“รัชกาลที่ 5” ครั้งต้องเสด็จประพาสยุโรป ทรงจัดงานฉลองพระชนมพรรษาอย่างไร?

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ฉาย พระบรมฉายาลักษณ์ กับ พระราชโอรส ณ โรงเรียนอีตัน เสด็จประพาสยุโรป 16 มหาสาขา จุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ ประกอบบทความ พระราชโอรสรัชกาลที่ 5 (บางพระองค์) ที่เสด็จไปเรียนต่อต่างประเทศและทรงกลับมารับราชการ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับพระราชโอรสที่โรงเรียนอีตัน คราวเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 พ.ศ. 2450

ในอดีต การ “เฉลิมพระชนมพรรษา” ของพระมหากษัตริย์ไทยมักจะเกิดขึ้นในวันเวลาที่ไม่ตรงกัน ขึ้นอยู่กับกำหนดการในแต่ละปี กระทั่งเข้าสู่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ (พระยศของรัชกาลที่ 4 ขณะนั้น) จึงเป็นผู้ทรงคิดค้นให้เกิด “วันเฉลิมพระชนมพรรษา” แบบตรงวัน และทรงทำให้เป็นประเพณีหลวง กระทั่งล่วงเลยมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ธรรมเนียมนี้ก็ยังคงอยู่

แม้กระทั่งครั้งที่ “รัชกาลที่ 5” เสด็จประพาสยุโรปก็ยังต้องทรงจัดงานฉลองพระชนมพรรษา…

งานฉลองพระชนมพรรษาสมัยรัชกาลที่ 5

ธงทอง ชัชพล พูดเรื่อง งานฉลองพระชนมพรรษา
ศ.พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ’ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ราชสำนัก และ ‘รศ.ดร.ชัชพล ไชยพร’ รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บนเวที ‘ธรรมเนียมการฉลองอายุ’ ในงานเสวนา ‘ฉลองราชย์ เฉลิมพระชนมวาร’ เมื่อวันที่ 25 กรฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 13.00-17.00 น. ณ ห้องสามศร 1 อาคารรำไพพรรณี ชั้น 6 พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ใกล้สะพานผ่านฟ้าลีลาศ)

เรื่องนี้ ศ. พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ราชสำนัก และ รศ. ดร. ชัชพล ไชยพร รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลไว้ในเวทีหัวข้อ ธรรมเนียมการฉลองอายุ ในงานเสวนาพิเศษ ฉลองราชย์ เฉลิมพระชนมวาร เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 13.00-17.00 น. ณ ห้องสามศร 1 อาคารรำไพพรรณี ชั้น 6 พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ใกล้สะพานผ่านฟ้าลีลาศ) ว่า…

“วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ก็คือวันที่ 20 กันยายน…ถ้าท่านอยู่เมืองไทยไม่ขัดข้องในการบำเพ็ญพระราชกุศล พระมีเยอะ นิมนต์มาสวดมนต์ ถวายภัตตาหารอย่างไรก็ได้ แต่เวลาท่านเสด็จยุโรป ทั้ง 2 คราว มีข้อขัดข้องมาก

ยุโรปสมัยก่อนไม่ได้นั่งเรือบินไป 10 ชั่วโมงถึง ท่านต้องเสด็จออกจากเมืองไทย ค่าเฉลี่ยประมาณเดือนเมษายน เพื่อกะว่าเดินทางประมาณเดือนหนึ่ง ถึงที่นั่นฤดูใบไม้ผลิพอดี อากาศกำลังดี แล้วก็เสด็จไปพระราชสำนัก ไปทอดพระเนตรกิจการทั้งหลาย แล้วก็อยู่มาเสร็จสรรพเรียบร้อย ผ่านฤดูใบไม้ผลิ ผ่านฤดูร้อน

ประมาณสักตุลาคมกำลังจะเริ่มหนาวแล้ว ใกล้ ๆ ตุลาคม พฤศจิกายนแบบนี้ ควรเสด็จกลับได้แล้ว เดี๋ยวหิมะตก เพราะฉะนั้นก็จะมาถึงเมืองไทยปลายปี ที่ว่ามาทั้งหมดถึงเมืองไทยประมาณธันวาคม

แปลว่ามีอยู่ 2 ปี คือ พ.ศ. 2440 และ พ.ศ. 2450 ที่ท่านอยู่ยุโรปในวันเฉลิมพระชนมพรรษา แล้วท่านจะทำอย่างไรดีล่ะ เวลานั้นวัดไทยยังไม่มีเลยในยุโรป ในขบวนที่ท่านไปท่านเชิญพระพุทธรูปไปด้วย นั่นคือ ‘พระชัย’”

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ฉายพระบรมฉายาลักษณ์ร่วมกับพระราชโอรสที่โรงเรียนอีตัน คราวเสด็จประพาสยุโรปครั้งที่ 2 พ.ศ. 2450

ด้านรองคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสริมว่า “ธรรมดาของพระมหากษัตริย์เวลาเสด็จพระดำเนินไกล ๆ เป็นขบวนไป จะต้องมีพระชัย”

จากนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดีจะกล่าวต่อไปว่า… “ท่านก็ตั้งพระพุทธรูปเป็นประธานในพิธี แล้วก็ทรงบูชาสักการะพระพุทธรูปนั้น สวดมนต์ในบรรดาพระองค์เอง แล้วก็เจ้านายทั้งหลาย สวดมนต์นี่ก็เป็นกุศล ใจเป็นสมาธิ รำลึกถึงพระคุณพระรัตนตรัย แค่นี้ก็เป็นบุญกุศลในข้อจำกัดที่ท่านอยู่ในต่างประเทศแล้ว”

ก่อนที่ รศ. ดร. ชัชพล จะปิดท้ายไว้ว่า พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรป ก็ยังทรงสรงน้ำพระชัยอีกด้วย เพื่อที่จะเป็นน้ำพระพุทธมนต์ เพราะปกติแล้วงานเฉลิมพระชนมพรรษาจะต้องมีการเสกทำน้ำพระพุทธมนต์ จะได้สรงพระมุรธาภิเษก แต่เนื่องจากปีนั้นไม่มีพระ จึงใช้น้ำสรงพระชัยแทน

ฟังเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายเกี่ยวกับ ‘ธรรมเนียมการฉลองอายุ’ ในงานเสวนา ‘ฉลองราชย์ เฉลิมพระชนมวาร’ เมื่อวันที่ 25 กรฎาคม พ.ศ. 2567 เวลา 13.00-17.00 น. ณ ห้องสามศร ๑ อาคารรำไพพรรณี ชั้น ๖ พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (ใกล้สะพานผ่านฟ้าลีลาศ) ได้ที่นี่ คลิก…

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 กรกฎาคม 2567