”

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2559