“พระเจ้าช้างเผือก” กับการ “Strike” ความเป็นสมัยใหม่ที่ถูกใส่มาเนียนๆ ในภาพยนตร์

พระเจ้าจักรา ขี่ ช้าง ภาพยนตร์ พระเจ้าช้างเผือก
พระเจ้าจักรา ขี่ ช้าง ภาพยนตร์ พระเจ้าช้างเผือก

“พระเจ้าช้างเผือก” กับการ “Strike” ความเป็นสมัยใหม่ที่ถูกใส่มาเนียนๆ ในภาพยนตร์ โดยปรีดี พนมยงค์

พระเจ้าช้างเผือก ผลงานอำนวยการสร้างและผลิตภาพยนตร์โดย ปรีดี พนมยงค์ ถ่ายทำเสร็จในปี พ.ศ. 2483 เรื่องราวกล่าวถึงสงครามระหว่าง พระเจ้าจักรา แห่งอาณาจักรอโยธยา กับพระเจ้าหงสา กษัตริย์จากชาติใกล้เคียง แม้จะมีลักษณะเหมือนภาพยนตร์เชิงประวัติศาสตร์ แต่เนื้อหาทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นโดยปรีดี

ปรีดีนำสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ภายใต้กระแสชาตินิยมที่กำลังถูกสร้างในไทย ดังนั้น เนื้อหาของภาพยนตร์จึงย่อมมีลักษณะของการปลูกฝังแนวคิดแบบชาตินิยมในความหมายใหม่ลงไป กล่าวคือ ไม่ใช่ชาตินิยมที่อิงกับบารมีของกษัตริย์ดั่งอาณาจักรในอดีตที่ปกครองพื้นที่ในลักษณะ “รัฐแสงเทียน” (Mandala) แต่เป็นชาตินิยมที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเขตแดน ประวัติศาสตร์ชาติ อำนาจอธิปไตย หรือสถานะของประชาชนในฐานะพลเมือง คือ ระบอบประชาธิปไตย รวมถึงกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ

ปรีดี พนมยงค์
ปรีดี พนมยงค์

หนึ่งในฉากที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นสมัยใหม่ในภาพยนตร์ คือฉากที่กล่าวถึง “การประท้วง” หรือ “การนัดหยุดงาน” (ในภาพยนตร์ใช้คำว่า Strike) ปรากฎในฉากที่สมุหราชมณเฑียรท้วงพระเจ้าจักราว่า การไม่มีมเหสี 365 คน จะนำมาสู่การ Strike ซึ่งแนวทางปฏิบัติในลักษณะของการรวมกลุ่มกันเพื่อเรียกร้องสิทธิใดๆ บางประการ เป็นสิ่งที่ยังไม่ปรากฎในช่วงเวลาของภาพยนตร์ที่ดำเนินในสมัยอยุธยา

แม้ “การประท้วง” จะปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์โลกอยู่แล้ว แต่ช่วงเวลาที่ “Strike” กลายเป็นคำคุ้นหูคุ้นตาของชาวโลกก็เกิดขึ้นในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเริ่มต้นในอังกฤษช่วงทศวรรษที่ 18 โดยการ Strike เป็นสิ่งที่เกิดในอังกฤษบ่อยครั้งในช่วงศตวรรษที่ 19 จากเหล่าแรงงานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนายจ้างหรือรัฐบาล ซึ่งสิ่งที่แรงงานเหล่านั้นทำได้ก็มีเพียงการประท้วงหรือกระทำในสิ่งที่จะทำให้นายจ้างเดือดร้อนนั่นคือการนัดหยุดงาน

