ไฉนแรงงานไพร่พลลิงของพระราม ต้อง “จองถนน” หนทางสู่กรุงลงกา ไม่ใช้วิธีอื่น?

กรุงลงกา ลิง รามเกียรติ์ จองถนน
ภาพกองทัพวานรสร้างถนนไปกรุงลงกาโดย K Venkatappa ,Nivedita, Sister, 1867-1911; Coomaraswamy, Ananda Kentish, 1877-1947 (Myths of the Hindus & Buddhists (1914)) [Public domain], via Wikimedia Commons

ไฉนแรงงานไพร่พลลิงของพระราม ใน “รามเกียรติ์” ต้อง “จองถนน” หนทางสู่ “กรุงลงกา” ไม่ใช้วิธีอื่น?

ใน รามเกียรติ์ การจะบุกไป กรุงลงกา มิใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับฝ่ายพระราม ที่มีไพร่พลลิงที่มีฤทธิ์เดชมากมาย ทั้งสุครีพ หนุมาน พาลี ฯลฯ เพียงแค่ใช้พลังอิทธิฤทธิ์ก็เหาะไปถึงกรุงลงกาภายในพริบตา หรือมีอีกหลากวิธี เช่น ให้โน้มพระเมรุบรรพตใช้เป็นทาง, วิดน้ำในทะเลให้แห้งข้ามไป, ให้ลิงขยายร่างใหญ่โต นำไพร่พลลิงใส่มือข้ามไป, นิมิตเป็นสำเภาใหญ่ใช้ข้ามไป หรือแม้แต่เอาหางพาดเชื่อมสองฝั่ง ให้ไพร่พลลิงไต่ข้ามไป

แต่ลิงนามว่า ชามพูวราช กราบทูลพระรามว่า การจะทำสิ่งเหล่านั้นไม่สมพระเกียรติยศ สมควรให้ไพร่พลลิงไปขนหินมาทิ้งลงทะเล หรือ “จองถนน” ข้ามไปยังกรุงลงกา ซึ่งพระรามก็ทรงเห็นชอบด้วยกับแผนการนี้

พระรามทรงมอบหมายให้สุครีพไปทำการจองถนน สุครีพจึงสั่งให้นิลพัทคุมไพร่พลลิงเมืองชมพู หนุมานคุมไพร่พลลิงเมืองขีดขิน ผลัดกันรับส่งนำหินทิ้งลงทะเลให้เป็นถนนข้ามไปยังกรุงลงกา

แต่นิลพัทกับหนุมานเกิดทะเลาะวิวาทต่อสู้กัน จนเกิดเสียงดังกัมปนาท “พสุธาอากาศไหวหวั่น โพยมพยับอับแสงสุริยัน คลุ้มควันมืดฟ้าธาตรี” พระรามรับสั่งให้พระลักษมณ์ไปตรวจสอบดู พบว่านิลพัทกับหนุมานต่อสู้กัน จึงนำตัวมาเข้าเฝ้าพระราม

พระรามเมื่อทรงทราบก็กริ้วมาก “ได้ฟังคั่งแค้นแน่นอุรา โกรธาดั่งไฟบรรลัยกาล” รับสั่งว่า ใช้ให้ไปจองถนน แต่เหตุใดต่างตนจึงอวดกล้า กระทำเรื่องไม่กลัวพระราชอาญาเช่นนี้ หากแม้นว่าไม่ติดพันสงคราม จะตัดเศียรประหารชีวิตเสีย

สุครีพกราบทูลขอให้ทรงผ่อนผัน มิให้ลงพระราชอาญาถึงตาย จึงกราบทูลถวายคำแนะนำ พระรามทรงเห็นชอบด้วยคำแนะนำนี้ จึงมีพระบัญชาให้นิลพัทไปรักษาเมืองขีดขิน คอยส่งเสบียงอาหารให้กองทัพทุกเดือน หากไม่จัดส่งเสบียงตามกำหนด “กูจะผลาญให้ม้วยชีวัน” ส่วนหนุมานให้ไปจองถนนให้เสร็จภายใน 7 คืน หากจองถนนไม่เสร็จตามกำหนด กูจะผลาญชีวีให้วายปราณ” เช่นกัน

ครั้นถึงริมฝั่งชลธาร   แต่ศรีหนุมานชาญสมร
จึ่งพาพลทั้งสองพระนคร   ไปยังสิงขรหิมวา
หยุดอยู่แทบเชิงคีรี   จึ่งสั่งโยธีซ้ายขวา
ให้เข้าง้างขนศิลา   แต่บรรดามาจงครบกัน

จากนั้น หนุมานเป็นผู้ควบคุมไพร่พลลิงทั้งหมดไปขนหินเพื่อมาจองถนน

บัดนั้น   จึ่งหมู่วานรพลขันธ์
ต่างตนวิ่งวุ่นพัลวัน   ยืนยันเข้าหักคีรี ฯ
บ้างหาบบ้างแบกทุกตัวลิง   ช่วงชิงถุ้งเถียงกันอึงมี่
โห่ร้องก้องกึกเป็นโกลี   กระบี่เต้นโลดไปมา

