ประเพณีปอยส่างลอง งานบุญบวชเณรสุดอลังการ “ไทใหญ่” แม่ฮ่องสอน

ประเพณีปอยส่างลอง บวชลูกแก้ว แม่ฮ่องสอน วิมานหนาม
ปอยส่างลองหรือบวชลูกแก้ว (ภาพจากภาพยนตร์เรื่องวิมานหนาม)

หนึ่งในงานบุญสุดคึกคักครื้นเครงของชาวไทใหญ่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ต้องนับรวม “ประเพณีปอยส่างลอง” หรือเรียกอีกอย่างว่า “บวชลูกแก้ว” เข้าไปด้วย ประเพณีนี้คืออะไร? ทำไมถึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมประจำ พ.ศ. 2561

“ชาวไทใหญ่” ในแม่ฮ่องสอน

แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดที่มีชาวไทใหญ่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เหตุผลก็เพราะชาวไทใหญ่หรือชาวฉาน อพยพเข้ามาตั้งรกรากที่นี่นับร้อยๆ ปีมาแล้ว มีการนำวัฒนธรรมไทใหญ่เข้ามาในชุมชน ส่วนหนึ่งฉายชัดผ่านงานพุทธศิลป์และงานศิลปะที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์ชาวไทใหญ่

ชาวไทใหญ่นับถือศาสนาพุทธเถรวาท วิถีชีวิตจึงสอดคล้องกับหลักพุทธศาสนา มีความเชื่อเรื่องบุญกุศล กรรม การสั่งสมบุญบารมี เกิดเป็นพิธีกรรมและศิลปกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อทางพุทธศาสนา

ปอยส่างลอง บวชลูกแก้ว แม่ฮ่องสอน
ปอยส่างลองที่แม่ฮ่องสอน (ภาพ : ข่าวสดออนไลน์)

ผศ. ดร. ดินาร์ บุญธรรม อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขยายความถึงงานศิลปกรรมไทใหญ่ว่า

รูปแบบงานพุทธศิลป์ไทใหญ่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะมอญพม่า เนื่องจากชาวไทใหญ่อยู่ใต้อำนาจของชาวพม่ามาตั้งแต่สมัยพุกาม สืบมาในยุคราชวงศ์ตองอู จนถึงราชวงศ์อลองพญาราวพุทธศตวรรษที่ 22-24 ศิลปะมอญพม่าจึงมีอิทธิพลต่อกรอบการพัฒนางานพุทธศิลป์ของชาวไทใหญ่อย่างมาก ทั้งด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม รวมถึงงานประณีตศิลป์

“อย่างไรก็ตาม หากพิจารณางานพุทธศิลป์ของชาวไทใหญ่โดยละเอียดแล้วจะพบว่ามีเอกลักษณ์เป็นของตนเองภายใต้กรอบของศิลปะแบบมอญพม่า” อ. ดินาร์ บอก แล้วลงรายละเอียดให้เห็นภาพว่า

สถาปัตยกรรม มีการก่อสร้างวัด หรือ “จอง” ในภาษาไทใหญ่ โดยนิยมสร้างอาคารที่มีทั้ง อุโบสถ วิหาร หอฉัน กุฎีสงฆ์ อยู่ติดกันในลักษณะเรือนหมู่แบบชาวไทย หลังคาเป็นทรงยอดปราสาทแบบพม่ามอญ เรียกว่า “ทรงพญาธาตุ” แต่ลดจำนวนชั้นและความซับซ้อนของโครงสร้างลงไป

ส่วนเจดีย์มีลักษณะคล้ายสถูปเจดีย์แบบมอญพม่า แต่ขยายส่วนสูงให้เพิ่มขึ้น ทำให้เจดีย์ไทใหญ่มีรูปทรงสูงชะลูดกว่าเจดีย์พม่า

ประติมากรรม ชาวไทใหญ่นิยมสร้างพระพุทธรูปปางต่างๆ ทั้ง นั่ง นอน ยืน เดิน รูปพระพักตร์เป็นแบบพม่า นิยมแกะสลักจากหินหยก หรือเป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลักปิดทองประดับด้วยกระจก

จิตรกรรม นิยมเขียนภาพจากพุทธประวัติและภาพชาดก บุคคลในภาพมีทั้งที่แต่งกายแบบพม่าและแบบไทย จึงเป็นภาพจิตรกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปะไทยและพม่า

ทุกวันนี้ งานศิลปกรรมแบบไทใหญ่ยังคงมีให้เห็นอยู่หลายแห่งในแม่ฮ่องสอน เป็นหลักฐานชั้นดีถึงการผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมระหว่างไทใหญ่กับพื้นถิ่น

ประเพณีปอยส่างลอง บวชลูกแก้ว แม่ฮ่องสอน
ปอยส่างลอง หรือ “บวชลูกแก้ว” ที่แม่ฮ่องสอน (ภาพ : มติชนออนไลน์)

