ศิลปกรรมที่ศาลเจ้าจีน-วัด-โรงเจ ความหมายในความงาม

ศิลปกรรมในศาลเจ้าจีน
งานไม้แกะสลักประดับหน้าโต๊ะ ภาพ “ปลาคาร์พโดดข้ามประตูมังกร” ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง (ภาพถ่าย วิภา จิรภาไพศาล)

ศิลปกรรมในศาลเจ้าจีน วัด และโรงเจ ความหมายในความงาม

ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ต่างมี “ศาสนสถาน” ตามความเชื่อของคนส่วนใหญ่ในชุมชนเป็นศูนย์กลาง สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนคงหนีไม่พ้นศาลเจ้า, โรงเจ และวัดจีน ยิ่งเป็นช่วงเทศกาลสำคัญอย่างตรุษจีน ที่ไหนๆ ก็ดูแคบลงไปถนัด เมื่อเจอกับศรัทธาของผู้คนที่ไปไหว้พระเจ้าขอพร, ทำบุญ และแก้ชง

แม้จะรีบไป รีบไหว้ รีบกลับ เพื่อหลีกทางให้คนอื่นได้เข้าไป แต่เชื่อว่าหลานท่านคงมองเห็นว่างานศิลปกรรมทั้งภายในและภายนอกของอาคารหลายแห่งสวยไม่ใช่เล่น ไม่เพียงเท่านั้นจิตรกรรมบางภาพยังแฝงข้อคิดอีกด้วย

เรื่องศิลปกรรมในศาลเจ้าจีน วัด และโรงเจ เสี่ยวจิวเขียนไว้ใน “ตัวตนคน แต้จิ๋ว (สนพ.มติชน, กันยายน 2554) ขอสรุปมานำเสนอเฉพาะภาพที่พบเห็นบ่อยๆ ขอเป็นสังเขป มาดูกันว่ามีภาพอะไรบ้าง

ภาพหนึ่งที่นับว่าสุดฮิต หลายท่านเห็นและทราบดี ชื่อภาพปลาคาร์พกระโดดข้ามประตูมังกร-หลี่ฮื้อเทียวเล้งมึ้ง ช่างจะวาดมังกร 2 ตัวอยู่ด้านซ้าย/ขวาของภาพ ตรงกลางภาพมีปลาคาร์พ 1 ตัว ด้านล่างของตัวปลามีระลอกคลื่นแทนแม่น้ำฮวงโห ด้านบนของปลามีซุ้มประตูจีน คือประตูอู่มึ้ง (ประตูน้ำ) ที่ไต่อู้ (1 ใน 5 ปฐมกษัตริย์โบราณของจีน) สร้างขึ้นเพื่อจัดระบบการชลประทาน ทำให้เส้นทางของน้ำเปลี่ยน ปลาคาร์พว่ายผ่านไปไม่ได้เช่นที่เคย เดือดร้อนก็โวยวาย ไต่อู้จึงรับสั่งว่า หากปลาตัวไหนกระโดดข้ามไปได้ก็กลายเป็นมังกร ดังนั้นคนส่นใหญ่จึงเรียกอู่มึ้ง-ประตูน้ำ ว่าเล้งมึ้ง-ประตูมังกร มากกว่า (รายละเอียดบางอย่างอาจเพิ่มหรือลดตามสไตล์ของช่างแต่ละคน)

ปลาคาร์พที่พยายามกระโดดข้ามประตูจนได้เป็นมังกรมันเหลือเชื่อเกินจริง แต่มันก็บอกเราว่าถ้ามีความพยายามอะไรก็อาจเป็นไปได้ ไม่ว่าเด็กนักเรียนที่ต้องสอบแข่งขัน ผู้ใหญ่ที่กำลังสอบเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ฯลฯ ชีวิตการงานก็จะสบความสำเร็จ

ภาพปลาคาร์พกระโดดข้ามประตูมังกรนี้มักเขียน, แกะสลักประดับที่ด้านหน้าของโต๊ะที่ของไหว้ต่างๆ เมื่อเราคุกเข่าลงแสดงความเคารพ ทั้งปลาคาร์พและมังกรก็อยู่ตรงหน้า ก็เหมือนกับจะบอกเราว่า “พยายามเข้านะ”, “สู้ๆ”

