ผู้เขียน | ธนกฤต ก้องเวหา |
---|---|
เผยแพร่ |
ลา คาเตดรัล (La Catedral) คือ “คุกส่วนตัว” ของ ปาโบล เอสโกบาร์ (Pablo Escobar) เจ้าพ่อวงการค้ายาเสพติดแห่งโคลอมเบีย ซึ่งก่อนจะมาอยู่ในเรือนจำแห่งนี้ ชื่อเสียงของเอสโกบาร์ขจรไกลไปทั่ว เขาคือผู้มากด้วยอำนาจเงินตราและบารมี แต่เมื่อรัฐบาลโคลอมเบียต้องการให้เขาเป็นนักโทษ เอสโกบาร์จึงตัดรำคาญด้วยการสร้างคุกหรูไม่ต่างจากโรงแรม 5 ดาว เพื่อเป็นทัณฑสถานของตนเองโดยเฉพาะ!
ครั้งหนึ่ง ปาโบล เอสโกบาร์ คือผู้ทรงอิทธิพลมากที่ในสุดคนหนึ่งของโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส (Forbes) เขาคือมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินมูลค่าถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปี 1989 เครือข่ายของเอสโกบาร์ลำเลียงโคเคนวันละกว่า 50-80 ตัน ไปทำรายได้และมอมเมาคนทั่วโลก นี่คือที่มาของความมั่งคั่งและอำนาจคับวงการยาเสพติดโลกของเอสโกบาร์
ด้วยความร่ำรวย อำนาจต่อรองมหาศาล และอิทธิพลในตลาดมืดยาเสพติด ทำให้เอสโกบาร์ถูกขนานนามว่า “ราชาแห่งโคเคน”
แต่เมื่อสหรัฐอเมริกาในสมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) ประกาศสงครามกับยาเสพติด เอสโกบาร์กลายเป็นหนึ่งในอาชญากรที่ทางการสหรัฐฯ ต้องจัดการ มีความพยายามกดดันรัฐบาลโคลอมเบียให้ส่งตัวเอสโกบาร์ไปยังสหรัฐฯ แต่เขามิได้หวั่นเกรงต่อสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งลั่นวาจาว่า “ข้ายอมตายคาหลุมศพในโคลอมเบีย ดีกว่าไปอยู่ในห้องขังสหรัฐอเมริกา”
แม้เอสโกบาร์จะช่วยรัฐบาลโคลอมเบียปลดหนี้สินต่าง ๆ มูลค่ากว่าหมื่นล้าน แต่รัฐบาลยืนยันว่าเขาต้องเข้าเรือนจำ เพราะนานาชาติโดยเฉพาะสหรัฐฯ หมายหัวเขาอยู่ ตัวเอสโกบาร์เองเบื่อหน่ายการหลบ ๆ ซ่อน ๆ เช่นกัน ราชาแห่งโคเคนจึงสร้างคุกชื่อ “ลา คาเตดรัล” ทัณฑสถานที่พร้อมพรั่งด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเท่าที่เราจะนึกออก มันไม่ต่างจากวิลล่าหรูแห่งหนึ่ง อยู่ท่ามกลางเนินเขาโล่งติดภูเขาเขียวขจี มีแม้กระทั่งสวนหย่อม สนามฟุตบอล และสระว่ายน้ำ
ที่เอสโกบาร์สามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะโคลอมเบียเต็มไปด้วยนักการเมืองฉ้อฉลและตำรวจที่พร้อมจะรับสินบนจากอำนาจเถื่อน เจ้าหน้าที่รัฐตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับสูงจำนวนมากถูกเอสโกบาร์ “ซื้อตัว” แม้จะมีบางคนไม่ยอม ราชาแห่งโคเคนก็มีวิธี “จัดการ” พวกเขาให้หายไป
จะเห็นว่าการโค่นเอสโกบาร์ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ รัฐบาลโคลอมเบียจึงยินยอมให้เขาอยู่ในลา คาเตดรัล “คุกส่วนตัว” ใกล้บ้านเกิดของเขา ด้วยคำตัดสินจำคุก 5 ปี ตั้งแต่ปี 1991
ที่ลา คาเตดรัล เอสโกบาร์อยู่ในระบบการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง กำแพงเรือนจำมีระบบไฟฟ้า การป้องแน่นหนา แต่ภายในไม่มีกฎใด ๆ สำหรับควบคุมนักโทษอย่างเอสโกบาร์เลย เพราะเจ้าหน้าที่คือคนที่เอสโกบาร์เลือกให้เป็นผู้ดูแลเรือนจำแห่งนี้เอง ดังนั้น พวกเขาไม่ได้คอยจับตาไม่ให้เอสโกบาร์หลบหนี แต่คอยดูแลไม่ให้มีผู้บุกรุกเสียมากกว่า มีคนแวะเวียนมาหาเขาเรื่อย ๆ ทั้งคนในครอบครัว บริวาร คนสนิท เครือข่ายของเขา ตลอดจนโสเภณีผู้มามอบความบันเทิงให้คนข้างในลา คาเตดรัล ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากิจการค้าโคเคนของเขายังคงดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ตาม 13 เดือนหลังเอสโกบาร์อาศัยอยู่ในคุกสุดหรูของเขา แรงกดดันจากนานาชาติบีบให้ทางการโคลอมเบียต้องส่งเอสโกบาร์ให้รัฐบาลสหรัฐฯ แต่เขาหลบหนีไปได้ระหว่างการส่งตัวที่สนามบิน จึงโดนทางการตามล่าตัวก่อนจะถูกรัวกระสุนใส่และตายอย่างน่าอนาถในวันที่ 2 ธันวาคม ปี 1993 หลังวันเกิดครบรอบ 44 ปี ของเขาเพียงวันเดียว ปิดตำนานราชาแห่งโคเคนผู้มีคุกหรูส่วนตัว…
ชมวิดีโอภายใน ลา คาเตดรัล หลังการจากไปของเอสโกบาร์ :
อ่านเพิ่มเติม :
- ชีวิตส่วนตัวเจ้าสุภานุวงศ์ ผู้นำปฏิวัติแห่งลาว ความทรงจำ 300 วันในคุกโพนเค็งสู่การหลบหนี
- ห้องขัง “อัล คาโปน” มาเฟียผู้มากอิทธิพลในอดีตไม่หรูแบบที่คิด เรือนจำชำระความเข้าใจใหม่
- อาหารนักโทษคดีกบฏบวรเดช ติดคุกบางขวาง (บางคน) ช่วงหนึ่งมีหูฉลาม-ของจากโรงแรม
อ้างอิง :
http://airshipdaily.com/catedral
https://allthatsinteresting.com/la-catedral
https://www.thepeople.co/read/history/33289
https://historyofyesterday.com/la-catedral-the-prison-pablo-escobar-built-for-himself/#google_vignette
https://www.independent.co.uk/news/people/obituary-pablo-escobar-1465149.html?fbclid=IwAR1to6-GXLjImBy1MgYLcIqsu8D0y9T63gynrUovEhjWRsJS3vHz14oMXjc
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 23 สิงหาคม 2566