ผู้เขียน | เด็กชายผักอีเลิด |
---|---|
เผยแพร่ |
วัน “นักขัตฤกษ์” (Public Holiday, Festivity) คือวันหยุดราชการที่ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์สากลอย่างวันเสาร์-อาทิตย์ หรือ Weekend วันนักขัตฤกษ์นั้นถือเป็นวันหยุดพักผ่อนตามปฏิทิน บ้างเป็นวันสำคัญทางศาสนา เทศกาล งานประเพณี หรือวันเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือเป็นวันหยุดตามกฎหมาย ไม่มีการทำงาน ทั้งนี้การกำหนดวันหยุดนักขัตฤกษ์ของแต่ละปีจะผ่านความเห็นชอบและการประกาศจากคณะรัฐมนตรี
นักขัตฤกษ์ คืออะไร
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ให้ความหมายของคำว่า “นักขัตฤกษ์” ดังนี้
นักขัตฤกษ์ (น.) ฤกษ์ที่ขึ้นกับการโคจรของดวงดาวในสุริยจักรวาล คือ ดาวนพเคราะห์ ว่าผ่านดาวนักษัตรหมู่ใดหมู่หนึ่งใน 27 หมู่, เรียกงานที่จัดขึ้นตามนักขัตฤกษ์ว่า งานนักขัตฤกษ์, เรียกวันที่มีงานนักขัตฤกษ์ว่า วันนักขัตฤกษ์
ทั้งนี้ นักขัตฤกษ์ เป็นคำสมาสที่ประกอบด้วยแม่คำ ได้แก่ “นักขัต-” [นักขัด, นักขัดตะ-] (น.) ดาว, ดาวฤกษ์ และ “ฤกษ์” [เริก] (น.) คราวหรือเวลาที่กำหนดหรือคาดว่าจะให้ผล เช่น ฤกษ์ดี ฤกษ์ร้าย, มักนิยมใช้ในทางดี เช่น หาฤกษ์แต่งงาน หาฤกษ์ยกเสาเอก ฯลฯ
วันนักขัตฤกษ์ จึงหมายถึง “วันมงคล” หรือ “วันฤกษ์งามยามดี” ที่กำหนดจากการคํานวน “ฤกษ์” (คราว/เวลา) จากการโคจรของดวงดาวในระบบสุริยจักรวาล (รวมถึงดวงจันทร์) ผ่าน “ดาวฤกษ์” อันเป็นดาวนักษัตรหมู่ใดหมู่หนึ่งใน 27 หมู่
รู้จักหมู่ดาวนักขัตฤกษ์
โดยหมู่ดาวนักษัตรข้างต้น เรียกว่าหมู่ดาวนักขัตฤกษ์ 27 หมู่ ตามตำราโหราศาสตร์ไทยซึ่งตกทอดมาจากคัมภีร์พระเวทของอินเดียอีกทอดหนึ่ง หมู่ดาวต่าง ๆ ประกอบด้วย
1. อัศวินี, อัสสนี (ดาวม้า ดาวคอม้า ดาวคู่ม้า หรือ ดาวอัศวยุช) มี 7 ดวง
2. ภรณี (ดาวก้อนเส้า) มี 3 ดวง
3. กฤติกา, กฤตติกา, กัตติกา (ดาวธงสามเหลี่ยม หรือ ดาวลูกไก่) มี 8 ดวง
4. โรหิณี (ดาวพราหมี ดาวปลาตะเพียน หรือ ดาวคางหมู) มี 7 ดวง
5. มฤคศิระ, มฤคเศียร, มิคสิระ (ดาวหัวเต่า ดาวหัวเนื้อ ดาวศีรษะเนื้อ ดาวศีรษะโค ดาวมฤคศิรัส หรือ ดาวอาครหายณี) มี 3 ดวง
6. อารทรา (ดาวอัททา ดาวตัวโค หรือ ดาวตาสำเภา) มี 1 ดวง
7. ปุนัพสุ, ปุนัพพสู (ดาวหัวสำเภา ดาวสำเภาทอง ดาวสะเภา ดาวยามเกา หรือ ดาวตาเรือชัย) มี 3 ดวง
8. บุษยะ, บุษย์, ปุษยะ, ปุสสะ (ดาวปุยฝ้าย ดาวพวงดอกไม้ ดาวดอกบัว ดาวโลง ดาวปู ดาวสมอสำเภา หรือ ดาวสิธยะ) มี 5 ดวง
