“สหชาติ” ทั้ง 7 สิ่งมงคลอันเป็นอัศจรรย์ ที่เกิดพร้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ประสูติ พระพุทธเจ้า เจ้าชายสิทธัตถะ พร้อม สหชาติ ทั้ง 7
การประสูติของพระสิทธัตถะกุมาร (ภาพจาก unvesakaustralia.org)

ในวันประสูติของ เจ้าชายสิทธัตถะ หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บังเกิดเหตุอัศจรรย์อันเป็นมงคล คือ “สหชาติ” ทั้ง 7 ที่มีประสูติกาลพร้อมพระโพธิสัตว์ เรียกง่าย ๆ ว่า เกิดวัน เดือน ปี เดียวกันกับ พระพุทธเจ้า

โดยคำว่า สหชาติ หมายถึง “เกิดพร้อมกัน” มาจาก สห- แปลว่า ด้วยกัน, ร่วม, พร้อม และ ชาติ แปลว่า การเกิด หรือกำเนิด

สหชาติ 7 เหล่า

คัมภีร์พุทธศาสนาเล่าว่า ในวันเพ็ญเดือน 6 เมื่อ 80 ปีก่อนพุทธศักราช วันที่กุมารน้อยแห่งศากยวงศ์ประสูตินั้น ได้เกิด มนุษย์ สัตว์ และสิ่งของ เป็นสหชาติร่วมกันกับพระองค์ ถึง 7 สิ่ง สหชาติเหล่านั้น ได้แก่

1. พระนางพิมพา หรือพระนางยโสธรา พระราชบุตรีของพระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งกรุงเทวทหะ และเป็นพระขนิษฐาของพระเทวทัต พระนางเป็นพระชายาของเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อพระชนม์ได้ 16 พรรษา เป็นพระมารดาของ พระราหุล ภายหลังเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดพระประยูรญาติ พระนางเข้าไปกอดพระบาท โหยไห้รำพึงรำพันดั่งขาดสติอย่างน่าเวทนา พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงพระธรรมเทศนา เป็นผลให้พระนางคลายโศกเศร้าถึงขั้นบรรลุโสดาบัน

ภายหลังพระนางพิมพาออกบวช มีนามว่า “พระภัททกัจจานาเถรี” เนื่องจากมีพระสิริโฉมงดงาม พระสรีระและผิวพรรณเปล่งปลั่งดุจทองคำ พระยโสธราเถรีบรรลุอรหันต์ และนิพพานขณะพระชนมายุ 78 พรรษา หรือ 2 ปีก่อนการเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า

2. พระอานนท์ เจ้าชายในศากยวงศ์ โอรสของพระเจ้าสุกโกทนะ ซึ่งเป็นพระเจ้าอาของเจ้าชายสิทธัตถะ พระอานนท์ออกบวชในพระพุทธศาสนา และได้เป็น “พระอุปัฏฐาก” หรือผู้อุปถัมภ์ดูแลประจำพระองค์ของพระพุทธเจ้า ทั้งได้รับยกย่องเป็น “เอตทัคคะ” (ผู้ยอดเยี่ยมด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ) หลายอย่าง ได้แก่ เป็นพหูสูต มีสติ มีคติ มีธิติ และการเป็นพุทธอุปัฏฐาก

พระอานนท์บรรลุอรหัตผล หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 3 เดือน เป็นกำลังสำคัญเมื่อคราวทำปฐมสังคายนาของคณะสงฆ์ ท่านมีอายุได้ 120 ปี จึงปรินิพพานบนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำโรหิณี พรมแดนระหว่างแคว้นของพระประยูรญาติทั้งสองฝ่าย คือศากยวงศ์และโกลิยวงศ์

3. นายฉันนะ อำมาตย์คนสนิทของเจ้าชายสิทธัตถะ เป็นสารถีของเจ้าชายเมื่อครั้งยังทรงอยู่ในวัง ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบรรพชา นายฉันนะตามเสด็จไปด้วย และนำเครื่องอาภรณ์กับคำกราบทูลของเจ้าชายกลับไปแจ้งยังกรุงกบิลพัสดุ์

ภายหลังนายฉันนะบวชเป็นภิกษุ ได้ถือตนว่าเป็นคนใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามาแต่ครั้งเป็นเจ้าชาย ภิกษุรูปอื่นว่ากล่าวตักเตือนมักไม่ฟัง เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระฉันนะถูกเหล่าสงฆ์ลงพรหมทัณฑ์ คือพร้อมใจกันไม่พูดคุยด้วย ปล่อยให้โดดเดี่ยวจากหมู่สงฆ์ (โดนแบน) เป็นเหตุให้พระฉันนะระลึกได้ แล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

4. อำมาตย์กาฬุทายี มหาดเล็กที่เกิดในตระกูลอำมาตย์แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ พระสหายสนิทของ เจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ พระเจ้าสุทโธทนะได้ส่งอำมาตย์กาฬุทายีไปทูลเชิญพระพุทธเจ้าที่กรุงราชคฤห์ ให้เสด็จมากรุงกบิลพัสดุ์ ปรากฏว่าเมื่อท่านได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังพระธรรมเทศนาก็บรรลุพระอรหัตผลทันที จึงอุปสมบทเป็นภิกษุ

