“ท้าวเวสสุวรรณ” อธิบดีแห่งเหล่ายักษ์ ผู้ปกปักษ์พระพุทธศาสนา

ท้าวกุเวร หรือเวสสุวรรณ ท้าวธตรฐ
(ซ้าย) ท้าวกุเวร หรือเวสสุวรรณ ผู้รักษาทิศอุดร (ขวา) ท้าวธตรฐ ผู้รักษาทิศบูรพา (ภาพจากสมุดภาพไตรภูมิฉบับหลวง สมัยธนบุรี, หอสมุดแห่งชาติ)

“ท้าวเวสสุวรรณ” เป็นเทพในกลุ่ม “ท้าวจตุโลกบาล” หรือเทพแห่งทิศทั้ง 4 และมีบทบาทด้านการปกปักษ์รักษาพระศาสนา เป็นที่หวั่นเกรงของสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ศิลปินไทยมักถ่ายทอดรูปลักษณ์ของท่านในรูปของ “ยักษ์” แม้ท่านจะเป็น “คนละพวก” กับยักษ์ที่เราคุ้นเคยกันในเรื่องรามเกียรติ์ก็ตาม

เทพองค์นี้คือใคร หรือเป็นอะไรกันแน่?

ท้าวกุเวร ท้าวเวสสุวรรณ
ท้าวกุเวร หรือเวสสุวรรณ เทพผู้เป็นใหญ่ในหมู่ยักษ์ รักษาทิศอุดร (เหนือ)

เรื่องนี้ ผศ. คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เล่าไว้ในบทความ “ท้าวเวสสุวรรณ who are you?” มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ – 3 มีนาคม 2565 ว่า เวสสุวรรณมีความเก่าแก่สืบย้อนถึงยุคพระเวทของอินเดียเลยทีเดียว

นามเดิมในยุคแรกคือ ไวศรวัณ เขียนในภาษาบาลีว่า เวสสวัณ และอีกชื่อคือ “ท้าวกุเวร”

อันที่จริง ไวศรวัณไม่ใช่เทพ คือเป็นอมนุษย์จำพวก “ยักษ์” แต่เป็นยักษ์คนละพวกกับ “ทศกัณฐ์” และวงศาคณาญาติในมหากาพย์รามายณะ (รามเกียรติ์) เพราะกลุ่มนั้นเป็นสิ่งที่เรียกว่า “รากษส” มิใช่ “ยักษะ”

รากษสเป็นอมนุษย์ที่ดุร้าย ไม่มีศีลธรรม มักจับมนุษย์หรือสัตว์สวาปามเป็นอาหารอยู่ร่ำไป

ส่วนยักษ์นั้น ชาวบ้านอินเดียเขานับถือเป็นเทพ เป็นผีที่มีอำนาจ แม้ไม่เทียบเท่าเทพชั้นสูงของชาวอารยัน แต่สูงกว่ารากษสที่เป็นผีร้ายแน่ๆ

เมื่อคนไทยรับคติอมนุษย์ทั้งยักษะและรากษสจากอินเดียเข้ามา แต่เรียกรวมกันหมดว่า “ยักษ์” จึงไม่แปลกที่เราจะสับสน

ท้าวเวสสุวรรณ
ผลงาน นายธรรมรัตน์ กังวาลก้อง แห่งสำนักช่างสิบหมู่ (ภาพจาก เฟซบุ๊ก กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร)

ท้าวกุเวรตามเทวตำนานฮินดูเป็นยักษ์ที่ภักดีต่อพระศิวะมาก ถึงขนาดพระศิวะประทานเมืองให้ ถือเป็นเทพแห่งทรัพย์ เพราะมีสมบัติมหาศาล แต่เป็นขุนคลังนักเก็บรักษา มากกว่านักประทานให้ผู้อื่น และอีกบทบาทหนึ่งคือเทพประจำทิศหรือท้าวจตุโลกบาล โดยเป็นเทพประจำ “ทิศเหนือ”

ยักษ์ในอินเดียนั้นเป็นที่นิยมในระดับชาวบ้าน ไม่ได้แพร่หลายในหมู่พราหมณ์ เมื่อพระพุทธศาสนาซึ่งนับเป็นขบวนการปฏิปักษ์พราหมณ์-ฮินดู อุบัติขึ้นบนโลก พุทธศาสนาจึงนิยมยักษ์ในฐานะเทพของคนรากหญ้า เป็นที่มาของรูปสลักยักษะและยักษีในพุทธสถานต่าง ๆ ในฐานะผู้ปกป้องพระศาสนา

บทบาทของท้าวกุเวรซึ่งถือเป็นหัวหน้ายักษ์ จึงวิวัฒนาการจากเทพประจำทิศในฮินดูมาเป็นอธิบดีแห่งยักษะ ผู้ปกปักษ์พระพุทธศาสนา คุ้มกันพุทธบริษัทจากภัยอมนุษย์ ภูตผีปีศาจทั้งหลาย มิติของท้าวกุเวรในฐานะเจ้าแห่งผี นายแห่งอมนุษย์ หรืออธิบดีแห่งเหล่ายักษ์ จึงโดดเด่นในสังคมไทย มากกว่าการเป็นเจ้าแห่งขุมทรัพย์

พระสูตรหนึ่งในคัมภีร์พุทธศาสนาชื่อ “อาฏานาฏิสูตร” อันกล่าวถึงบทบาทข้างต้นของท้าวกุเวรหรือเวสสุวรรณ ยังเป็นที่มาของบทสวดอาฏานาฏิยปริตร ในพิธีอันโด่งดังอย่าง “สวดภาณยักษ์” โดยการเอาบทดังกล่าวมาสวดเป็นเสียงยักษ์โหยหวน เพื่อไล่พวกอนุษย์ ภูต ผี ปีศาจ

รวมถึงผ้ายันต์รูปท้าวเวสสุวรรณที่นับเป็น “เครื่องราง” ทรงอานุภาพด้านการขับไล่ภูต ผี ปีศาจ คืออาศัยอำนาจบารมีของท่านช่วยปกป้อง ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ไม่ให้มาแผ้วพาน

ใครที่ระแวงว่าตนจะโดน “ของ” หรือมีภูตผีตามรังควาน ลองหันพึ่งท่านดู น่าจะช่วยได้

ท้าวเวสสุวรรณ
นายอัษฎายุธ อยู่เย็น ประติมากรสำนักช่างสิบหมู่ กับรูปปั้นท้าวเวสสุวรรณ 1 ใน 4 ท้าวจตุโลกบาล ประติมากรรมประดับพระเมรุมาศในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงรัชกาลที่ 9 (ภาพจาก มติชนออนไลน์, 27 พฤษภาคม 2560)

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 11 ตุลาคม 2567