9. อาศเลษา, อสิเลสะ (ดาวเรือน หรือ ดาวนกอยู่ในปล่อง) มี 5 ดวง
10. มฆะ, มฆา, มาฆะ (ดาวโคมูตร ดาววานร ดาวงอนไถ หรือ ดาวงูผู้) มี 5 ดวง
11. บุรพผลคุนี, ปุรพผลคุนี, ปุพพผลคุนี (ดาววัวตัวผู้ หรือ ดาวงูเมีย) มี 2 ดวง
12. อุตรผลคุนี, อุตตรผลคุนี (ดาวเพดาน หรือ ดาววัวตัวเมีย) มี 2 ดวง
13. หัสต, หัสตะ, หัฏฐะ (ดาวศอกคู้ หรือ ดาวศีรษะช้าง) มี 5 ดวง
14. จิตระ, จิตรา (ดาวต่อมนํ้า ดาวไต้ไฟ ดาวตาจระเข้ หรือ ดาวเสือ) มี 1 ดวง
15. สวาดิ, สวาตี, สวัสติ (ดาวช้างพัง หรือ ดาวงูเหลือม) มี 5 ดวง
16. วิศาขา, วิสาขะ (ดาวคันฉัตร หรือ ดาวศีรษะกระบือ) มี 5 ดวง
17. อนุราธ, อนุราธะ, อนุราธา (ดาวประจำฉัตร หรือ ดาวนกยูง) มี 4 ดวง
18. เชษฐะ, เชษฐา (ดาวงาช้าง ดาวช้างใหญ่ ดาวคอนาค หรือ ดาวแพะ) มี 14 ดวง
19. มูล, มูละ, มูลา (ดาวช้างน้อย หรือ ดาวแมว) มี 9 ดวง
20. ปุรพษาฒ, บุรพอาษาฒ, บุพพาสาฬหะ (ดาวสัปคับช้าง หรือ ดาวราชสีห์ตัวผู้) มี 3 ดวง
21. อุตราษาฒ, อุตตรอาษาฒ, อุตตราสาฬหะ (ดาวแตรงอน หรือ ดาวราชสีห์ตัวเมีย) มี 5 ดวง
22. ศรวณะ, ศระวณ, สาวนะ (ดาวหลักชัย หรือ ดาวพระฤๅษี) มี 3 ดวง
23. ธนิษฐะ, ธนิษฐา (ดาวศรวิษฐา ดาวเศรษฐี ดาวไซ หรือ ดาวกา) มี 4 ดวง
24. ศตภิษัช, สตภิสชะ (ดาวพิมพ์ทอง หรือ ดาวยักษ์) มี 4 ดวง
25. บุรพภัทรบท, ปุพพภัททะ (ดาวโปฐบท ดาวแรดตัวผู้ หรือ ดาวหัวเนื้อทราย) มี 2 ดวง
26. อุตรภัทรบท, อุตตรภัทรบท, อุตตรภัททะ (ดาวแรดตัวเมีย หรือ ดาวไม้เท้า) มี 2 ดวง
27. เรวดี (ดาวปลาตะเพียน หรือ ดาวนาง) มี 16 ดวง
ไทยมีวันหยุดนักขัตฤกษ์เมื่อไหร่
แม้จะเรียกวันหยุดราชการประจำปีว่า “วันหยุดนักขัตฤกษ์” แต่เมื่อพิจารณาวันหยุดราชการแต่ละวันจะพบว่าวันนักขัตฤกษ์ไม่ได้ถูกกำหนดโดยใช้หลักโหราศาสตร์หรือคำนวนฤกษ์จากการโคจรของดวงดาวตามชื่อเรียกเสียทีเดียว เป็นเพียงการนำคำมาใช้เท่านั้น นอกจากนี้ วันหยุดราชการที่กำหนดขึ้นยังหวังผลทางการเมืองในแง่ของการสร้างอัตลักษณ์บางอย่างโดยรัฐด้วย
การกำหนดวันหยุดในไทยเมื่อครั้งอดีตให้ “วันพระ” ตามปฏิทินจันทรคติเป็นวันหยุดราชการ ก่อนจะนับวันหยุดสุดสัปดาห์ตามสากลในสมัยรัชกาลที่ 5 คือ วันอาทิตย์ ก่อนควบวันเสาร์ในเวลาต่อมา ส่วนวันหยุดนักขัตฤกษ์มีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โดยเป็นพระบรมราชโองการประกาศกำหนดวันหยุดราชการนักขัตฤกษ์ประจำปี (พุทธศักราช 2456) ดังนี้