“ประเพณีปอยส่างลอง” พลังศรัทธาในศาสนาพุทธของชาวไทใหญ่

“ปอยส่างลอง” หรือ “บวชลูกแก้ว” เป็นอีกหนึ่งประเพณีหรือพิธีกรรมของชาวไทใหญ่ที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา จัดขึ้นระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ของทุกปี ระยะเวลาจัดงานตั้งแต่ 3-5 วัน ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าภาพ เป็นประเพณีที่ชาวไทใหญ่จัดให้ลูกหลานที่เป็นเด็กชาย อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป พบในจังหวัดแม่ฮ่องสอนและบางอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่

ปอยส่างลอง เป็นภาษาไทใหญ่ คำว่า “ปอย” หมายถึงงานหรือประเพณี คำว่า “ส่าง” แปลว่า “น้อย” หรือผู้บวชเป็นสามเณรแล้วลาสิกขา ส่วนคำว่า “ลอง” (อลอง) แปลว่า รัชทายาท โดยรวมจึงหมายความถึงงานบวชเด็กชายเป็นสามเณรนั่นเอง

อริสรา คงประเสริฐ นักจดหมายเหตุ กรมศิลปากร เล่าถึงรายละเอียดประเพณีนี้ว่า

ก่อนวันงาน เจ้าภาพจะจัดทำกำหนดการเพื่อเชิญชาวบ้านหรือคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกันมาร่วมงาน แล้วส่งคนไปบอกบุญตามบ้านต่างๆ เรียกว่า “ตกเทียน” คือนำเทียนไปแจกและบอกกำหนดการ ผู้ที่ได้รับเชิญจะไปร่วมงานและนำของใช้หรือเงินไปช่วยเจ้าภาพตามกำลังศรัทธา

พอถึงวันงาน ก็จะเริ่มด้วยการโกนผม “ส่างลอง” คือเด็กผู้ชายที่จะบวชเณร ให้เหลือแค่คิ้ว แต่งหน้า ทาปาก สวมใส่เครื่องประดับมีค่า เช่น สร้อยคอ กำไล แหวน ใช้ผ้าโพกศีรษะแบบชาวพม่า ใส่เสื้อเชิงงอนปักดิ้นไหม นุ่งโจงกระเบนงดงาม คาดเอวด้วยเข็มขัดเงิน

ปอยส่างลอง บวชลูกแก้ว แม่ฮ่องสอน
ปอยส่างลองที่แม่ฮ่องสอน ปี 2566 (ภาพ : ข่าวสดออนไลน์)

วันแรก ซึ่งทำพิธีตั้งแต่เช้ามืด ตะแปส่างลอง (พี่เลี้ยง) จะนำส่างลองไปซ่อน เพื่อเรียกเงินจากเจ้าภาพ เมื่อได้เงินแล้วจะนำส่างลองขี่ขึ้นคอ แล้วแห่ในขบวนพิธี มีม้าเปล่า 1 ตัวเดินนำขบวน ถือกันว่าเป็นม้าสำหรับเจ้าเมืองขี่นำไปทำพิธีกุศล ในขบวนแห่มีการบรรเลงดนตรีด้วยฆ้อง ฉาบ และกลอง สร้างความสนุกสนานครื้นเครง จากนั้นไปยังที่ต่างๆ เพื่อรับศีลรับพรจากผู้ใหญ่

วันที่สอง เรียกว่า “วันแห่ครัวหลู่” หรือวันแห่เครื่องปัจจัยไทยทานถวายพระสงฆ์ไปตามถนนสายต่างๆ ส่างลองขึ้นขี่คอตะแปส่างลอง และใช้ร่มที่ทาสีทอง เรียกว่า “ร่มทีคำ” ถือบังแดด ห้ามไม่ให้เท้าส่างลองแตะพื้น เปรียบเหมือนส่างลองเป็นรัชทายาท ช่วงเย็นมีพิธีคำขวัญและสวดคำขวัญ เพื่อให้เห็นถึงบุญคุณของบิดาและมารดา จากนั้นผู้ใกล้ชิดเข้ามาอวยพรและพบปะกันที่บ้าน

วันที่สาม หรือ “วันหลู่” เป็นวันสำคัญ เพราะต้องนำเครื่องไทยทานถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ อาราธนาศีล และเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เพื่อเป็นสามเณรอย่างสมบูรณ์ มักบวชกัน 15-30 วัน แล้วถึงสึก

ประเพณีปอยส่างลอง หรือ “บวชลูกแก้ว” เป็นประเพณีที่สำคัญอย่างมากของชาวไทใหญ่ที่ศรัทธาในพุทธศาสนา การจัดงานจึงยิ่งใหญ่อลังการ เพราะเชื่อว่าเป็นงานบุญที่จะได้กุศลใหญ่นั่นเอง และด้วยความสำคัญเช่นนี้ ปอยส่างลองจึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมในปี 2561

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง :

ดินาร์ บุญธรรม, วิทยากร. วราภรณ์ จิวชัยศักดิ์, ผู้ดำเนินรายการ. รายการวิทยุไทยศึกษา. “ชมศิลปะไทใหญ่ในแม่ฮ่องสอน”.

อริสรา คงประเสริฐ, เรียบเรียง. “บวชลูกแก้วหรือปอยส่างลองประเพณีบวชลูกแก้วหรือที่ชา”.


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 27 สิงหาคม 2567