“ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง” อิเหนาว่าใคร แล้วอิเหนาเป็นเหมือนใคร

จิตรกรรม อิเหนา รบ กับ ท้าวกะหมังกุหนิง ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดโสมนัสราชวรวิหาร ในภาพนี้เป็นตอนอิเหนารบกับท้าวกะหมังกุหนิง (ภาพจาก http://www.watsomanas.com)

สำนวน “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” นั้น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 อธิบายสำนวนนี้ว่า “(สำ) ก. ตำหนิผู้อื่นเรื่องใดแล้วตนก็กลับทำเรื่องนั้นเสียเอง” ซึ่งที่มาของสำนวนนี้ มาจากวรรณคดีเรื่อง “อิเหนา”

ฉากอิเหนาได้นางบุษบา ภาพโดย จักรพันธุ์ โปษยะกฤต จากหนังสือ อิเหนา ลักษณวงศ์ สมุทรโฆษ โดยนายตำรา ณ เมืองใต้

อิเหนาเป็นนิทานจากชวามลายูที่เป็นที่รู้จักในสังคมไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยเฉพาะในราชสำนัก อิเหนา พระเอกของเรื่อง เป็นโอรสท้าวกุเรปันที่ได้ตกลงกับท้าวดาหาบิดาของบุษบาว่า จะให้โอรสธิดาของตนหมั้นหมายกันไว้ (ซึ่งทั้งท้าวกุเรปันและท้าวดาหาคือ 2 ใน 4 เมืองที่เป็นวงศ์เทวา) แต่อิเหนาเกิดไปหลงรักจินตะหรา จึงขอยกเลิกการหมั้นหมายทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้าบุษบา

ท้าวดาหาโกรธและเสียหน้า จึงประชดด้วยการยกบุษบาให้จรกา ขณะที่เทวดาผู้ทรงเป็นต้นวงศ์เทวาต้องการสั่งสอนอิเหนา จึงบันดาลให้วิหยาสะกำโอรสท้าวผู้ครองเมืองกะหมังกุหนิงได้เห็นรูปของบุษบา จนเกิดความหลงใหลได้ส่งทูตมาขอนางบุษบา แต่ถูกปฏิเสธเพราะได้ยกให้จรกาไปก่อนหน้าแล้ว จึงเกิดศึกชิงนางบุษบา

อันเป็นที่มาของอิเหนาในตอน “ศึกกะหมังกุหนิง”

อิเหนาเองก็ต้องมาช่วยเมืองดาหารบกับวิหยาสะกำแบบไม่เต็มใจ เพราะไม่อยากจากจินตะหรา แต่ขัดคำสั่งพระบิดาไม่ได้ ทั้งตำหนิวิหยาสะกำและจรกา ว่า

ครั้นอ่านสารเสร็จสิ้นพระทรงฤทธิ์   ถอนฤาทัยให้คิดสงสัย

บุษบาจะงามสักเพียงไร   จึงต้องใจระตูทุกบุรี

หลงรักรูปนางอยู่อย่างนั้น   จะพากันมอดม้วยไม่พอที่

แม้งามเหมือนจินตะหราวาตี   ถึงจะเสียชีวีก็ควรนัก

แล้วตรัสกับดะหมังเสนา   เราจะยกโยธาไปโหมหัก

มิให้เสียวงศาสุรารักษ์   งดสักเจ็ดวันจะยกไป

เมื่อการศึกสงครามเสร็จสิ้น อิเหนาเป็นฝ่ายชนะวิหยาสะกำ ก็เข้าเมืองดาหามาเฝ้าท้าวดาหาและประไหมสุหรี และได้พบนางบุษบาเป็นครั้งแรกก็ถึงกับเพ้อออกอาการ ดังว่า

ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดโสมนัสราชวรวิหาร ในภาพนี้เป็นตอนอิเหนารบกับท้าวกะหมังกุหนิง (ภาพจาก http://www.watsomanas.com)

……………….   เมื่อระเด่นมนตรีเรืองศรี

เหลียวไปรับไหว้นางเทวี   ภูมีดูนางไม่วางตา

งามจริงยิ่งเทพนิมิตร์   ให้คิดเสียดายหนักหนา

เสโทไหลหลั่งทั้งกายา   สะบัดปลายเกศาเนืองไป

กรถอดอนุชาก็ตกลง   จะรู้สึกพระองค์ก็หาไม่

แต่เวียนจูบสียะตรายาใจ   สำคัญพระทัยว่าเทวี

ความรักรุมจิตต์พิศวง   จนลืมองค์ลืมอายนางโฉมศรี

ไม่เป็นอารมณ์สมประดี   ภูมีหลงขับขึ้นฉับพลัน

และนี่คือที่มาของสำนวนที่ว่า “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง”

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


ข้อมูลจาก :

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย. คำกลอนอิเหนา ศึกกะหมังกุหนิง, กรมตำรา กระทรวงศึกษาธิการ พิมพ์ครั้งที่ 9 พ.ศ. 2467


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 13 มิถุนายน 2562