ผู้เขียน | กองบรรณาธิการศิลปวัฒนธรรม |
---|---|
เผยแพร่ |
เป็นที่ทราบกันว่าอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ที่ภูพระบาท อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ได้ชื่อ “ภูพระบาท” มาจากรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่บนเทือกเขาหินทรายแห่งนี้ แต่รู้หรือไม่ว่า แท้จริงแล้วร่องรอยวัฒนธรรมตั้งต้นของพื้นที่แห่งนี้คือชุมชนโบราณที่นับถือ “ศาสนาผี” บูชาผีบรรพชนมาก่อน
เรื่องนี้ รศ. ดร. รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง อธิบายให้ “ศิลปวัฒนธรรมออนไลน์” ฟังว่า ภูพระบาทมีร่องรอยการเข้ามาของศาสนาพุทธเมื่อราว พ.ศ. 1500 แม้เราจะให้ยุคทวารวดี (พุทธศาสนา) เริ่มที่ พ.ศ. 1200 และภูพระบาทเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทวารวดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าที่นี่นับถือศาสนาพุทธกันตั้งแต่ปี 1200
ร่องรอย “ศาสนาผี” ที่ภูพระบาท
ในมิติว่าศาสนาผีอยู่ที่ภูพระบาทมาก่อนศาสนาพุทธนั้น อ.รุ่งโรจน์ เล่าว่า
“ภูพระบาทมีจิตรกรรมที่เรียกว่า ‘ก่อนประวัติศาสตร์’ อยู่ ที่จริงผมไม่อยากเรียกก่อนประวัติศาสตร์ เรียกว่า ‘ก่อนการเข้ามาของศาสนา (พุทธ)’ ดีกว่า
จิตรกรรมเหล่านี้เขียนเพื่ออะไร? นักวิชาการบางท่านระบุว่าเป็นบันทึกเหตุการณ์ แต่ใครจะไปดู เพราะบริเวณดังกล่าวเข้าถึงได้ยากลำบากมาก แปลว่าจิตรกรรมเหล่านี้ต้องเป็นมากกว่าการเขียนให้คนทั่วไปดู ข้อสังเกตคือเป็นภาพบุคคลที่ไม่ใช่ภาพเสมือนจริง เป็นลักษณะของเงามากกว่า”
ตรงนี้เองที่ อ. รุ่งโรจน์จะสื่อว่า ภาพเขียนโบราณที่ภูพระบาทเกี่ยวพันกับความเชื่อหรือจิตวิญญาณมากกว่าการบันทึกเรื่องราวทั่ว ๆ ไป ที่สำคัญคือ ไม่ใช่เรื่องของศาสนาพุทธ
จิตรกรรมที่ภูพระบาทยังมีภาพของ “หมา” ปะปนอยู่กับภาพคน ซึ่ง ศาสตราจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เคยให้ข้อมูลไว้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างหมาของคนโบราณในภูมิภาคอุษาคเนย์สัมพันธ์กับเรื่อง “ขวัญ” ด้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการอธิบายเกี่ยวกับวิญญาณของศาสนาผี
“หมาคือตัวนำ ‘ขวัญ’ ของผู้ตายขึ้นสู่สวรรค์ หลักฐานโบราณคดีมากมายมีร่องรอยของหมา ทั้งที่บ้านเชียง โนนเมือง ศรีเทพ มีโครงกระดูกของหมาอยู่คู่กับโครงกระดูกมนุษย์ ฉะนั้นจึงหมายความได้ว่า จิตรกรรมที่มีหมาเกี่ยวข้องกับขวัญ เกี่ยวข้องกับผีบรรพชน” อ. รุ่งโรจน์กล่าว
อาจารย์แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ยังเสนอด้วยว่า มีแนวโน้มว่าการนับถือศาสนาผีที่ภูพระบาทคือ “ผีหลวง” หรือผีหอหลวง และจะเห็นว่า แม้พุทธศาสนาเข้ามาแล้วศาสนาผีก็ไม่ได้อันตรธานหายไป เพราะหอผีกับพุทธสถานยังแยกส่วนกันอยู่
อ. รุ่งโรจน์กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราจะเห็นว่ารอยพระพุทธบาทของภูพระบาทก็อยู่ถัดออกไป ไม่มายุ่งกับพื้นที่ตรงกลางที่เป็นหอผี”
อนึ่ง ศาสนาผีในอุษาคเนย์ไม่ใช่เรื่องของวิญญาณ แต่เป็นเรื่องของ “ขวัญ” เป็นส่วนที่ไม่มีรูปร่าง จับต้องไม่ได้ และความเชื่อเรื่องขวัญเป็นส่วนหนึ่งของคติบูชาบรรพชน อันเป็นความเชื่อเก่าแก่ของผู้คนแถบนี้ ดังที่พระยาอนุมานราชธน (เสฐียรโกเศศ) กล่าวว่า “เดิมเป็นคนเมื่อตายไปแล้วไม่ไปไหน ยังสิงอยู่ในบ้านในเรือน โดยปกติเป็นญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว”
คติดังกล่าวเป็นรากฐานของสิ่งที่เรียกว่า “ผีเรือน” และยังมีผีที่ฐานะสูงขึ้นไปอีก เป็นผีระดับหัวหน้า นั่นคือ ผีบ้านหรือผีชุมชน ผีเจ้านายหรือผีเมือง ตลอดจนผีฟ้า ซึ่งความเชื่อเหล่านี้เป็นคติที่ปรากฏอยู่ในหอผีของภูพระบาท ก่อนรับพระพุทธศาสนานั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม :
- ไขปริศนา “ภาพเขียนสี” ภูพระบาท ยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุร่วม 2,000 ปี
- ทำไม “ภูพระบาท” มรดกโลกแห่งที่ 8 ของไทย ถึงเป็น “แหล่งหินตั้ง” ในวัฒนธรรมทวารวดี?
- “หอนางอุสา” ศาสนสถานสำคัญรูป “ดอกเห็ด” แห่งภูพระบาท แหล่งมรดกโลกลำดับที่ 8 ของไทย
สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 1 สิงหาคม 2567