ทั้งอุตสาหกรรมถ่านหิน อุตสาหกรรมเหมืองแร่ พนักงานการรถไฟ กระทั่งอุตสาหกรรมทอผ้า ทั้งหมดล้วนมีประวัติที่แรงงานนัดหยุดงานประท้วงมาแล้วทั้งสิ้น ต่อมาหลังจากที่การปฏิวัติอุตสาหกรรมเกิดขึ้นในประเทศอื่นๆ สิ่งที่มาพร้อมกันนั้นก็คือ แรงงานและการประท้วง ในช่วงศตวรรษที่ 20 การประท้วงของแรงงานกลายเป็นเรื่องปกติในโลก และกลายเป็นค่านิยมที่เกิดขึ้นภายใต้บริบทประชาธิปไตยที่เติบโตในหมู่ชาติฝั่งเสรีซึ่งเริ่มก่อร่างขึ้น นำโดยอังกฤษและสหรัฐอเมริกา

พร้อมกันกับกระแสการประท้วงของเหล่าแรงงานนั้น การประท้วงในประเด็นอื่นๆ เช่น ด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การประท้วงเพื่อเสรีภาพ การต่อต้านสงคราม หรือการต่อต้านผู้นำ ก็กลายเป็นเรื่องปกติ (Norm) ของสังคมประชาธิปไตย ซึ่งกระแสดังกล่าวนี้ก็ได้ไหลเข้ามาที่สยาม ภายหลังการปฏิวัติ 2475 ด้วยเช่นกัน

กระนั้นแล้ว ด้วยความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกประเทศ ทำให้ในช่วงแรก ค่านิยมของความเป็นประชาธิปไตย ยังไม่ได้ถูกปลูกฝังลงไปในหมู่ประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งในระหว่างที่ประชาชนสยามยังคงปรับตัวอยู่นั้น รัฐบาลคณะราษฎรก็พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ชาวสยามได้รู้จักกับสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

สิ่งดังกล่าวนี้สะท้อนอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง “พระเจ้าช้างเผือก” ภาพยนตร์จากนิยายซึ่งเขียนโดยปรีดี หนึ่งในจุดเด่นสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการผสมผสานระหว่างเนื้อหาทางประวัติศาสตร์ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นบริบทของเนื้อเรื่อง และความเป็นสมัยใหม่ ที่ถูกใส่เข้าไปในภาพยนตร์อย่างหลากหลาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สร้างความรู้สึกประทับใจให้กับผู้ชมในยุคร่วมสมัย ที่ได้เห็นถึงความสร้างสรรค์ในการผสมผสานนี้

เห็นได้จาก Strike ประเด็นหนึ่งที่ถูกใส่เข้ามาผ่านฉากที่กล่าวไปตอนต้น คือส่วนที่ชี้ให้เห็นว่า การกระทำของกษัตริย์ หรือผู้นำนั้นถูกตั้งคำถามได้ และแนวทางที่จะเรียกร้องมาซึ่งการตอบข้อสงสัยนั้น ก็คือ การประท้วง ดังที่พระสมุหราชมณเฑียรได้กล่าวไป ว่าพระเจ้าจักรานั้นสามารถถูกตั้งคำถามได้

(ซ้าย) นายปรีดี พนมยงค์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์, (ขวา) นายดำริห์ โปรเทียรณ์ ผู้บันทึก

กล่าวได้ว่า การ Strike คือความเป็นสมัยใหม่ที่ถูกใส่เพิ่มเติมไปในภาพยนตร์ ที่ถึงแม้จะปรากฏแค่เพียงจุดเล็กๆ เป็นบทพูดไม่กี่วินาที แต่ก็สามารถสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองและความคาดหวังของปรีดี รวมถึงรัฐบาลคณะราษฎร ที่นอกจากจะต้องการปลูกฝังความเป็นชาติไปสู่ประชาชนแล้ว ยังต้องการปลูกฝัง “ความเป็นสมัยใหม่” ซึ่งในบริบทนี้ก็คือ “การเรียนรู้ถึงระบอบประชาธิปไตย” และแน่นอนว่า การ Strike ก็คือหนึ่งในการกระทำที่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย ให้เป็นที่ประจักษ์ไปสู่สายตาคนดู และในใจของราษฎรนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่


เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 23 มิถุนายน 2566