“แมนสัน แฟมิลี่” ลัทธิสุดคลั่ง ต้านคนผิวดำ สั่นสะเทือนฮอลลีวูด

ชาร์ล แมนสัน ขณะถูกจับกุมในปี 1969 (เครดิตภาพจาก Wikimedia)

ช่วงทศวรรษ 1960 สังคมอเมริกันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล เกิดการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิของกลุ่มคนชั้นล่าง กลุ่มคนผิวดำ กลุ่มสิทธิสตรี การเดินขบวนประท้วงการทำสงครามในเวียดนาม ฯลฯ แต่ท่ามกลางขบวนการภาคประชาสังคมที่เบ่งบานเต็มที่ มีเป้าหมายทำให้สังคมดีขึ้น กลับมีขบวนการที่เป็นปฏิกิริยาต่อการเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือ ลัทธิ แมนสัน แฟมิลี่ (Manson Family)

ยุคนั้นมีขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมืองของคนผิวดำ นำโดย มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ (Martin Luthor King Jr.) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มคนผิวดำและคนผิวขาวในประเทศจำนวนมาก แต่ก็มีกลุ่มคนไม่น้อยโดยเฉพาะพวกอนุรักษนิยมขวาจัดที่ต่อต้านการเรียกร้องดังกล่าว

กลุ่มหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่า “สุดโต่ง” และมีการกระทำเป็นที่โจษจันของสังคมอเมริกันคือ แมนสัน แฟมิลี่ ซึ่งมี ชาร์ล แมนสัน (Charles Manson) เป็นผู้นำกลุ่ม

แนวคิดของกลุ่มมีลักษณะชาตินิยมขวาจัด ต่อต้านกลุ่มคนผิวดำ พวกเขาเชื่อว่าในอนาคตโลกจะเกิดสงครามระหว่างคนผิวดำกับผิวขาว ซึ่งสุดท้ายแล้วคนผิวดำจะเป็นฝ่ายชนะ แต่เพราะความโง่และความไร้สามารถของคนผิวดำ ตามแนวคิดเหยียดผิวของกลุ่ม จะทำให้คนผิวดำปกครองตัวเองไม่ได้ และแมนสัน แฟมิลี่ ซึ่งเป็นสายเลือดผิวขาวบริสุทธิ์ที่เหลือรอดจากสงคราม จะขึ้นมาเป็นผู้ปกครองโลกและสร้างโลกในอุดมคติขึ้นมาใหม่

ฟังดูแล้วอาจเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่กลับมีคนเป็นจำนวนมากที่เชื่อ ทำให้ลัทธิแมนสัน แฟมิลี่ ที่ก่อตั้งใน ค.ศ. 1967 มีคนทยอยเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มถึง 100 คน ภายในเวลาไม่นานนัก

แมนสันเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านวาทศิลป์ เขาใช้บทเพลง Helter Skelter ของวงดนตรีร็อกชื่อดังจากอังกฤษอย่าง เดอะ บีเทิลส์ (The Beatles) ในปี 1968 มาตีความใหม่ บอกกับคนในกลุ่มว่าสงครามสีผิวกำลังใกล้เข้ามาทุกที เมื่อสงครามเกิดขึ้นก็จะหลบหนีลงใต้ดิน และเดินทางไปยังเมืองทองคำที่ตั้งอยู่ ณ หุบเขามรณะ ซึ่งสมาชิกก็เชื่ออย่างไร้ข้อกังขา ด้วยทักษะการชักจูงใจคนของแมนสันนี้เอง ทำให้กลุ่มยิ่งมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อได้สมาชิกในระดับที่น่าพอใจแล้ว แมนสัน แฟมิลี่ ก็วางแผนก่ออาชญากรรมโดยใช้คนขาวเป็นเหยื่อ และโยนความผิดให้คนผิวดำ เพื่อจะได้เร่งความขัดแย้งให้รุนแรงขึ้น จะได้นำสู่สงครามระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์

จากนั้น แมนสัน แฟมิลี่ ก็เริ่มหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