บน-ศาลเจ้าเล่งบ้วยเอี๊ยะ ซ้าย-ภาพจิวบุ๋นอ๋องเชิญเกียงจือแหย ขวา-เตี๋ยง้วงขออายุ (ภาพถ่าย วิภา จิรภาไพศาล)

อีกภาพหนึ่งที่เห็นบ่อยคือ ขุนนางยืนอยู่กับคนแก่ตกปลาริมน้ำ ชื่อภาพ จิวบุ๋นอ๋องเชิญเมธี-บุ่งอ๊วงเจียเหี่ย [บ้างเรียกบุ่งอ๊วงเพลี้ยเหี่ย] ชายที่ใส่ชุดขุนนาง-จิวบุ๋นอ๋อง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จิว, ส่วนคนแก่ตกปลา-เกียงจือแหย เป็นปราชญ์เมธีผู้มีความสามารถ ซึ่งขณะนั้นมีอายุกว่า 70 ปี ไปเป็นกุนซือและแม่ทัพในการล้มราชวงศ์ซาง (ภาพนี้เป็นฉากหนึ่งในวรรกรรมจีนเรื่องห้องสิน) ภาพนี้สื่อความหมายเป็นนัยๆ เรื่องการเลือกใช้คนให้เหมาะสมกับงาน เลือกคนที่ความสามารถ

ภาพเด็กหนุ่มยกอาหารให้ 2 ผู้เฒ่าที่กำลังเล่นหมากรุก ชื่อว่า เตี๋ยง้วงขออายุ-เตี๋ยง้วงขิ่วซิ้ว ผู้เฒ่า 2 คนนั้น คนหนึ่งเป็นเทพถือบัญชีคนเป็น อีกคนถือบัญชีคนตาย เด็กหนุ่มคือเตี๋ยง้วงชายหนุ่มอายุสั้น ที่มีผู้รู้เตือนว่าเขาจะมีอายุเพียง 19 ปี พร้อมแนะนำวิธีแก้ไขให้เอาอาหารและเหล้ามาดักติดสินบนเทวดา เทวดา 2 องค์กำลังเล่นหมากรุกเพลินๆ ไม่ได้ดู เห็นเหล้าปลาอาหารก็เพลอกินเข้าไป พอนึกคิดได้ก็ต้องย่อมช่วยเจ้าหนุ่มอายุสั้นเปลี่ยนอายุขัยจาก 19 ปี เป็น 91 ปี (นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่แทรกอยู่ในสามก๊ก)

ภาพนี้แฝงความหมายไว้ว่า กินของเขาไปแล้วก็ต้องช่วยเขา เราที่เอาของมาไหว้วันนี้เทพเจ้าก็คงเมตตา พูดให้ตรงกว่านั้นหน่อยก็ต้องบอกว่า “ติดสินบนเทวดา” ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์บนโลก

ภาพเตียวเหลียงเก็บรองเท้าให้เทวดา (ภาพถ่าย วิภา จิรภาไพศาล)

และภาพเด็กหนุ่มที่ส่งรองเท้าให้ท่านผู้เฒ่า คือ ภาพเตียวเหลียงเก็บรองเท้าให้เทวดา เด็กหนุ่ม-เตียวเหลียงซึ่งต่อมาเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของเล่าปัง ผู้เฒ่า-เทวดาแปลงกายลงมาสอนวิชา แต่ทดสอบความอดทนของเตียวเหลียงด้วยการให้เก็บรองเท้าถึง 3 ครั้ง เมื่อนัดให้ไปพบท่านยังเฉไฉให้เตียวเหลียงต้องเดินทางไปหาถึง 3 ครั้ง นัยว่าพิสูจน์ความอดทน, อ่อนน้อม ก่อนจะมอบตำราพิชัยสงครามให้ (นี่ก็เป็นฉากหนึ่งในวรรณกรรมไซ่ฮั่น)

ตัวอย่างภาพที่ยกมานั้นเป็นแค่บางส่วนของงานศิลปกรรมในศาลเจ้าจีน วัดจีน และโรงเจ ความหมายของภาพที่กล่าวถึงก็ยังเป็นส่วนน้อย และอาจมีการตีความที่เปลี่ยนไปตามความยุคสมัย ตามประสบการณ์ส่วนบุคคล ทั้งบางท่านอาจเข้าใจลึกซึ้งกว่าที่กล่าวมาด้วยซ้ำ ว่าแต่ท่านเห็นอะไรบ้างช่วยเล่าสู่กันฟังสักนิด

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 22 มกราคม 2563