ไพร่พลลิง (ซึ่งคงมีจำนวนมหาศาล) ต่างเข้าแย่งเอาหินมาแบกมาหาม โห่ร้องเสียงดังกึกก้อง กระโดดโลดเต้นไปมา

บัดนั้น   วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า
เข้าช้อนเอาเขาหิมวา   ด้วยกำลังศักดาเชี่ยวชาญ ฯ
ได้แล้วก็พาพลากร   โยธาวานรทวยหาญ
ออกจากภูเขาหิมพานต์   ไปยังชลธารด้วยฤทธา ฯ

หนุมานซึ่งมีฤทธิ์เดชมากก็ขนเอาหินก้อนใหญ่ นำไพร่พลลิงออกจากภูเขาในป่าหิมพานต์ไปยังริมฝั่งทะเล

ครั้นถึงฟากฝั่งทะเลวน   จึ่งสั่งพวกพลพร้อมหน้า
ให้วางซึ่งก้อนศิลา   กองไว้ริมท่าสมุทรไท ฯ

บัดนั้น   โยธาวานรน้อยใหญ่
บ้างทิ้งบ้างทุ่มเนื่องไป   ลงไว้ริมฝั่งสาคร ฯ

ไพร่พลลิงนำหินมาวางกองไว้ริมฝั่ง แล้วจึงนำไปทุ่มทิ้งลงไปในทะเล

บัดนั้น   ฝ่ายนิลราชชาญสมร
ผู้เดียวสำแดงฤทธิรอน   ขนก้อนภูผาทิ้งไป ฯ
ศิลาจมเรียบระเบียบกัน   เป็นแถวแนวคันถนนใหญ่
อันหมู่โยธีกระบี่ไพร   โห่สนั่นหวั่นไหวเป็นโกลี ฯ

หนุมานทิ้งหินก้อนใหญ่ลงทะเล สร้างเป็นแนวถนนใหญ่ พวกไพร่พลลิงต่างก็โห่ร้องสนั่นหวั่นไหว แล้วการจองถนนก็ดำเนินขึ้น ยักษ์ฝ่ายทศกัณฐ์ที่ลาดตระเวนอยู่นั้น เมื่อเห็นลิง “หาบขนเอาก้อนศิลา มาทอดลงคงคาดั่งห่าฝน” ก็ตกใจรีบกลับกรุงลงกาไปแจ้งข่าว เมื่อทศกัณฐ์ทราบข่าวก็ร้อนใจมิใช่น้อย เกรงว่าหากฝ่ายพระรามจองถนนข้ามมาถึงกรุงลงกาจะเดือดร้อนกันไปทั่วทั้งเมือง จึงวางแผนให้สุพรรณมัจฉาและพวกปลา “ล้างถนนศิลาเสียให้ได้”

เจ้าช่วยระงับดับเข็ญ   ให้เย็นทั่วญาติวงศา
จงสั่งบริวารฝูงปลา   ให้คาบศิลานั้นไป
ทิ้งเสียในอ่าวชเลวน   อย่าให้เป็นถนนขึ้นได้
พ่อจะรางวัลอรไท   สิ่งใดมิให้อนาทร

สุพรรณมัจฉาและพวกปลาก็ขนหินที่ลิงจองถนนอยู่นั้นไปทิ้ง จนสุครีพเห็นเป็นที่ผิดสังเกต จึงแจ้งแก่หนุมาน หนุมานเองก็บอกว่า ตนก็คิดสงสัยอยู่เช่นกัน จึงว่ายน้ำลงไปตรวจสอบดู ก็พบสุพรรณมัจฉาและพวกปลา หนุมานเจรจากับสุพรรณมัจฉา พูดจาหวาดล้อมและได้เสียกัน จากนั้นสุพรรณมัจฉาจึงสั่งให้พวกปลาขนหินนำมาวางคืนตามแนวถนนดังเดิม

บัดนั้น   ฝ่ายสุครีพหนุมานทหารกล้า
ครั้นเสร็จจองถนนด้วยศิลา   ก็ให้โยธาวานร
เร่งรัดทุบปราบราบรื่น   พื้นนั้นเรี่ยรายด้วยทรายอ่อน

ปักตรุยเส้นวาแน่นอน   แล้วพากันบทจรเข้ามา

เมื่อจองถนนเสร็จสิ้น สุครีพและหนุมานก็ให้ไพร่พลลิงปรับหน้าถนนให้ราบเรียบด้วยทรายอ่อน ปักกรุย (ตรุย) หรือหลักที่ปักรายไว้เป็นเครื่องหมาย ให้พร้อมสำหรับการเดินทัพ จากนั้น

จะยกพหลพลไกร   ข้ามมหาสมุทรไทไพศาล
ไปทวีปลงกากรุงมาร   สังหารอสูรพาลา
ไม่มีสีวิกาญจน์ยานุมาศ   จะเสด็จด้วยบาทอนาถา

จำจะให้เอารถรัตนา   ไปถวายผ่านฟ้าทรงจร

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 8 กรกฎาคม 2563