พวกเขาเล็งเป้าหมายไปที่ ชารอน เทต (Sharon Tate) ดาราสาวชื่อดังของฮอลลีวูด เธอประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงานและความรัก สามีของเทตคือ โรมัน โปลันสกี (Roman Polanski) ผู้กำกับชื่อดัง แถมเทตก็ตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน และมีกำหนดคลอดในไม่ช้า

กลางดึกคืนวันที่ 8 สิงหาคม ปี 1969 ขณะที่เทตและเพื่อน ๆ อีก 5 คน กำลังหลับหลังจากงานปาร์ตี้จบลง แมนสันและลูกน้องอีก 4 คน คือ ซูซาน แอตกินส์ (Susan Atkins) แพทริเซีย เครนวิงเคล (Patricia Krenwinkel) เท็กซ์ วัตสัน (Tex Watson) และ ลินดา คาซาเบียน (Linda Kasabian) ได้บุกเข้าไปในบ้านและฆ่าทั้ง 6 คนจนเสียชีวิต เฉพาะเทตนั้นมีบาดแผลจากการถูกแทงถึง 16 แผล

ข่าวการฆาตกรรมสั่นสะเทือนสังคมอเมริกันอย่างหนัก แต่แมนสันยังไม่หยุด เขานำสมาชิกกลุ่มก่อเหตุอีกครั้ง ผู้โชคร้ายครั้งนี้ คือ เลโน-โรสแมรี่ เบียนก้า (Leno-Rosemary Bianca) สองสามีภรรยาผู้มั่งคั่ง เจ้าของกิจการซูเปอร์มาร์เก็ต

คืนวันที่ 10 สิงหาคม ปี 1969 แมนสันและสมาชิกลัทธิบุกเข้าไปในบ้าน และสังหารเหยื่ออย่างทารุณ สภาพศพของสองสามีภรรยาถูกแทงนับไม่ถ้วน และมีรอยถูกสายไฟรัดคอ

คดีฆาตกรรมที่เกิดห่างกันเพียง 2 วัน สร้างความหวาดกลัวไปทั่วลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นเมืองเกิดเหตุ ประชาชนกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวฆาตกรมาดำเนินคดีให้ได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกตำรวจต่างทำงานด้วยความยากลำบาก เพราะไม่มีเบาะแสคนร้ายเลย

ทว่าภายหลัง สมาชิกกลุ่มแมนสัน แฟมิลี่ ที่ก่อเหตุก็ถูกจับกุม เพราะสมาชิกกลุ่มคนหนึ่งโดนจับข้อหาลักขโมย และเผลอหลุดปากพูดเรื่องคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยิน นำสู่การสืบพยานหลักฐานเพิ่มเติม จนสามารถขยายผลจับกุมตัวฆาตกรทั้งหมดในวันที่ 2 ธันวาคม ปี 1969

จำเลยทั้งหมดถูกตัดสินให้ประหารชีวิตในวันที่ 19 เมษายน ปี 1971 อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ 1972 ศาลตัดสินให้ลดหย่อนโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะต้นปีนั้นศาลรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ดำเนินการพิจารณาคดีดังกล่าวได้ออกกฏหมายยกเลิกโทษประหารชีวิต

สมาชิกกลุ่มแมนสัน แฟมิลี่ ที่ก่อคดีฆาตกรรมทั้ง 2 คดี ถูกตัดสินจำคุกมาถึงปัจจุบัน ส่วนแมนสันได้ยื่นคำร้องขอทัณฑ์บนถึง 12 ครั้ง และถูกปฏิเสธทั้ง 12 ครั้ง เขาเสียชีวิตในวันที่ 19 พฤศจิกายน ปี 2017 ขณะอายุ 83 ปี ปิดฉาก “แมนสัน แฟมิลี่” ลัทธิที่เคยสร้างความสะพรึงกลัวให้กับสังคมอเมริกัน

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

https://www.crimemuseum.org/crime-library/famous-murders/charles-manson-and-the-manson-family/

https://time.com/5633973/last-manson-interview/

https://www.britannica.com/question/When-were-the-Tate-murderers-caught

https://www.biography.com/crime/charles-manson

https://www.rollingstone.com/culture/culture-features/manson-murders-once-upon-time-hollywood-tarantino-ending-868192/


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 มีนาคม 2566