1. พระราชพิธีตะรุษะสงกรานต์ แลนักขัตฤกษ์ หยุดตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม ถึงวันที่ 15 เมษายน รวม 19 วัน
2. วิสาขะบูชา หยุดตั้งแต่วันที่ 7 ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม รวม 3 วัน
3. เข้าปุริมพรรษา หยุดตั้งแต่วันที่ 6 ถึงวันที่ 12 กรกฎาคม รวม 7 วัน
4. ทำบุญพระบรมอัษฐิพระพุทธเจ้าหลวง หยุดวันที่ 23 ตุลาคม 1 วัน
5. ทำบุญพระบรมอัษฐิ แลพระราชพิธีฉัตรมงคล หยุดตั้งแต่วันที่ 9 ถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน รวม 4 วัน
6. เฉลิมพระชนมพรรษา หยุดตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม ถึงวันที่ 3 มกราคม รวม 5 วัน
7. มาฆะบูชา จาตุรงค์สันนิบาต หยุดวันที่ 1 มีนาคม 1 วัน
จะเห็นว่าวันหยุดตามประกาศดังกล่าวใช้วิธีนับวันทางสุริยคติแล้ว โดยล้วนเป็นวันสำคัญเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และพุทธศาสนาทั้งสิ้น แต่แม้มีการระบุกำหนดวันหยุดชัดเจน แต่หน่วยงานราชการกระทรวงต่าง ๆ ยังถือวันหยุดที่แตกต่างกันอยู่ เช่น กระทรวงยุติธรรมหยุดวัน “พระราชพิธีตะนุษะสงกรานต์ แลนักขัตฤกษ์” เป็นเวลาถึงหนึ่งเดือน ขณะที่กระทรวงอื่น ๆ ได้หยุด 19 วัน
กระทั่ง พ.ศ. 2477 รัฐบาลคณะราษฎร์โดยพระยาพหลพลพยุหเสนา ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงให้มีการกำหนดวันหยุดราชการและงานพิธีทางราชการให้เป็นระเบียบชัดเจน มีหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณเป็นประธานกรรมการ เพื่อให้หน่วยราชการและภาคส่วนอื่น ๆ ยึดถือร่วมกันโดยพร้อมเพรียง เป็นที่มาของการกำหนดวันหยุดราชการหรือวันนักขัตฤกษ์โดยมติคณะรัฐมนตรีในเวลาต่อมา
อ่านเพิ่มเติม :
- หนึ่งสัปดาห์มี 7 วัน แต่ทำไมวันหยุดสากลต้องเป็นเสาร์-อาทิตย์?
- “วันหยุดราชการ” ในอดีตของไทยหยุดวันอะไรกัน?
- สมัยรัชกาลที่ 5 ทำไมเปลี่ยนวันหยุดราชการจาก “วันพระ” เป็น “วันอาทิตย์”?
อ้างอิง :
สำนักงานราชบัณฑิตยสภา, dictionary.orst.go.th (สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2566) : พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. ๒๕๖๖ [คำศัพท์ : นักขัตฤกษ์, นักขัต, นักษัตร, ฤกษ์]. (ออนไลน์)
มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้, National Discovery Museum Institute (สืบค้นเมื่อ 4 มกราคม 2566) : ความเป็นมาของวันหยุดราชการของไทย. (ออนไลน์)
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 4 มกราคม 2566