กษัตริย์ “มายา” ไม่ได้นั่ง “ยานอวกาศ” มาจากนอกโลก ฤๅล่องเรือสู่โลกหลังความตาย?

ลายเส้นลอกแบบจากภาพสลักในฝาหีบโลงของกษัตริย์ปาคาล โดย Madman2001, via Wikimedia Commons

ชาวตะวันตกมักมีจินตนาการว่า ชนพื้นเมืองด้อยพัฒนานอกยุโรปไม่น่าจะสามารถสร้างองค์ความรู้ และวิทยาการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้เมื่อนักสำรวจยุคแรกๆ จากตะวันตกไปพบเห็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตมโหฬารในดินแดนห่างไกลจึงไม่อยากปักใจเชื่อว่า สิ่งก่อสร้างที่พวกเขาเห็นถูกสร้างขึ้นโดยชนพื้นเมืองที่พวกเขาพบเห็น เหมือนเมื่ออ็องรี มูโอต์ได้มาเห็นนครวัดแล้วกล่าวว่า

“…หนึ่งในหมู่ศาสนสถานที่เราได้เห็น สูงส่งทรงเกียรติเทียบเคียงได้กับโบสถ์วิหารเก่าแก่งดงามที่สุดของทางเรา และยังยิ่งใหญ่อลังการกว่างานสถาปัตยกรรมฝีมือชาวกรีกและโรมันเสียด้วยซ้ำ ทว่าโบราณสถานแห่งนี้แตกต่างออกไปอย่างน่าเศร้า ชวนให้สลดสังเวชใจกับสภาวะป่าเถื่อนที่ดำรงอยู่ในวิถีชีวิตชนรุ่นหลังของประชาชาติผู้ยิ่งใหญ่…”

บางรายไปไกลกว่านั้นเช่น Erich von Däniken นักเขียนชาวสวิสเจ้าของหนังสือ Chariots of the Gods? (ราชรถแห่งพระเจ้า?) ซึ่งอ้างว่า อารยธรรมก้าวหน้าที่มาก่อนกาลเป็นฝีมือของ “มนุษย์ต่างดาว” หรือมนุษย์โลกที่ได้รับองค์ความรู้มาจากเอเลี่ยน (แล้ว “พระเจ้า” ในสายตาของ Däniken ก็เป็นมนุษย์ต่างดาวด้วย โดยอ้างอิงจากจินตนาการของมนุษย์ที่เชื่อว่า พระเจ้าลงมาจากท้องฟ้า)

หนึ่งในหลักฐานที่ Däniken ยกขึ้นอ้างคือภาพสลักบนฝาหีบศพที่สุสานของกษัตริย์ปาคาล (Pakal) ในวิหารแห่งจารึก (Temple of Inscriptions) เมืองปาเลงเก (Palenque) ประเทศเม็กซิโก ซึ่ง Däniken กล่าวว่าเป็นภาพของเทพ Kukumatz (ขณะที่นักโบราณคดีเชื่อว่าเป็นภาพของกษัตริย์ปาคาลเอง) อยู่ในท่าโน้มตัวไปข้างหน้าราวกับนักแข่งมอเตอร์ไซค์ พร้อมอ้างว่า “วันนี้เด็กคนไหนได้มาเห็นคงบอกว่าพาหนะของพระองค์คือจรวด”

แน่นอนว่านักประวัติศาสตร์และโบราณคดีกระแสหลักมองว่าคำอธิบายของ Däniken เป็นแค่ “โบราณคดีเทียม” แต่หลายคนยังรับฟังและอยากให้ข้ออ้างของเขาเป็นจริง ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะใครๆ คงอยากเห็นและอยากให้เจอหลักฐานยืนยันว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง

วิหารแห่งจารึก ในเขตโบราณสถานแห่งปาเลงเก (AFP PHOTO / INAH)
วิหารแห่งจารึก ในเขตโบราณสถานแห่งปาเลงเก (AFP PHOTO / INAH)

ที่ผู้เขียนเล่าเรื่องนี้ขึ้นมาก็เพราะว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2559 ได้มีรายงานว่าด้วยการค้นพบ “อุโมงค์ส่งน้ำ” ใต้วิหารแห่งจารึก พีระมิดของมายา และที่ฝังศพของกษัตริย์ปาคาล ซึ่งนักโบราณคดีได้ยืนยันอีกครั้งว่า กษัตริย์พระองค์นี้มิได้นั่งยานอวกาศมาจากนอกโลกอย่างบางคนเข้าใจกัน

ภาพจาก INAH (สถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติ) แสดงภาพนักโบราณคดีขณะทำงานบริเวณปากทางเข้าแห่งหนึ่งของทางน้ำที่เพิ่งถูกพบ (AFP PHOTO / INAH)
ภาพจาก INAH (สถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติ) แสดงภาพนักโบราณคดีขณะทำงานบริเวณปากทางเข้าแห่งหนึ่งของทางน้ำที่เพิ่งถูกพบ (AFP PHOTO / INAH)

รายงานของเดอะการ์เดียนกล่าวว่า นักวิจัยเชื่อว่าสุสานและพีระมิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเหนือน้ำพุเมื่อราว ค.ศ. 683-702 (พ.ศ. 1226-1245) โดยอุโมงค์ใต้พีระมิดได้ส่งน้ำจากใต้ห้องเก็บศพออกไปยังลานกว้างหน้าวิหาร และยังเป็นเส้นทางนำวิญญาณกษัตริย์ปาคาลสู่โลกหลังความตาย

อาร์นอลโด กอนซาเลซ (Arnoldo Gonzalez) นักโบราณคดีผู้นำการขุดสำรวจในครั้งนี้กล่าวว่า จารึกที่พบในสุสานแห่งนี้กล่าวว่า พระเจ้า “จะนำทางผู้เสียชีวิตสู่โลกหลังความตายโดยทำให้ [ผู้ตาย] จมลงสู่ใต้น้ำ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับการรับรองที่นั่น”

“มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับยานอวกาศเลย” กอนซาเลซ กล่าว

ซานเชส นาบา (Sanchez Nava) ผู้อำนวยการด้านโบราณคดีแห่งสถาบันมานุษยวิทยาและประวัติศาสตร์แห่งชาติของเม็กซิโก กล่าวว่า ทฤษฎีของกอนซาเลส ถือว่าสมเหตุสมผล เพราะที่โบราณสถานอีกแห่งใน Teotihuacan ใกล้กับเม็กซิโกซิตี ก็พบอุโมงค์ส่งน้ำคล้ายๆ กัน และกลุ่มอารยธรรมก่อนยุคโคลัมบัสก็มีคติเกี่ยวกับน้ำว่าเป็นทั้ง “จุดเริ่มต้นของวัฏจักรชีวิตจนถึงจุดจบ”

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 พฤศจิกายน 2559