ผู้เขียน | สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ตำนานยักษ์วัดโพธิ์ ตัวจริงอยู่ที่ไหน?
ยักษ์วัดโพธิ์ ในตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ ยักษ์วัดแจ้ง ซึ่งฝ่ายหลังคือทศกัณฐ์และสหัสเดชะ ที่ยืนประจำการอยู่ที่ซุ้มประตูยอดมงกุฎหน้าพระอุโบสถ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร (วัดแจ้ง) แต่ยักษ์วัดโพธิ์ตัวจริงอยู่ที่ไหน ใช่ “ลั่นถัน” ตุ๊กตาจีนตัวใหญ่ที่อยู่ในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) หรือไม่?
วัดโพธิ์ จุดกำเนิดของตำนานยักษ์วัดโพธิ์ เป็นวัดสำคัญบนเกาะรัตนโกสินทร์ มีอายุตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าในรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา ระหว่าง พ.ศ. 2231-2246 เป็นวัดที่ราษฎรสร้างขึ้นโดยไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้าง เดิมชื่อวัดโพธาราม ชาวบ้านจึงเรียกติดปากว่าวัดโพธิ์
ต่อมาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีการบูรณปฏิสังขรณ์ใหญ่ 2 ครั้ง ครั้งแรกในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ใช้เวลา 7 ปี 5 เดือน 28 วัน และอีกครั้งในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คราวนี้ใช้เวลายาวนาน 16 ปี 7 เดือน
นอกจากวิหารพระนอน พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล วัดโพธิ์ยังมีตำรับตำราการแพทย์ วรรณคดี องค์ความรู้ต่าง ๆ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ รวมทั้งมียักษ์วัดโพธิ์ ที่หลายคนอาจสงสัยว่าอยู่ตรงไหน?
ตามตำนานยักษ์วัดโพธิ์เป็นเพื่อนกับยักษ์วัดแจ้ง วันหนึ่งยักษ์วัดโพธิ์ข้ามฝั่งไปขอยืมเงินจากยักษ์วัดแจ้ง แต่เมื่อยืมแล้วกลับไม่คืนเสียที ยักษ์วัดแจ้งจึงโมโห ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันจนต้นไม้ล้มระเนระนาด พื้นที่ตรงนั้นเสียหายราบเป็นหน้ากลอง เป็นที่มาของชื่อ “ท่าเตียน”
เมื่อพระอิศวรทรงทราบเหตุวิวาทที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนเสียหาย จึงลงโทษยักษ์ทั้งสองฝ่ายให้กลายเป็นหิน ยักษ์วัดโพธิ์เฝ้าพระอุโบสถ ส่วนยักษ์วัดแจ้งเฝ้าพระวิหาร นับแต่นั้นยักษ์ทั้งสองฝั่งก็ไม่ทะเลาะกันอีกเลย
ส่วนยักษ์วัดโพธิ์ที่ไม่ใช่ตำนาน เมื่อครั้งรัชกาลที่ 3 ทรงโปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์วัด พระองค์ทรงให้ช่างหล่อรูปยักษ์ ความสูงประมาณ 175 เซนติเมตร จำนวน 8 ตน มีหลักฐานปรากฏในสำเนาจารึกแผ่นศิลาว่าด้วยการปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์สมัยรัชกาลที่ 3 ว่า “แลกำแพงนั้นประกอบด้วยสิลาเขียวแผ่นใหญ่มีประตูซุ้มสามยอดไว้รูปอสูรหล่อด้วยสังกะสีผสมดีบุกสูงสามศอกคืบยืนกุมตระบองอยู่ในช่องซุ้มสองข้างประตูละสองรูปเหมือนกันทั้งสี่ประตูสี่ด้านเป็นรูปอสูรแปดรูป”
ยักษ์วัดโพธิ์ทั้ง 8 ตน อยู่ที่ซุ้มประตูทางเข้าหอไตรจตุรมุข (พระมณฑป) 4 ด้าน ด้านละ 1 คู่ ได้แก่
ทศกัณฐ์กับสหัสเดชะ อยู่ประตูทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
อินทรชิตกับสุริยภพ อยู่ประตูทิศตะวันออกเฉียงใต้
พญาขรกับสัทธาสูร อยู่ประตูทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
มัยราพณ์กับแสงอาทิตย์ อยู่ประตูทิศตะวันตกเฉียงใต้
เมื่อทำระเบียงพระมหาเจดีย์ในรัชกาลที่ 4 มีการรื้อซุ้มประตูออก 2 ด้าน คือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันจึงหลงเหลือ “ยักษ์วัดโพธิ์” ให้ดู 2 คู่ คือ พญาขร (ผิวกายสีเขียว) กับ สัทธาสูร (ผิวกายสีหงเสน คือสีแดงเสนผสมสีขาว) และ มัยราพณ์ (ผิวกายสีม่วงอ่อน) กับ แสงอาทิตย์ (ผิวกายสีแดงชาด)
ภาพ : วรวิทย์ พานิชนันท์
อ่านเพิ่มเติม :
- รัชกาลที่ 3 ทรงพระประชวรเมื่อเจดีย์ที่วัดโพธิ์ เกิดเอียง
- วัดโพธิ์ เริ่มบทบาทเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่
- ลบภาพลายรดน้ำ สมัยรัชกาลที่ 3 ที่วัดโพธิ์ ?!?
อ้างอิง :
พระครูปลัดสุวัฒนสุตคุณ (กมล โกวิโท ป.ธ. 6). ย่อประวัติวัดพระเชตุพน พระพุทธรูปสำคัญ. มูลนิธิ “ทุนพระพุทธยอดฟ้า” ในพระบรมราชูปถัมภ์. พิมพ์ครั้งที่ 10 พ.ศ. 2556.
“พญาขร” เข้าถึงเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 จาก https://www.watpho.com/th/architecture/detail/649
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2566