แต่พระกาฬุทายีเถระยังรำลึกเสมอว่า ต้องทูลเชิญพระพุทธเจ้าไปโปรดพระประยูรญาติและชาวเมืองที่กรุงกบิลพัสดุ์ จึงทูลเชิญพระพุทธเจ้าพร้อมเหล่าภิกษุให้เสด็จไปจนเป็นผลสำเร็จ และได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะในเรื่องผู้นำตระกูลให้เลื่อมใส

5. ม้ากัณฐกะ ม้าพระที่นั่งของเจ้าชายสิทธัตถะ ตัวยาวจากคอถึงหาง 18 ศอก ทรงม้าสมส่วน กายสีขาวผ่องเหมือนเปลือกหอยสังข์ ในคืนที่เจ้าชายเสด็จหนีออกจากพระราชวังไปออกบวชนั้น (นายฉันนะเกาะหางม้าไปด้วย) ม้ากัณฐกะเดินทางจากรุงกบิลพัสดุ์ถึงแม่น้ำอโนมา เป็นระยะทาง 30 โยชน์ (480 กิโลเมตร) ใช้เวลาจากเที่ยงคืนถึงเช้า แล้วกระโดดข้ามแม่น้ำในทีเดียว

หลังจากเจ้าชายสิทธัตถะรับสั่งว่า “กัณฐกะ เจ้าจงกลับไปยังเมืองกบิลพัสดุ์เถิด” ม้ากัณฐกะที่มองพระโพธิสัตว์ลับสายตาไปได้ตรอมใจจนถึงแก่ความตายทันที ก่อนไปเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในนาม “กัณฐกเทวบุตร”

6. ต้นมหาโพธิ์ เกิดพร้อมพระกุมารเช่นกัน และเป็นต้นไม้ที่พระโพธิสัตว์ซึ่งมีพระชนมายุได้ 35 พรรษา ทรงบำเพ็ญเพียรจนตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในวันเพ็ญ เดือน 6 ใต้ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์นี้ ภายในป่าสาละ ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แคว้นมคธ (ปัจจุบันคือ ตำบลพุทธคยา แขวงเมืองอุรุเวลาเสนานิคม ของรัฐพิหาร)

สำหรับต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นแรกที่เกิดพร้อมกับพระพุทธเจ้านั้น มีอายุอยู่ราว 305 ปี ได้มีการเก็บหน่ออ่อนจากมหาโพธิ์มาปลูกเป็นต้นที่ 2 ซึ่งมีอายุอยู่ 891 ปี ให้หน่ออ่อนแก่ต้นที่ 3 ซึ่งถูกนำมาปลูกต่อแล้วมีอายุยืนยาวอยู่ถึง 1,227 ปี และต้นที่ 4 คือหน่ออ่อนทายาทต้นมหาโพธิ์ที่อยู่มาปัจจุบัน ยังพบได้ที่พุทธคยา โดยปลูกเมื่อราว พ.ศ. 2434

7. ขุมทรัพย์ทั้ง 4 คือขุมทรัพย์ หรือนิธิกุมภี เป็นขุมทอง 4 ขุม ได้แก่ ขุมทองสังขนิธี ขุมทองเอลนิธี ขุมทองอุบลนิธี ขุมทองปุณฑริกนิธี ในวันประสูติ ขุมทรัพย์ทั้ง 4 ได้บังเกิดขึ้นที่มุมกำแพงพระนครทั้ง 4 ด้าน เพื่อให้เจ้าชายสิทธัตถะใช้ หากพระองค์ประสงค์จะเป็นพระจักรพรรดิราช แต่เจ้าชายเลือกสละขุมทรัพย์ทั้งหมด แล้วออกบวชเพื่อบรรลุในพระสัมมาสัมโพธิญาณ

สรุปว่า สหชาติ ทั้ง 7 หรือ 7 สิ่งที่เกิดพร้อมพระพุทธเจ้า ประกอบด้วย พระนางพิมพา พระอานนท์ นายฉันนะ อำมาตย์กาฬุทายี ม้ากัณฐกะ ต้นมหาโพธิ์ และขุมทรัพย์ทั้ง 4

พระพุทธเจ้า กับเลข 7

อีกข้อสังเกตในช่วงพระประสูติกาล ยังมีสิ่งที่เป็นเลข 7 อีกประการคือ การเดิน 7 ก้าวพร้อมดอกบัว 7 ดอกผุดขึ้นมารองพระบาท ซึ่งถูกตีความว่าเป็นสัญลักษณ์แทนแว่นแคว้นทั้ง 7 ที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปประกาศพระธรรม และสัญลักษณ์ของโพชฌงค์ 7 ประการ คือธรรมอันเป็นองค์ประกอบของการตรัสรู้ ได้แก่ สติ, ธัมมวิจยะ, วิริยะ, ปีติ, ปัสสัทธิ, สมาธิ และอุเบกขา

เลข 7 จึงเป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียจากอิทธิพลพุทธศาสนา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยแพร่หลาย ก่อนเสื่อมความนิยมเพราะลัทธิฮินดูอันแข็งแกร่งในอินเดียเอง กระนั้นความศักดิ์สิทธิ์ของเลข 7 ยังแพร่ไปถึงจีนและญี่ปุ่นพร้อมการไปถึงของศาสนาพุทธ โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ถือเอาเลข 7 ว่าเป็นเลขมงคลสูงสุดเลยทีเดียว

อ่านเพิ่มเติม : 

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


อ้างอิง : 

วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล. พุทธประวัติ : เกิดเหตุอันอัศจรรย์ เกิดสหชาติทั้ง 7 ในกาลประสูติมีอะไรบ้าง. สืบค้นเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2567. (ออนไลน์


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2567